xs
xsm
sm
md
lg

ประเพณีการรับน้องใหม่

เผยแพร่:   โดย: ลิขิต ธีรเวคิน

www.dhiravegin.com
e-mail: likhit@dhiravegin.com

ประเพณีและพิธีการต้อนรับบุคคลที่เข้ามาสู่วงการหรือสถาบันใหม่ในฐานะเป็นสมาชิกใหม่ เป็นเรื่องที่มีการปฏิบัติกันมาในหลายวงการ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่เกิดความรู้สึกอบอุ่นว่าได้รับการต้อนรับด้วยความยินดีที่จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน ทำงานร่วมกัน หรือ ศึกษาเล่าเรียนร่วมกันในอนาคต ประเพณีการต้อนรับมักจะประกอบด้วยพิธีที่อาจเริ่มต้นด้วยการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถาบัน บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทางศาสนาที่ตนเชื่อ

จากนั้นก็อาจจะมีพิธีกรรมซึ่งกระทำกันมาจนเป็นประเพณีมาแต่อดีต ตามมาด้วยการสังสรรค์รับประทานอาหาร พูดคุยทำความรู้จักกัน และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแนะนำให้รู้จักสถานที่หรือสถาบัน หรือสถานที่ทำงาน ว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง และมีอะไรที่เป็นสิ่งที่ควรกระทำ มีอะไรที่เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวก็เพื่อให้ผู้มาใหม่รู้สึกอบอุ่น รู้สึกมีความสุข

ขณะเดียวกันมีข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติตน หรือกระทำกิจกรรมต่อไป ประเพณีหรือพิธีต้อนรับผู้มาใหม่นี้ต้องจบลงด้วยความสุขและหฤหรรษ์ ทั้งผู้ต้อนรับที่อยู่เก่าและผู้เป็นสมาชิกใหม่

แต่การต้อนรับสมาชิกใหม่ของบางองค์กรอาจจะแหวกแนวไปจากที่กล่าวมาเบื้องต้น เช่นองค์กรที่ต้องใช้ความมานะอดทน เข้มแข็ง ก็อาจจะมีการต้อนรับที่ทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ การมีระเบียบวินัย การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด การสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นลักษณะปิรามิด มีการจัดชั้นการบังคับบัญชาสูงต่ำตามลำดับ ตัวอย่างเช่น ในยุคอัศวินในยุโรปนั้นผู้ซึ่งไม่ใช่อัศวินไม่มีสิทธิจะเดินเข้าไปยุ่มย่ามในสถานที่บางแห่ง ต้องมีการเคารพอาวุโส และต้องมีการปฏิบัติตามระเบียบประเพณี วินัย ฯลฯ

สภาวะดังกล่าวก็นำไปสู่การต้อนรับบุคคลที่มาใหม่ในบางองค์กรในปัจจุบันเช่นองค์กรทหารในบางประเทศ ต่อมาก็ระบาดเข้าไปในสถานการศึกษาทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่มีข้อสังเกตว่าในสหรัฐฯ นั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยจะมีสิทธิที่จะเลือกอยู่หอพักธรรมดาโดยอิสระ หรือเลือกที่จะอยู่หอพักที่เรียกว่า Fraternity หรือชมรมแห่งภราดรภาพซึ่งเสมือนหนึ่งเป็นสโมสรพิเศษ ในชมรมเช่นนี้ย่อมจะมีประเพณีที่แปลกออกไปและจะมีการต้อนรับน้องใหม่ แต่ทั้งนี้เป็นความสมัครใจของผู้ที่จะเข้าไปเป็นสมาชิก

ในกรณีของสังคมไทยนั้น การต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสู่องค์กรเช่น การบวชพระ ก็จะมีการชุมนุมทำพิธีกันในโบสถ์ และพระใหม่ก็จะอยู่ในกรอบของการประพฤติปฏิบัติ มีการเคารพอาวุโสลดหลั่นตามลำดับเพราะเป็นสมาชิกใหม่ การต้อนรับผู้มาใหม่ก็มีการระบาดเข้าไปในสถาบันการศึกษาชั้นสูง ที่เด่นชัดที่สุดในสมัยเมื่อ 40 ปีก่อนก็คือการต้อนรับน้องใหม่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการแบ่งนิสิตอาวุโสและบุคคลที่เพิ่งเข้ามาเป็นนิสิต ที่เรียกว่า freshy โดยรุ่นน้องต้องฟังรุ่นพี่โดยดุษณีภาพ มีบางจุดที่รุ่นน้องไม่กล้าย่างกรายเข้าไปใกล้ ผู้ซึ่งขัดขืนจะถูกคว่ำบาตร บางครั้งมีการจับโยนน้ำ ร้ายกว่านั้นคือการจับโยนบกอันเป็นที่กล่าวขานกันโดยทั่วไป

ต่อมาการรับน้องใหม่ได้ระบาดไปยังมหาวิทยาลัยอื่นๆ และมีวิธีการที่รุนแรงมากขึ้น ให้มีการปฏิบัติตามคำสั่งของรุ่นพี่ด้วยการคลานรอดซุ้ม ด้วยการดื่มสุรา ด้วยการกระโดดน้ำ ด้วยการทำท่าทางแปลกๆ บางครั้งถึงกับมีการลวนลามนักศึกษาหรือนิสิตหญิง มีการทำร้ายร่างกาย และมีการตวาดด้วยเสียงอันดังที่เรียกว่าว้าก หรือว้ากเกอร์ จนมีการได้รับบาดเจ็บ เจ็บป่วย และบางครั้งถึงกับเสียชีวิต โดยผู้เสียหายไม่สามารถจะฟ้องร้องดำเนินคดีใดๆ ได้

ประเพณีการต้อนรับน้องใหม่ดังกล่าวยังระบาดไปยังสถานศึกษาในระดับอาชีวะ และโรงเรียนชั้นมัธยมบางแห่ง ทั้งหลายทั้งปวงดังกล่าวนี้เป็นการปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยบ่อยครั้งไม่สามารถจะอธิบายด้วยเหตุผลได้ รุ่นน้องบางส่วนไม่ชอบและไม่พอใจที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรติเพราะเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และบางครั้งต้องฝืนกระทำสิ่งซึ่งน่าสะอิดสะเอียน เช่น รับประทานเนื้อสุนัข ถูกบังคับให้สำเร็จความใคร่ ให้ดื่มสุรา บางแห่งก็พาไปเที่ยวซ่องโสเภณี ที่สำคัญคือ ให้มีการร้องเพลงเชียร์ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันจนเกิดความเครียด ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยทางกายและทางใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หลายคนก็ลาออกจากสถาบัน

แต่ที่น่าสลดใจก็คือในขณะที่หลายคนมองเห็นว่าประเพณีดังกล่าวไม่ถูกต้อง แต่ก็มีไม่น้อยก็นิยมชมชอบ และที่สำคัญครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยไม่ให้ความเอาใจใส่เท่าที่ควร และหลายคนก็ผ่านการเป็นนิสิตนักศึกษามาก่อน และยังมีจิตใจที่ส่งเสริมให้มีการสืบสานประเพณีที่กล่าวมาเบื้องต้น

บุคคลซึ่งเกี่ยวพันกับการต้อนรับน้องใหม่คงไม่ทราบว่า การกระทำทั้งหลายดังกล่าวมาเบื้องต้นนั้นมีสิ่งต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ คือ

1. รุ่นพี่ไม่มีสิทธิอันใดทั้งสิ้นในแง่กฎหมายที่จะบังคับรุ่นน้องให้กระทำตามอำเภอใจ ประเพณีที่สร้างขึ้นมานั้นเป็นประเพณีที่ไม่สามารถจะนำมากล่าวอ้างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยของรัฐดำเนินการโดยภาษีของประชาชน ทุกคนที่เสียค่าหน่วยกิตมีเกียรติและศักดิ์ศรีของการเป็นนิสิตนักศึกษาเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์หรือมีอำนาจที่จะมีพฤติกรรมในลักษณะที่เป็นรุ่นพี่ข่มขู่รุ่นน้องได้

2. การให้รุ่นน้องกระทำสิ่งซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่กระทำ เช่น บังคับให้คลานกับพื้น บังคับให้ไถไปกับถนนปูน หรือการกระทำใดก็ตามที่ทำให้อับอายโดยไม่สามารถตอบโต้ได้นั้น เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 4 และมาตรา 28 ว่าด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มาตรา 31 ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพชีวิตและร่างกาย มาตรา 5 และมาตรา 27 ว่าด้วยสิทธิของบุคคลที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ผู้ซึ่งละเมิดรัฐธรรมนูญดังกล่าวนี้ยังเป็นผู้ซึ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 67 อีกด้วย

3. ในกรณีที่มีการกระทำที่ทำให้รุ่นน้องได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือมีผลกระทบต่อทางจิตใจ ก็จะเป็นการละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ซึ่งได้แก่การทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อกายหรือจิตใจ และถ้าเป็นกรณีได้รับอันตรายสาหัสก็จะเข้ามาตรา 297 หรือถ้าเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตก็อาจจะมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ถ้ากระทำโดยเจตนาหรือแม้ไม่เจตนาแต่เล็งเห็นผลของการกระทำนั้น (มาตรา 59) และในกรณีที่เป็นการกระทำโดยประมาทก็จะเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 291

4. นอกจากความรับผิดทางอาญาแล้ว ผู้กระทำยังต้องรับผิดทางแพ่งฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 420 ซึ่งสามารถจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงินทองได้

5. การที่รุ่นพี่ใช้เสียงอันดังที่เรียกว่าว้าก โดยผู้ที่ตวาดคนอื่นที่เรียกว่าว้ากเกอร์ เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ไม่มีความชอบธรรม สะท้อนถึงบุคลิกลักษณะที่เป็นเผด็จการ ขณะเดียวกันเป็นการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบเผด็จการให้เกิดขึ้น โดยรุ่นน้องที่ไร้ความคิดบางส่วนก็ได้สืบสานสิ่งที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวต่อมา การรับน้องในเยี่ยงนี้จึงขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2540 ในส่วนที่ว่าด้วยการปฏิรูปการเมืองเพื่อพัฒนาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องและยั่งยืน ประเพณีดังกล่าวมานี้เป็นประเพณีที่ควรถูกประฌามเพราะสร้างบุคลิกภาพที่ขัดต่อการพัฒนาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งมุ่งเน้นให้มนุษย์มีเกียติและศักดิ์ศรี มีความเคารพตัวเอง และเคารพและให้เกียรติผู้อื่น ที่สำคัญที่สุดมีสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค

6.สำหรับบุคคลที่นิยมชมชอบที่จะถูกรุ่นพี่กระทำโดยไม่ถูกต้องนั้น ก็คือบุคคลซึ่งมีจิตใจเป็นทาส (slavish mentality) และนิยมชมชอบการได้รับเกียรติที่จะเป็นบ่าว (servile honor) ทำนองเดียวกับหัวหน้าผู้รับใช้ชนชั้นสูงในยุโรปที่จะมีท่าทางหยิ่งผยอง เพราะได้รับเกียรติที่จะได้รับใช้ชนชั้นสูง ตัวอย่างที่เห็นได้ก็คือ นักศึกษาที่ถูกทำร้ายโดยรุ่นพี่กล่าวขอโทษรุ่นพี่ที่ออกมาพูดความจริง และทำให้สถาบันเสียชื่อเสียง รวมทั้งบิดาก็พูดทำนองว่ารับน้องทำได้แต่ต้องมีกติกา เช่น มีการกำหนดเวลาไม่ใช่ทำโดยไม่มีขอบเขต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจแก่นแท้ของปัญหา พิธีการรับน้องที่เป็นข่าวนั้นเป็นระบบที่อัปลักษณ์อัปยศควรจะยกเลิก ไม่ควรที่จะมีการพูดป้องกัน หรือเข้ามาแก้ตัวแทน ผู้ถูกทำร้ายอย่างไม่ยุติธรรมกลับกลายเป็นผู้ที่ต้องมาขอโทษขอโพยเสียเอง นี่คืออาการที่น่าเป็นห่วงของวิธีการคิดและระบบความคิดและของวัฒนธรรมทางสังคม และวัฒนธรรมทางการเมืองที่เป็นอยู่ขณะนี้

การต้อนรับน้องใหม่ถ้ากระทำโดยรุ่นพี่ด้วยการปรบมือต้อนรับรุ่นน้อง รับประทานอาหารร่วมกัน ทำความรู้จักกัน ปวารณาตัวที่จะให้ข้อคิด ให้ความช่วยเหลือในด้านการเรียน ในด้านกิจกรรมต่างๆ รวมแม้กระทั่งเป็นที่ปรึกษาในเรื่องส่วนตัว ขณะเดียวกันก็ให้รุ่นน้องทราบว่าที่เข้ามาศึกษาในสถาบันก็เพื่อเรียนหาความรู้ เพื่อจะได้มีวิชาไปประกอบอาชีพ แต่ที่สำคัญเพื่อจะได้เป็นทรัพยากรมนุษย์อันสำคัญของประเทศชาติออกไปช่วยกันพัฒนาประเทศ เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่น ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อสร้างเกียรติคุณและชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

ที่กล่าวมาคือตัวอย่างการต้อนรับน้องใหม่ของมนุษย์ที่มีความคิด มีวิสัยทัศน์ มีสติสัมปชัญญะ มีอารยธรรม มีวัฒนธรรม มีอายุจิต (mental age) ที่เป็นผู้ใหญ่และเป็นคนที่มีลักษณะของสัตว์ประเสริฐ จะพึงกระทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น