ศูนย์ข่าวภูเก็ต -อ่าวฉลองภูเก็ตเนื้อหอม เอกชนทั้งไทย-ต่างชาติ สนใจเสนอโครงการพัฒนาแล้ว 3-4 ราย ผู้ว่าฯภูเก็ตเสนอรัฐบาลหาแนวทางลงทุนโครงการขนาดใหญ่ พร้อมใช้งบฯซีอีโอจ้างผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์โครงการเอกชนทั้งหมดให้เสร็จภายใน 3 เดือน "มารีนา บีช วิลเลจ"ทุนใหญ่รายล่าสุดที่สนใจลงทุนที่อ่าวฉลอง ดึงต่างชาติร่วมลงทุนกว่า 3 พันล้าน ผุดบ้านหรูขายกลุ่มเรือยอชต์ -มารีนา
นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้า การพัฒนาท่าเทียบเรืออ่าวฉลองให้เป็นที่จอดเรือยอชต์ หรือมารีนา หลังผู้บริหารบริษัท ภูเก็ตมารีนา วิลเลจ จำกัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่สนใจเข้าไปพัฒนาที่ดินบริเวณใกล้กับท่าเรืออ่าวฉลองเป็นมารีนาและที่อยู่อาศัยเข้าพบ วานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า หลังจากจังหวัดภูเก็ตมีนโยบาย ที่จะทำให้ท่าเทียบเรืออ่าวฉลองเป็นมารีนาสาธารณะ ปรากฏว่า มีเอกชนไทยและต่างชาติสนใจเสนอโครงการพัฒนาอ่าวฉลองเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด บริษัท "ภูเก็ตมารีนา บีช วิลเลจ จำกัด" ได้นำเสนอโครงการพัฒนาที่บริเวณอ่าวฉลองเช่นกัน โดยนำเสนอว่ามีที่ดินที่จะพัฒนาอยู่แล้ว 60-100 ไร่ บริเวณใกล้ๆกับร้านอาหารป่าหล่าย ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ห่างจากท่าเทียบเรืออ่าวฉลองเล็กน้อย โดยต้องการเข้ามาลงทุนพัฒนาเป็นบ้านจัดสรรเกรดเอ ที่จอดเรือยอชต์ และภัตตาคารลอยน้ำในทะเล
ผู้ว่าฯภูเก็ต กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชน ทั้งคนไทยและต่างชาติ สนใจเสนอโครงการพัฒนาอ่าวฉลองเข้ามาที่จังหวัดหลายบริษัท จังหวัดจึงนำโครงการที่เกี่ยวกับมารีนาทั้งหมดหารือกับรัฐบาล และที่ปรึกษาของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเร่งหาแนวทางดึงโครงการขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่า จะต้องมีคณะทำงานที่มีความเชี่ยวชาญการวิเคราะห์โครงการลงทุนมารีนา ขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกโครงการลงทุนที่เสนอผ่านจังหวัด เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการว่ามีมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งแผนงาน/โครงการของเอกชน สิ่งที่เอกชนต้องการให้ภาครัฐเข้าไปสนับสนุน และผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับ พร้อมทั้งประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นโดยรวมกับจังหวัดภูเก็ต
"ในระดับจังหวัดเราไม่มีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาวิเคราะห์โครงการขนาดใหญ่ได้ จำเป็นที่จะต้องจ้างคนจากข้างนอกเข้ามาวิเคราะห์โครงการ โดยจังหวัดจะใช้งบประมาณของผู้ว่าฯซีอีโอว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาพิจารณาวิเคราะห์คัดเลือกโครงการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอข้อเสนอของผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงการคลัง และสถาบันศศินทร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจังหวัดต้องการให้วิเคราะห์โครงการทั้งหมดที่นำเสนอเข้ามาเสร็จภายใน 3 เดือนจากนี้ "
นายอุดมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเอกชนสนใจเสนอโครงการพัฒนาอ่าวฉลองและอ่าวภูเก็ต เข้ามายังจังหวัดภูเก็ต แล้ว 3-4 บริษัท โดยมีทั้งบริษัทคนไทย และบริษัทคนไทยรวมลงทุนกับต่างชาติ เช่น บริษัทจากไต้หวัน บริษัทจากฝรั่งเศส ที่สนใจลงทุนทั้งที่อ่าวฉลองและที่แหลมพันวา (เขาขาด) บริษัท ไลฟ์สไตล์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท โบ๊ทมารีนา ดีเวลล็อปเม้นท์ ฉลองเบย์ และบริษัท ภูเก็ตเบย์ เป็นต้น
ส่วนบริษัทที่นำเสนอโครงการ หลังจากที่คณะผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์โครงการแล้วเสร็จ จังหวัดก็จะพิจารณาวิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์ที่ผู้เชี่ยวชาญกำหนดไว้ และคาดหลังจากนี้คงจะมีเอกชน เสนอโครงการพัฒนาเข้ามาเรื่อยๆ เพราะอ่าวฉลองและภูเก็ตมีศักยภาพด้านการลงทุนมารีนาอยู่แล้ว
สำหรับเอกชนรายล่าสุดที่เสนอตัวเข้ามาพัฒนาอ่าวฉลองก่อนหน้านี้ คือ บริษัท ไลฟ์สไตล์พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้นำเสนอโครงการพัฒนาอ่าวฉลองกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยจะมีการลงทุนที่อยู่อาศัยและทำมารีนาทั้งที่เป็นมารีนาส่วนตัวและมารีนาสาธารณะที่อ่าวฉลอง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท
"มารีนา บีชฯ"ดึงต่างชาติลงทุน
มารีนา-บ้านหรูกว่า3,000ล้าน
ด้านนายธนูศักดิ์ พึ่งเดช กรรมการ บริษัท มารีนา บีช วิลเลจ จำกัด กล่าว ว่า บริษัทมีที่ดินอยู่ประมาณ 100 ไร่ติดกับทะเล ใกล้กับร้านอาหารป่าหล่ายซีฟู๊ด จึงมีแนวคิดในการที่พัฒนาให้เป็นมารีนาเต็มรูปแบบ และได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวต่อผู้ว่าฯ และรับทราบความชัดเจนด้านนโยบายของจังหวัด เพราะโครงการบางส่วนจะอยู่ในทะเล เพื่อให้เรือที่มีขนาดใหญ่สามารถเข้ามาเทียบท่าได้ และเมื่อสร้างแล้วก็จะต้องดีกว่าประเทศข้างเคียง โดยโครงการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนในท้องถิ่น เยอรมนี และอังกฤษ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านมารีนา โดยใช้ทุนจดทะเบียนบริษัท 3 ล้านบาท
" เหตุที่เลือกสร้างบริเวณอ่าวฉลอง เนื่องจากมีการศึกษาแล้วพบว่า เป็นบริเวณที่ดีที่สุดในการที่จะทำมารีนา และบริษัทมีที่ดินอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องเขียนโครงการที่จะเชื่อมโยงกันระหว่างผืนดินกับผืนน้ำ เพื่อให้สามารถจอดเรือได้โดยรอบ รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น มีถนน ร้านค้า มีรถวิ่งรับส่ง เป็นต้น" นายธนูศักดิ์กล่าวและว่า
ทั้งนี้ บริษัท มีเป้าหมายที่จะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ และเป็นมารีนาที่สมบูรณ์แบบสามารถตอบสนองการใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นท่าเทียบเรือที่ใหญ่ในที่สุด โดยก่อนหน้านี้เรามีแนวคิดที่จะสร้างเฉพาะบ้านอยู่อาศัยระดับสูง เน้นให้จอดเรือขนาดเล็กได้ จำนวนประมาณ 78 ยูนิต แต่เมื่อจังหวัดมีนโยบายในการส่งเสริมธุรกิจมารีนา จึงได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการใหม่ เพราะที่ตั้งของที่ดินติดกับทะเล จึงน่าจะสอดคล้องกับนโยบายของจังหวัด
นายธนูศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากจะมีการสร้างมารีนาแล้ว จะมีการพัฒนาเป็นบ้านอยู่อาศัยจำนวนประมาณ 200 ยูนิต เป็นบ้านชายทะเลสไตล์ไทย สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ มีราคาเริ่มต้นที่ 10-40 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าจะเป็นเจ้าของเรือยอชต์ รวมถึงภัตตาคารซึ่งอยู่ในทะเลจะเป็นลักษณะของคลับเฮาส์หรือสโมสรที่ดีที่สุด เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในโครงการและลูกค้าทั่วไป ทั้งนี้จะใช้งบฯในการลงทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
การดำเนินการขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ และจะมีการนำเสนอแบบที่สมบูรณ์ให้กับผู้ว่าฯ อีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะดำเนินการในส่วนของร่างแบบได้ภายใน 1 เดือน ส่วนแบบที่สมบูรณ์คาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน และหากทุกอย่างไม่มีปัญหาจะลงมือก่อสร้างได้ภายในกลางปีหน้า