คลิกที่ไอคอน Multimedia ด้านบนเพื่อฟังเสียงบทความนี้โดยเจ้าของคอลัมน์
รายการโทรทัศน์เชิงสารคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดช่องหนึ่งเห็นจะเป็นช่องดิสคัฟเวอรี่นี่แหละครับ ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามชมทั่วโลกมากที่สุดก็ว่าได้
เวลานี้รายการที่ว่านี้ครบรอบ 20 ปี แล้วนะครับ
บริษัทที่ผลิตรายการทีวีช่องดิสคัฟเวอรี่นั้น มีถิ่นฐานตั้งอยู่ที่รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ
แต่เริ่มนั้นก็ผลิตเป็นรายการที่เน้นทางด้านเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เป็นหลักครับ
ผู้ก่อตั้งดิสคัฟเวอรี่คือ นายจอห์น เฮนดริกส์
ดิสคัฟเวอรี่นั้นมีชื่อเสียงมากในการผลิตสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติต่างๆ ซึ่งทำรายได้ให้กับบริษัทได้มาก แต่บริษัทก็ต้องขยายตัวผลิตรายการให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นครับ
เวลานี้มีครัวเรือนในอเมริกาประมาณว่า 90 ล้านครอบครัวบอกรับเป็นสมาชิกโทรทัศน์ที่มีรายการดิสคัฟเวอรี่ผ่านทางเคเบิลทีวีครับ
แต่บริษัทเองก็ต้องมีการพัฒนาในด้านบริหารจัดการให้ทันสมัยด้วย และไม่นานมานี้ก็มีการเปลี่ยนทีมงานฝ่ายบริหารใหม่เพื่อให้เข้ามาพัฒนาโปรแกรม โดยคาดกันว่าบริษัทจะริเริ่มรายการใหม่ๆ ได้กว่า 90 รายการ ซึ่งอีกไม่นานก็จะเริ่มนำสู่ผู้ชมทางบ้านได้
บริษัทดิสคัฟเวอรี่ คอมมิวนิเคชั่น อินสติว มีหัวหน้าฝ่ายบริหารคือ จูดิธ แม็คเฮล มองว่า เวลานี้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมไปรวดเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตสารคดีของทางบริษัทจึงต้องให้เป็นไปตามกระแสให้ทันต่อความนิยมด้วย
จริงๆ แล้ว บริษัทดิสคัฟเวอรี่ มีช่องทางในการขยายตัวไปยังเครือข่ายผู้รับชมได้อีกมาก เช่น บรรดาเน็ตเวิร์ก ดิจิตอลผ่านทางฟิตทีวี หรือดิสคัฟเวอรี่โฮม ซึ่งว่ากันจริงๆ แล้วพวกเครือข่ายในอเมริกานั้นเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะคงตัวแล้วในตลาด
ดังนั้นตลาดที่บริษัทพยายามพุ่งเป้าอยู่มาก จึงเป็นตลาดในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงตลาดการศึกษาซึ่งหวังว่าดิสคัฟเวอรี่จะเจาะเข้าไปยังห้องเรียนตามสถานการศึกษาด้วย
เหตุผลก็เพราะรายการต่างๆ ที่ผลิตขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นสาระที่ให้ความรู้อยู่มาก และก็เหมาะสมที่ทางโรงเรียนจะจัดเข้าไปประกอบอยู่ในบทเรียนต่างๆ ในหลายวิชาครับ
ดิสคัฟเวอรี่จึงได้ทุ่มทุนถึง 100 ล้านเหรียญในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า เพื่อวางรากฐานที่จะพัฒนาให้เกิดตลาดผู้บอกรับเป็นสมาชิก และต้องการให้ตลาดด้านการศึกษาเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้น
กล่าวได้ว่าธุรกิจการศึกษาและช่องทีวีต่างประเทศนั้นเกิดได้จากการที่บริษัทมีห้องสมุดรายการของตัวเองไว้เยอะแยะมาก
ส่วนการศึกษาของบริษัทได้เริ่มให้บริการจัดส่งวิดีโอไปยังชั้นเรียนต่างๆ ตามโรงเรียนในอเมริกา โดยคิดค่าบริการประมาณพันเหรียญต่อโรงเรียน
วิดีโอคลิปเหล่านี้ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับมาตรฐานการศึกษาของแต่ละรัฐครับ โดยจัดทำตามแผนการสอนและมีการตั้งคำถามคำตอบไว้ให้ด้วย
นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ทางบริษัทก็เตรียมขยายไปตลาดต่างประเทศด้วย
เวลานี้โปรแกรมของดิสคัฟเวอรี่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้อยู่ในอเมริกา ถูกนำไปใช้ได้อีกในต่างประเทศ แต่ว่าทางบริษัทก็จะใช้เงินเพื่อผลิตรายการสำหรับต่างประเทศโดยเฉพาะอีกต่างหากด้วย ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางกลยุทธ์ที่ต้องการให้รายการมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นสำหรับเฉพาะประเทศนั้นๆ
ขณะเดียวกันรายการจากต่างประเทศก็สามารถนำมาฉายซ้ำภายในประเทศได้อีก เป็นการยิงนกทีเดียวได้สองตัว
เรียกได้ว่า ลงทุนครั้งเดียวใช้งานเกินคุ้มครับ
สรุปได้ว่า ธุรกิจการศึกษาและเครือข่ายต่างประเทศเวลานี้ทำกำไรให้กับบริษัทได้แล้ว ปีที่แล้วเฉพาะแผนกนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนการต่างประเทศ และส่วนการศึกษารายได้เพิ่มถึง 37 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้จากเครือข่ายในอเมริการายได้เพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์
หากมองงบลงทุนแค่ 100 ล้านเหรียญ สำหรับบริษัทที่ลงทุนในช่วง 2-3 ปี ในอนาคตในส่วนการศึกษาและการต่างประเทศแล้ว จะเห็นได้ว่าเงินลงทุนนี้ไม่มากเลยครับ เมื่อคิดเทียบกับผลตอบแทน ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าทางบริษัทมีเนื้อหาสาระพร้อมอยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการลงทุนต่ำมาก
จริงๆ แล้ว บริษัทเคยลงทุนล้มเหลวเหมือนกันในยุคที่พยายามลงทุนไปนับสิบๆ ล้าน กับบริการวิดีโอออนดีมานด์และดิสคัฟเวอรี่ดอทคอมในยุคปี 2000 ซึ่งครั้งนั้นบริษัทมองว่าเทคโนโลยียังไม่มีความพร้อม จนกระทั่งต้องล้มเลิกไป และบริษัทถือว่าความล้มเหลวเป็นบทเรียน
รายได้อื่นๆ ของบริษัทมาจากการเข้าซื้อกิจการอื่นครับ เช่น บริษัทซื้อบริษัทสื่อ เช่น ลิเบอร์ตี้ มีเดีย และจัดตั้งดิสคัฟเวอรี่ โฮลดิ้ง คอมปานี นอกจากนั้นก็ยังซื้อบริษัทอื่นๆ อีก 2 บริษัท
ยังมีเบาะแสว่าทางกลุ่มมองว่า อยากซื้อแนชชั่นแนลจีโอกราฟิก ชาแนล ซึ่งเวลานี้ ทางบริษัทลิเบอร์ตี้ร่วมเป็นเจ้าของกับบริษัทนิวสคอร์ป หรือเครือข่ายเน็ตเวิร์กรายการด้านอาหารซึ่งเจ้าของไม่อยากขาย
แต่เวลานี้ดิสคัฟเวอรี่กำลังกลายไปเป็นบริษัทใหญ่โตแล้วละครับ และก็ซับซ้อนมากขึ้น จนคาดว่าจะมีผลกำไรมากกว่าเดิม เมื่อปีที่แล้วบริษัทมีรายได้ 2.4 พันล้าน และมีพนักงานถึง 4,000 คน แล้วครับ
ผลสำเร็จของบริษัทมาจากการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ดีมาตลอด เฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาสาระที่ทำให้บริษัทขยายตัวไปต่างประเทศได้ รวมทั้งใช้สื่ออื่นๆ ได้ด้วย
รายการโทรทัศน์เชิงสารคดีที่มีชื่อเสียงที่สุดช่องหนึ่งเห็นจะเป็นช่องดิสคัฟเวอรี่นี่แหละครับ ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามชมทั่วโลกมากที่สุดก็ว่าได้
เวลานี้รายการที่ว่านี้ครบรอบ 20 ปี แล้วนะครับ
บริษัทที่ผลิตรายการทีวีช่องดิสคัฟเวอรี่นั้น มีถิ่นฐานตั้งอยู่ที่รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ
แต่เริ่มนั้นก็ผลิตเป็นรายการที่เน้นทางด้านเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เป็นหลักครับ
ผู้ก่อตั้งดิสคัฟเวอรี่คือ นายจอห์น เฮนดริกส์
ดิสคัฟเวอรี่นั้นมีชื่อเสียงมากในการผลิตสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติต่างๆ ซึ่งทำรายได้ให้กับบริษัทได้มาก แต่บริษัทก็ต้องขยายตัวผลิตรายการให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้นครับ
เวลานี้มีครัวเรือนในอเมริกาประมาณว่า 90 ล้านครอบครัวบอกรับเป็นสมาชิกโทรทัศน์ที่มีรายการดิสคัฟเวอรี่ผ่านทางเคเบิลทีวีครับ
แต่บริษัทเองก็ต้องมีการพัฒนาในด้านบริหารจัดการให้ทันสมัยด้วย และไม่นานมานี้ก็มีการเปลี่ยนทีมงานฝ่ายบริหารใหม่เพื่อให้เข้ามาพัฒนาโปรแกรม โดยคาดกันว่าบริษัทจะริเริ่มรายการใหม่ๆ ได้กว่า 90 รายการ ซึ่งอีกไม่นานก็จะเริ่มนำสู่ผู้ชมทางบ้านได้
บริษัทดิสคัฟเวอรี่ คอมมิวนิเคชั่น อินสติว มีหัวหน้าฝ่ายบริหารคือ จูดิธ แม็คเฮล มองว่า เวลานี้ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงด้านรสนิยมไปรวดเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตสารคดีของทางบริษัทจึงต้องให้เป็นไปตามกระแสให้ทันต่อความนิยมด้วย
จริงๆ แล้ว บริษัทดิสคัฟเวอรี่ มีช่องทางในการขยายตัวไปยังเครือข่ายผู้รับชมได้อีกมาก เช่น บรรดาเน็ตเวิร์ก ดิจิตอลผ่านทางฟิตทีวี หรือดิสคัฟเวอรี่โฮม ซึ่งว่ากันจริงๆ แล้วพวกเครือข่ายในอเมริกานั้นเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะคงตัวแล้วในตลาด
ดังนั้นตลาดที่บริษัทพยายามพุ่งเป้าอยู่มาก จึงเป็นตลาดในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงตลาดการศึกษาซึ่งหวังว่าดิสคัฟเวอรี่จะเจาะเข้าไปยังห้องเรียนตามสถานการศึกษาด้วย
เหตุผลก็เพราะรายการต่างๆ ที่ผลิตขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นสาระที่ให้ความรู้อยู่มาก และก็เหมาะสมที่ทางโรงเรียนจะจัดเข้าไปประกอบอยู่ในบทเรียนต่างๆ ในหลายวิชาครับ
ดิสคัฟเวอรี่จึงได้ทุ่มทุนถึง 100 ล้านเหรียญในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า เพื่อวางรากฐานที่จะพัฒนาให้เกิดตลาดผู้บอกรับเป็นสมาชิก และต้องการให้ตลาดด้านการศึกษาเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้น
กล่าวได้ว่าธุรกิจการศึกษาและช่องทีวีต่างประเทศนั้นเกิดได้จากการที่บริษัทมีห้องสมุดรายการของตัวเองไว้เยอะแยะมาก
ส่วนการศึกษาของบริษัทได้เริ่มให้บริการจัดส่งวิดีโอไปยังชั้นเรียนต่างๆ ตามโรงเรียนในอเมริกา โดยคิดค่าบริการประมาณพันเหรียญต่อโรงเรียน
วิดีโอคลิปเหล่านี้ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับมาตรฐานการศึกษาของแต่ละรัฐครับ โดยจัดทำตามแผนการสอนและมีการตั้งคำถามคำตอบไว้ให้ด้วย
นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ทางบริษัทก็เตรียมขยายไปตลาดต่างประเทศด้วย
เวลานี้โปรแกรมของดิสคัฟเวอรี่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้อยู่ในอเมริกา ถูกนำไปใช้ได้อีกในต่างประเทศ แต่ว่าทางบริษัทก็จะใช้เงินเพื่อผลิตรายการสำหรับต่างประเทศโดยเฉพาะอีกต่างหากด้วย ทั้งนี้ด้วยเหตุผลทางกลยุทธ์ที่ต้องการให้รายการมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นสำหรับเฉพาะประเทศนั้นๆ
ขณะเดียวกันรายการจากต่างประเทศก็สามารถนำมาฉายซ้ำภายในประเทศได้อีก เป็นการยิงนกทีเดียวได้สองตัว
เรียกได้ว่า ลงทุนครั้งเดียวใช้งานเกินคุ้มครับ
สรุปได้ว่า ธุรกิจการศึกษาและเครือข่ายต่างประเทศเวลานี้ทำกำไรให้กับบริษัทได้แล้ว ปีที่แล้วเฉพาะแผนกนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนการต่างประเทศ และส่วนการศึกษารายได้เพิ่มถึง 37 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่รายได้จากเครือข่ายในอเมริการายได้เพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์
หากมองงบลงทุนแค่ 100 ล้านเหรียญ สำหรับบริษัทที่ลงทุนในช่วง 2-3 ปี ในอนาคตในส่วนการศึกษาและการต่างประเทศแล้ว จะเห็นได้ว่าเงินลงทุนนี้ไม่มากเลยครับ เมื่อคิดเทียบกับผลตอบแทน ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าทางบริษัทมีเนื้อหาสาระพร้อมอยู่แล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการลงทุนต่ำมาก
จริงๆ แล้ว บริษัทเคยลงทุนล้มเหลวเหมือนกันในยุคที่พยายามลงทุนไปนับสิบๆ ล้าน กับบริการวิดีโอออนดีมานด์และดิสคัฟเวอรี่ดอทคอมในยุคปี 2000 ซึ่งครั้งนั้นบริษัทมองว่าเทคโนโลยียังไม่มีความพร้อม จนกระทั่งต้องล้มเลิกไป และบริษัทถือว่าความล้มเหลวเป็นบทเรียน
รายได้อื่นๆ ของบริษัทมาจากการเข้าซื้อกิจการอื่นครับ เช่น บริษัทซื้อบริษัทสื่อ เช่น ลิเบอร์ตี้ มีเดีย และจัดตั้งดิสคัฟเวอรี่ โฮลดิ้ง คอมปานี นอกจากนั้นก็ยังซื้อบริษัทอื่นๆ อีก 2 บริษัท
ยังมีเบาะแสว่าทางกลุ่มมองว่า อยากซื้อแนชชั่นแนลจีโอกราฟิก ชาแนล ซึ่งเวลานี้ ทางบริษัทลิเบอร์ตี้ร่วมเป็นเจ้าของกับบริษัทนิวสคอร์ป หรือเครือข่ายเน็ตเวิร์กรายการด้านอาหารซึ่งเจ้าของไม่อยากขาย
แต่เวลานี้ดิสคัฟเวอรี่กำลังกลายไปเป็นบริษัทใหญ่โตแล้วละครับ และก็ซับซ้อนมากขึ้น จนคาดว่าจะมีผลกำไรมากกว่าเดิม เมื่อปีที่แล้วบริษัทมีรายได้ 2.4 พันล้าน และมีพนักงานถึง 4,000 คน แล้วครับ
ผลสำเร็จของบริษัทมาจากการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ดีมาตลอด เฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาสาระที่ทำให้บริษัทขยายตัวไปต่างประเทศได้ รวมทั้งใช้สื่ออื่นๆ ได้ด้วย