เอเอฟพี – ธุรกิจโรงแรมหรูในยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออกกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากบรรดานักท่องเที่ยวที่พากันหลั่งไหลเข้ามา ภายหลังจากที่ประเทศอดีตสังคมนิยม 8 ประเทศเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อปีที่ผ่านมา
เหตุผลอีกประการคือ สายการบินราคาประหยัดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินจากประเทศในยุโรปอื่นๆ มีราคาถูกลง โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้มักประหยัดค่าเครื่องบินเพื่อนำเงินไปพักในโรงแรมหรู
กาเบอร์ กัลลา ประธานสำนักงานการท่องเที่ยวฮังการี กล่าวว่า “เป็นความเข้าใจผิดที่ว่า นักท่องเที่ยวที่บินในราคาถูกจะต้องพักในโรงแรมราคาถูกตามไปด้วย พวกเขามักประหยัดเงินค่าเครื่องบินเพื่อที่จะได้มาพักผ่อนอย่างหรูหราต่างหาก”
ทั้งนี้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในฮังการีกำลังผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ถึง 16 แห่ง โดยนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา มีการเปิดโรงแรมระดับหรูโดยเฉลี่ย 2 แห่งต่อปี และดูเหมือนว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป
ข้อมูลของสำนักงานสถิติฮังการีพบว่า รายได้ของโรงแรมเหล่านี้ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับเมื่อปี 2003 พร้อมเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในสนามบินบูดาเปสต์ในไตรมาสแรกปี 2005 เพิ่มขึ้น 37% ใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าพักในโรงแรม 5 ดาว ซึ่งมีจำนวนสูงขึ้น 36%
“ไม่ใช่เพียงเพราะสายการบินโลว์คอสต์ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมหรูเหล่านี้เท่านั้น แต่การที่ฮังการีได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับอียูยังช่วยกระตุ้นความสนใจของบรรดานักท่องเที่ยว” กัลลากล่าว
อนึ่ง บางส่วนของสนามบินบูดาเปสต์ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เลือกใช้เที่ยวบินราคาประหยัดเพิ่มขึ้น และยังมีการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารใหม่ซึ่งมีกำหนดเปิดในปลายฤดูร้อนนี้
ขณะเดียวกัน สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในที่หมายปลายทางยอดนิยมในวันหยุดของภูมิภาคนี้ ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเช็คอินในโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้ง 19 แห่งในปี 2004 พุ่งขึ้น 29%
ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน มีโรงแรมระดับหรู 2 แห่งเริ่มเปิดให้บริการในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มอียู
“รายได้สุทธิจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2004 ทะยานขึ้น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้าพักในโรงแรมหรูมากขึ้น” คาริน เซลิโกวา โฆษกการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็กกล่าว พร้อมเสริมว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่บินมายังเช็กมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 25% ในปีที่ผ่านมา
ด้านโปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 10 ประเทศสมาชิกใหม่ของอียูที่เข้าร่วมเมื่อปีที่แล้ว ได้มีการสร้างและปรับปรุงโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้ง 17 แห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รวมไปถึงบัลแกเรียซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมเป็นสมาชิกอียูในปี 2007 อาจมีการสร้างโรงแรม 5 ดาวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค กล่าวคือ ปัจจุบันบัลแกเรียมีโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้งหมด 23 แห่ง หลังจากเพิ่งเปิดใหม่อีก 5 แห่งในปี 2004
นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวบัลแกเรียเผยอีกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จองที่พักในโรงแรมเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน สแกนดิเนเวียน และชาวอังกฤษที่ต้องการพักผ่อนบนชายฝั่งทะเลดำที่มีรีสอร์ตตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันตกเพิ่งค้นพบแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม โรงแรมหลายแห่งในฮังการีมีข้อร้องเรียนว่า พวกตนถูกบีบให้ลดราคาค่าบริการลงเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมเผยว่า ห้องพักคู่ของโรงแรมหรูในกรุงบูดาเปสต์มีค่าบริการโดยเฉลี่ยเพียง 110 ยูโร (134 ดอลลาร์) ลดลงจาก 140 ยูโร อันเป็นราคามาตรฐานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
แซนเดอร์ เบเทจช์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มดานูเบียสในบูดาเปสต์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมฮิลตันในเขตแคสเซิลชี้ว่า “กรุงบูดาเปสต์ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการโรงแรมระดับหรูมากเกินดีมานด์ ทำให้เราจำเป็นต้องตั้งค่าบริการห้องพักระดับ 5 ดาวในราคาเพียง 4 ดาว”
เหตุผลอีกประการคือ สายการบินราคาประหยัดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินจากประเทศในยุโรปอื่นๆ มีราคาถูกลง โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้มักประหยัดค่าเครื่องบินเพื่อนำเงินไปพักในโรงแรมหรู
กาเบอร์ กัลลา ประธานสำนักงานการท่องเที่ยวฮังการี กล่าวว่า “เป็นความเข้าใจผิดที่ว่า นักท่องเที่ยวที่บินในราคาถูกจะต้องพักในโรงแรมราคาถูกตามไปด้วย พวกเขามักประหยัดเงินค่าเครื่องบินเพื่อที่จะได้มาพักผ่อนอย่างหรูหราต่างหาก”
ทั้งนี้โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในฮังการีกำลังผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ถึง 16 แห่ง โดยนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา มีการเปิดโรงแรมระดับหรูโดยเฉลี่ย 2 แห่งต่อปี และดูเหมือนว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไป
ข้อมูลของสำนักงานสถิติฮังการีพบว่า รายได้ของโรงแรมเหล่านี้ในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับเมื่อปี 2003 พร้อมเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในสนามบินบูดาเปสต์ในไตรมาสแรกปี 2005 เพิ่มขึ้น 37% ใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าพักในโรงแรม 5 ดาว ซึ่งมีจำนวนสูงขึ้น 36%
“ไม่ใช่เพียงเพราะสายการบินโลว์คอสต์ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมหรูเหล่านี้เท่านั้น แต่การที่ฮังการีได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกับอียูยังช่วยกระตุ้นความสนใจของบรรดานักท่องเที่ยว” กัลลากล่าว
อนึ่ง บางส่วนของสนามบินบูดาเปสต์ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เลือกใช้เที่ยวบินราคาประหยัดเพิ่มขึ้น และยังมีการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารใหม่ซึ่งมีกำหนดเปิดในปลายฤดูร้อนนี้
ขณะเดียวกัน สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นหนึ่งในที่หมายปลายทางยอดนิยมในวันหยุดของภูมิภาคนี้ ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเช็คอินในโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้ง 19 แห่งในปี 2004 พุ่งขึ้น 29%
ทั้งนี้ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน มีโรงแรมระดับหรู 2 แห่งเริ่มเปิดให้บริการในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังจากเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มอียู
“รายได้สุทธิจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2004 ทะยานขึ้น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้าพักในโรงแรมหรูมากขึ้น” คาริน เซลิโกวา โฆษกการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็กกล่าว พร้อมเสริมว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่บินมายังเช็กมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 25% ในปีที่ผ่านมา
ด้านโปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 10 ประเทศสมาชิกใหม่ของอียูที่เข้าร่วมเมื่อปีที่แล้ว ได้มีการสร้างและปรับปรุงโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้ง 17 แห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รวมไปถึงบัลแกเรียซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมเป็นสมาชิกอียูในปี 2007 อาจมีการสร้างโรงแรม 5 ดาวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค กล่าวคือ ปัจจุบันบัลแกเรียมีโรงแรมระดับ 5 ดาวทั้งหมด 23 แห่ง หลังจากเพิ่งเปิดใหม่อีก 5 แห่งในปี 2004
นอกจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวบัลแกเรียเผยอีกว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จองที่พักในโรงแรมเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน สแกนดิเนเวียน และชาวอังกฤษที่ต้องการพักผ่อนบนชายฝั่งทะเลดำที่มีรีสอร์ตตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันตกเพิ่งค้นพบแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ตาม โรงแรมหลายแห่งในฮังการีมีข้อร้องเรียนว่า พวกตนถูกบีบให้ลดราคาค่าบริการลงเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยบรรดาผู้ประกอบการโรงแรมเผยว่า ห้องพักคู่ของโรงแรมหรูในกรุงบูดาเปสต์มีค่าบริการโดยเฉลี่ยเพียง 110 ยูโร (134 ดอลลาร์) ลดลงจาก 140 ยูโร อันเป็นราคามาตรฐานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
แซนเดอร์ เบเทจช์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มดานูเบียสในบูดาเปสต์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมฮิลตันในเขตแคสเซิลชี้ว่า “กรุงบูดาเปสต์ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการโรงแรมระดับหรูมากเกินดีมานด์ ทำให้เราจำเป็นต้องตั้งค่าบริการห้องพักระดับ 5 ดาวในราคาเพียง 4 ดาว”