นิวยอร์ก ไทมส์ – นายใหญ่โรยัล ดัตช์/เชลล์ กรุ๊ป ประกาศเพิ่มงบด้านการวิจัย เน้นโครงการขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ดูลู่ทางซื้อผู้ผลิตรายอื่น และเพิ่มศักยภาพการผลิตอีก 30% ภายในปี 2015 โดยจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ การดำเนินการเพื่อให้บริษัทกลายเป็นหุ้นส่วนที่ขาดไม่ได้
เจโรน แวน เดอร์ เวียร์ ที่เข้ารับตำแหน่งประธานเชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ลูกครึ่งดัตช์-อังกฤษ เมื่อ 15 เดือนที่แล้ว หลังจากบริษัทถูกบีบให้ยอมรับว่าระบุปริมาณน้ำมันและแก๊ซสำรองสูงเกินจริง กล่าวเมื่อต้นปี ว่า เชลล์มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ภายในหนึ่งทศวรรษ จาก 3.5 ล้านบีพีดี โดยขณะนี้เพิ่มเป็น 3.8 ล้านบีพีดีแล้ว
มาสัปดาห์นี้ แวน เดอร์ เวียร์นำเสนอรายละเอียดแผนการระยะ 10 ปีเพิ่มเติมให้แก่เหล่าผู้จัดการระดับสูง กระทั่งวันพุธ (22) เขาได้บรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวในสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน
จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในยุทธศาสตร์ของเชลล์คือ การทำให้บริษัทกลายเป็นหุ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ของประเทศขุมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บริษัทพลังงานชั้นนำของโลกหลายแห่งล้วนเดินตามแนวทางนี้ ในภาวะที่น้ำมันในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์เริ่มเหือดแห้งลง และการขุดสำรวจย้ายไปยังพื้นที่ธุรกันดาร หรือประเทศที่รัฐบาลยังลังเลที่จะมอบอำนาจการควบคุมทรัพยากรธรรมชาตินี้ให้กับบริษัทน้ำมันตะวันตก
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของเชลล์ครอบคลุมถึงการมีส่วนร่วมในสิ่งที่แวน เดอร์ เวียร์เรียกว่า โครงการช้าง ซึ่งหมายถึงโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ จนถึงขณะนี้ เชลล์เข้าไปเกี่ยวข้องกับ 3 โครงการช้าง โดยมีหุ้นส่วนเป็นทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ได้แก่ เกาะซักคาลินในรัสเซีย, บองกา ดินแดนนอกชายฝั่งของไนจีเรีย และหนานไห่ในจีน โดยบิ๊กบอสเชลล์บอกว่า เมื่อถึงปี 2015 เชลล์จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการช้างทั้งสิ้น 10 โครงการ
ขณะเดียวกัน เชลล์กำลังเริ่มต้นแผนการในองค์กรในการนำเสนอข้อเสนอที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการร่วมทุนกับรัฐวิสาหกิจน้ำมัน และประเทศที่มีแหล่งน้ำมันสำรองอุดมสมบูรณ์ บริษัทยังมีแผนเพิ่มงบประมาณด้านการค้นคว้าวิจัยและเทคโนโลยี จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 553 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่ได้กำหนดตัวเลขที่แน่นอนออกมา
ลูคัส เฮอร์มานน์ นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ในลอนดอน มองว่าเชลล์กำลังทำในสิ่งที่บริษัทอื่นทำอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ดีถ้าเป็นการเกาถูกที่คัน เนื่องจากเชลล์มีทั้งเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และความสามารถ ที่จะเลือกตลาดซึ่งบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
แวน เดอร์ เวียร์ยังเน้นย้ำว่า เชลล์มีความตั้งใจที่จะซื้อกิจการในอนาคต โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการผนึกรวมเชลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ เทรดดิ้ง คอมปานี เข้ากับโรยัล ดัตช์ ปิโตรเลียม คอมปานี ซึ่งล้วนเป็นบริษัทการค้าจดทะเบียนในเครือโรยัล ดัตช์/เชลล์ กรุ๊ป และหากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในสัปดาห์หน้าตามคาด เชลล์จะสามารถออกหุ้นหรือหุ้นกู้ตามต้องการ ทำให้มีทุนสำหรับการซื้อกิจการ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้หมายตาผู้ใด และแวน เดอร์ เวียร์ตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตนั้น การควบรวมมักเกิดขึ้นเมื่อราคาน้ำมันลดลง
ประธานเชลล์ปิดท้ายว่า บริษัทจะคงธุรกิจไว้ใน 100 ประเทศในปี 2015 จาก 140 ประเทศในขณะนี้ ควบคู่ไปกับการทุ่มเทเพื่อการเติบโต
เจโรน แวน เดอร์ เวียร์ ที่เข้ารับตำแหน่งประธานเชลล์ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ลูกครึ่งดัตช์-อังกฤษ เมื่อ 15 เดือนที่แล้ว หลังจากบริษัทถูกบีบให้ยอมรับว่าระบุปริมาณน้ำมันและแก๊ซสำรองสูงเกินจริง กล่าวเมื่อต้นปี ว่า เชลล์มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ภายในหนึ่งทศวรรษ จาก 3.5 ล้านบีพีดี โดยขณะนี้เพิ่มเป็น 3.8 ล้านบีพีดีแล้ว
มาสัปดาห์นี้ แวน เดอร์ เวียร์นำเสนอรายละเอียดแผนการระยะ 10 ปีเพิ่มเติมให้แก่เหล่าผู้จัดการระดับสูง กระทั่งวันพุธ (22) เขาได้บรรยายสรุปแก่ผู้สื่อข่าวในสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน
จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในยุทธศาสตร์ของเชลล์คือ การทำให้บริษัทกลายเป็นหุ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ของประเทศขุมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ บริษัทพลังงานชั้นนำของโลกหลายแห่งล้วนเดินตามแนวทางนี้ ในภาวะที่น้ำมันในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์เริ่มเหือดแห้งลง และการขุดสำรวจย้ายไปยังพื้นที่ธุรกันดาร หรือประเทศที่รัฐบาลยังลังเลที่จะมอบอำนาจการควบคุมทรัพยากรธรรมชาตินี้ให้กับบริษัทน้ำมันตะวันตก
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญของเชลล์ครอบคลุมถึงการมีส่วนร่วมในสิ่งที่แวน เดอร์ เวียร์เรียกว่า โครงการช้าง ซึ่งหมายถึงโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ จนถึงขณะนี้ เชลล์เข้าไปเกี่ยวข้องกับ 3 โครงการช้าง โดยมีหุ้นส่วนเป็นทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ได้แก่ เกาะซักคาลินในรัสเซีย, บองกา ดินแดนนอกชายฝั่งของไนจีเรีย และหนานไห่ในจีน โดยบิ๊กบอสเชลล์บอกว่า เมื่อถึงปี 2015 เชลล์จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการช้างทั้งสิ้น 10 โครงการ
ขณะเดียวกัน เชลล์กำลังเริ่มต้นแผนการในองค์กรในการนำเสนอข้อเสนอที่สร้างสรรค์ยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการร่วมทุนกับรัฐวิสาหกิจน้ำมัน และประเทศที่มีแหล่งน้ำมันสำรองอุดมสมบูรณ์ บริษัทยังมีแผนเพิ่มงบประมาณด้านการค้นคว้าวิจัยและเทคโนโลยี จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 553 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่ได้กำหนดตัวเลขที่แน่นอนออกมา
ลูคัส เฮอร์มานน์ นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงก์ในลอนดอน มองว่าเชลล์กำลังทำในสิ่งที่บริษัทอื่นทำอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ดีถ้าเป็นการเกาถูกที่คัน เนื่องจากเชลล์มีทั้งเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และความสามารถ ที่จะเลือกตลาดซึ่งบริษัทได้รับการยอมรับว่าเป็นหุ้นส่วนที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
แวน เดอร์ เวียร์ยังเน้นย้ำว่า เชลล์มีความตั้งใจที่จะซื้อกิจการในอนาคต โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการผนึกรวมเชลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ เทรดดิ้ง คอมปานี เข้ากับโรยัล ดัตช์ ปิโตรเลียม คอมปานี ซึ่งล้วนเป็นบริษัทการค้าจดทะเบียนในเครือโรยัล ดัตช์/เชลล์ กรุ๊ป และหากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในสัปดาห์หน้าตามคาด เชลล์จะสามารถออกหุ้นหรือหุ้นกู้ตามต้องการ ทำให้มีทุนสำหรับการซื้อกิจการ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้หมายตาผู้ใด และแวน เดอร์ เวียร์ตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตนั้น การควบรวมมักเกิดขึ้นเมื่อราคาน้ำมันลดลง
ประธานเชลล์ปิดท้ายว่า บริษัทจะคงธุรกิจไว้ใน 100 ประเทศในปี 2015 จาก 140 ประเทศในขณะนี้ ควบคู่ไปกับการทุ่มเทเพื่อการเติบโต