รอยเตอร์/เอเอฟพี/Agencies – เล็กซัส แบรนด์รถหรูของโตโยต้า มอเตอร์ ขึ้นแท่นอันดับ 1 เป็นปีที่ 11 ติดต่อกันอีกครั้งในการสำรวจคุณภาพรถระยะยาวประจำปี 2005 ของเจ.ดี. พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอตส์
การสำรวจครั้งนี้ซึ่งได้สำรวจความคิดเห็นของเจ้าของรถยนต์และรถบรรทุกที่มีอายุการใช้งาน 3 ปีชาวอเมริกัน 50,635 คน เกี่ยวกับจำนวนปัญหาที่พบในการใช้รถ พบว่า ในปี 2005 ผู้ใช้รถรายงานการพบปัญหาน้อยลง 12% และมีค่าเฉลี่ยการรายงานปัญหาอยู่ที่ 237 รายการต่อรถ 100 คัน เมื่อเทียบกับ 269 รายการต่อรถ 100 คันในปี 2004
ชานซ์ ปาร์กเกอร์ ผู้อำนวยการบริหารด้านการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และการวิจัยของเจ.ดี. พาวเวอร์กล่าวว่า ความทนทานในระยะยาวเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดสำหรับผู้บริโภค และยังส่งผลกระทบสำคัญต่อมูลค่าขายต่อของรถ
ทั้งนี้เล็กซัสซึ่งได้คะแนนสูงสุดในด้านความน่าเชื่อถือมาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา มีปัญหา 139 รายการต่อรถ 100 คัน โดยพัฒนาขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% ขณะที่เกียเป็นรถที่มีแต้มต่ำสุด โดยพบปัญหาถึง 397 รายการต่อรถ 100 คัน
สำหรับฮุนได มอเตอร์ เป็นค่ายรถที่มีการรายงานปัญหาลดลงมากสุดในการสำรวจครั้งนี้ แม้ว่าจะยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมก็ตาม โดยอยู่ที่ 260 รายการ โดยพัฒนาขึ้น 31% จากปีที่แล้ว
ปาร์เกอร์ชี้ว่า “แม้ว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมาก แต่ฮุนไดก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ผลิตรถที่มีการปรับปรุงคุณภาพ เอาใจใส่กับคำติชมและปรับปรุงดีไซน์ผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด ทั้งคุณภาพในระยะสั้นและระยะยาว”
ด้านเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และฟอร์ด มอเตอร์ก็ได้คะแนนอยู่ในระดับสูงในการสำรวจครั้งนี้เช่นกัน โดยรถจากค่ายจีเอ็ม 8 ประเภทครองอันดับ 1 จาก 19 ประเภท ฟอร์ดได้คะแนนสูงสุดใน 5 ประเภท และโตโยต้า ได้คะแนนสูงสุดใน 4 ประเภท
ขณะที่แบรนด์รถหรูจากยุโรปอาทิ เมอร์ซีเดสของเดมเลอร์ไครสเลอร์, วอลโว่ของฟอร์ด จากัวร์ และแลนด์ โรเวอร์, ซาปจากจีเอ็ม และออดี้จากโฟร์กสวาเกนล้วนมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
การสำรวจครั้งนี้ซึ่งได้สำรวจความคิดเห็นของเจ้าของรถยนต์และรถบรรทุกที่มีอายุการใช้งาน 3 ปีชาวอเมริกัน 50,635 คน เกี่ยวกับจำนวนปัญหาที่พบในการใช้รถ พบว่า ในปี 2005 ผู้ใช้รถรายงานการพบปัญหาน้อยลง 12% และมีค่าเฉลี่ยการรายงานปัญหาอยู่ที่ 237 รายการต่อรถ 100 คัน เมื่อเทียบกับ 269 รายการต่อรถ 100 คันในปี 2004
ชานซ์ ปาร์กเกอร์ ผู้อำนวยการบริหารด้านการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และการวิจัยของเจ.ดี. พาวเวอร์กล่าวว่า ความทนทานในระยะยาวเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งยวดสำหรับผู้บริโภค และยังส่งผลกระทบสำคัญต่อมูลค่าขายต่อของรถ
ทั้งนี้เล็กซัสซึ่งได้คะแนนสูงสุดในด้านความน่าเชื่อถือมาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา มีปัญหา 139 รายการต่อรถ 100 คัน โดยพัฒนาขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% ขณะที่เกียเป็นรถที่มีแต้มต่ำสุด โดยพบปัญหาถึง 397 รายการต่อรถ 100 คัน
สำหรับฮุนได มอเตอร์ เป็นค่ายรถที่มีการรายงานปัญหาลดลงมากสุดในการสำรวจครั้งนี้ แม้ว่าจะยังคงอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมก็ตาม โดยอยู่ที่ 260 รายการ โดยพัฒนาขึ้น 31% จากปีที่แล้ว
ปาร์เกอร์ชี้ว่า “แม้ว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมาก แต่ฮุนไดก็เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ผลิตรถที่มีการปรับปรุงคุณภาพ เอาใจใส่กับคำติชมและปรับปรุงดีไซน์ผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด ทั้งคุณภาพในระยะสั้นและระยะยาว”
ด้านเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และฟอร์ด มอเตอร์ก็ได้คะแนนอยู่ในระดับสูงในการสำรวจครั้งนี้เช่นกัน โดยรถจากค่ายจีเอ็ม 8 ประเภทครองอันดับ 1 จาก 19 ประเภท ฟอร์ดได้คะแนนสูงสุดใน 5 ประเภท และโตโยต้า ได้คะแนนสูงสุดใน 4 ประเภท
ขณะที่แบรนด์รถหรูจากยุโรปอาทิ เมอร์ซีเดสของเดมเลอร์ไครสเลอร์, วอลโว่ของฟอร์ด จากัวร์ และแลนด์ โรเวอร์, ซาปจากจีเอ็ม และออดี้จากโฟร์กสวาเกนล้วนมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย