xs
xsm
sm
md
lg

เทรนด์ใหม่ใช้สแกนนิ้วมือชำระเงิน เตรียมชิงตำแหน่งการรูดบัตรเครดิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี – ระบบสัมผัสนิ้วมืออาจเป็นการชำระเงินรูปแบบใหม่แทนการรูดบัตรเครดิต โดยปัจจุบันกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ และมีศักยภาพเติบโตไปทั่วโลก

ร้านค้าปลีกและลูกค้าบางรายกระตือรือร้นกับระบบใหม่ดังกล่าว ซึ่งลูกค้าสามารถใช้การสแกนนิ้วมือเพื่ออนุมัติการถอนเงินจากบัญชีธนาคาร

ทิม โรบินสัน กรรมการผู้จัดการไบโอเพย์ ซึ่งมีลูกค้าลงทะเบียนราว 2 ล้านคนและอ้างว่าตนเป็นบริษัทให้บริการด้านการชำระเงินแบบไบโอเมตริกที่ใหญ่ที่สุดกล่าวว่า “ทุกวันเรามีการติดตั้งเครื่องใหม่ทั้งที่ร้านขายของชำ ร้านให้บริการล้างรถ หรือร้านหมอ”

โรบินสันบอกว่า ในแง่ของลูกค้า ระบบดังกล่าวมีองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม และในแง่ของร้านค้า ระบบนี้มีต้นทุนถูกเนื่องจากไม่มีค่าธรรมเนียมเหมือนบัตรเครดิต เพราะเป็นการชำระเงินโดยตรงจากบัญชีธนาคาร

ด้านแชนนอน ริออร์แดน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของเพย์ บาย ทัช ซึ่งตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโกเปิดเผยว่า ได้เซ็นข้อตกลงร่วมกับห้างค้าปลีกต่างๆ ซึ่งรวมถึง เชนค้าปลีกอย่างพิกกลี้ วิกกลี้ ตลอดจนกำลังเจรจากับห้างค้าปลีกท็อป 100 ในสหรัฐฯและอังกฤษ พร้อมเสริมว่า “ยิ่งเรามีโครงการนำร่องมากเท่าไร ยิ่งมีผู้คนติดต่อเรามากเท่านั้น”

“สถานการณ์ดังกล่าวถูกผลักดันโดยความสะดวกสบาย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องรื้อค้นกระเป๋าสตางค์ ขณะเดียวกันประโยชน์สำคัญอีกประการคือ ความปลอดภัย เนื่องจากแต่ละคนมีลายนิ้วมือเฉพาะของตนและไม่มีใครสามารถแอบขโมยหมายเลขเหมือนบัตรเครดิตได้”

ทั้งนี้บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า ผู้บริโภคแดนอินทรีเปิดรับระบบดังกล่าวอย่างมาก โดยกำหนดให้ลูกค้าต้องลงทะเบียนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ และเชื่อมโยงบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตเข้ากับบัญชีของร้านค้า

โรบินสันเปิดเผยว่า “เป้าหมายของพวกเราคือ การให้บริการความสะดวกในเรื่องความปลอดภัย และโลกที่ไม่ต้องพกพากระเป๋าเงิน ซึ่งผู้คนสามารถออกนอกบ้านไปซื้อกาแฟ หรือไอศกรีมโดยไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์ไปด้วย”

“พวกเราเชื่ออีกว่า บรรดาห้างค้าปลีกจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับการใช้บัตรเครดิตและเดบิตมากเกินไป และไบโอเพย์สามารถแก้ปัญหานี้ได้”

นอกจากนี้เขาคาดว่าจะขยายบริการให้เป็นสากล แต่ระบุว่ามีอุปสรรคหลายประการ ซึ่งรวมถึงกฎหมายความลับส่วนบุคคลของยุโรปที่ไม่อนุญาตให้บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลเฉพาะของลูกค้า

อนึ่ง ไบโอเพย์และเพย์ บาย ทัช ต่างเป็นบริษัทเอกชน และไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงิน โดยในปัจจุบันทั้งคู่กำลังฟ้องร้องเกี่ยวกับสิทธิบัตรสำหรับเทคโนโลยี

คุช วาดห์วา จากอินเตอร์เนชันแนล ไบโอเมตริก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดกล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายอุปกรณ์ไบโอเมตริกที่จุดชำระเงินมูลค่า 68 ล้านดอลลาร์ในปี 2005 จะทะยานขึ้นเป็น 243 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2008 โดยยอดขายหลักอยู่ในสหรัฐฯ พร้อมเสริมว่า “สาธารณชนค่อนข้างเปิดรับระบบดังกล่าวตราบเท่าที่พวกเขาเห็นคุณค่าที่จำเป็นอย่างชัดเจน”

เขาระบุว่า ทั้งลูกค้าและร้านค้าได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและความรวดเร็ว รวมถึงการป้องกันการฉ้อโกงที่ดีขึ้น กระนั้นก็ดีเขามองว่า ระบบดังกล่าวอาจไม่ประสบความสำเร็จในบางวัฒนธรรม อาทิ ญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อว่าจะมี “คำสาป” ติดที่ลายนิ้วมือ

อนึ่ง การใช้ลายนิ้วมือเป็นตัวบ่งชี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาของสาขาเทคโนโลยีไบโอเมตริก ซึ่งสามารถสแกนม่านตา เสียง ลักษณะใบหน้า หรือสิ่งบ่งชี้เฉพาะอื่นๆ

ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้เพื่อความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎหมายแล้ว โดยในปัจจุบันได้รับการยอมรับในธุรกรรมทางการเงิน อาทิ การชำระเงิน

ในขณะที่บางคนวิตกเรื่องข้อมูลส่วนตัวเนื่องจากมีฐานข้อมูลใหม่ พวกผู้สนับสนุนไบโอเมตริกบอกว่า ลายนิ้วมือนั้นจะไม่ถูกบันทึกไว้ แต่จะบันทึกเป็นตัวเลขในคอมพิวเตอร์ซึ่งแปลงจากตัวบ่งชี้เฉพาะเหล่านั้น

ด้านโทวาห์ ลาเดียร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของสมาคมอุตสาหกรรมไบโอเมตริกระหว่างประเทศกล่าวว่า ระบบดังกล่าวมีความปลอดภัยมากกว่าระบบการจ่ายเงินปัจจุบัน พร้อมเสริมว่า “ความวิตกเกี่ยวกับการขโมยสิ่งบ่งชี้เฉพาะนั้นเป็นการสนับสนุนเรื่องไบโอเมตริก”

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายไม่ค่อยเห็นด้วยกับการใช้ลายนิ้วมือ พร้อมระบุว่า ลูกค้าอาจเลือกใช้เทคโนโลยีอื่นเพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรม อาทิ บัตรเครดิตแบบ “คอนแทคเลส”
กำลังโหลดความคิดเห็น