รอยเตอร์/เอเอฟพี – ไอเอ็มเอฟชี้ ความไร้สมดุลต่างๆ อาจเป็นปัญหาคุกคามต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก ดังนั้นสหรัฐฯ จึงควรเร่งแก้ไขการขาดดุลงบประมาณอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นก่อนที่คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์จะเกษียณอายุ และจีนควรลอยตัวค่าเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โรดริโก ราโต กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยต่อบรรดาผู้สื่อข่าวของเนชันแนล เพรสส์ คลับในเมืองออตตาวาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20) ว่า การเคลื่อนไหวของเงินทุนซึ่งใช้ค้ำจุนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐฯที่ขยายวงกว้างขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากวันหนึ่งนักลงทุนอาจหมดความต้องการในสินทรัพย์สหรัฐฯ
“เมื่อพูดถึงความไร้สมดุลโลก เรามักกล่าวถึงปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศต่างๆ ก็เกินดุลบัญชีเดินสะพัด” ราโตกล่าว
“หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขความไร้สมดุลเหล่านี้อย่างเป็นระเบียบ เราอาจต้องแบกรับความเสี่ยงที่ว่า บรรดานักลงทุนอาจลดกระแสเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯ และหากเกิดขึ้นจริง ค่าเงินดอลลาร์อาจเสื่อมมูลค่าลงอย่างรวดเร็ว ตลาดเงินและตลาดทุนอาจเกิดความปั่นป่วนไร้ระเบียบ และผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยทะยานสูง กลายเป็นปัญหาคุกคามร้ายแรงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก”
ราโตเน้นอีกว่า แม้ในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งชี้ว่า กระแสทุนไหลเข้าสหรัฐฯกำลังลดลง แต่สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้หากตลาดมีทัศนคติ “ทางลบมากกว่าที่เป็นอยู่”
ทั้งนี้เขาเผยว่า เขาสนับสนุนแผนการของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งเป้าลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ครึ่งหนึ่งจาก 413,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 5 ปีนับจากปี 2006 เป็นต้นไป แต่แผนการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง
“การเร่งลดยอดขาดดุลจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำและจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความเข้มแข็งตามวงจรของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังมีความสำคัญต่อการลดปริมาณหนี้ภาครัฐบาลในช่วงก่อนหน้าการเกษียณอายุของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์” ราโตเสริม
นอกจากนี้ ยุโรปและญี่ปุ่นจำเป็นต้องสร้างความยืดหยุ่นในตลาดแรงงานของตนมากขึ้น และจีนควรปรับอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศให้คล่องตัวกว่านี้ เพื่อประโยชน์ของแดนมังกรและประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ดี ราโตแนะว่า จีนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนค่าเงินในคราวเดียว ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟแนะว่า จีนยังควรควบคุมกระแสเงินทุนบางส่วนต่อไป หลังจากผ่อนคลายการตรึงค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นการการันตีว่า พญามังกรจะสามารถรับมือกับการเก็งกำไรค่าเงินบางประเภท หรือเก็งค่าเงินระยะสั้นได้
นอกจากการแก้ไขปัญหาหารขาดดุลของสหรัฐแล้ว ราโตยังเรียกร้องให้มีการดำเนินงานในระดับโลกเพื่อรับมือกับการสะสมทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลของบรรดาธนาคารเอเชีย รวมถึงอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันระหว่างประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั่วโลก
พร้อมทิ้งท้ายว่า “การปรับค่าเงินหยวนของจีนให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ผนวกกับการลงมือปฏิบัติจากประเทศต่างๆ ...จะช่วยแก้ไขความไร้สมดุลระดับโลกได้”
โรดริโก ราโต กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยต่อบรรดาผู้สื่อข่าวของเนชันแนล เพรสส์ คลับในเมืองออตตาวาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (20) ว่า การเคลื่อนไหวของเงินทุนซึ่งใช้ค้ำจุนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสหรัฐฯที่ขยายวงกว้างขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากวันหนึ่งนักลงทุนอาจหมดความต้องการในสินทรัพย์สหรัฐฯ
“เมื่อพูดถึงความไร้สมดุลโลก เรามักกล่าวถึงปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศต่างๆ ก็เกินดุลบัญชีเดินสะพัด” ราโตกล่าว
“หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อแก้ไขความไร้สมดุลเหล่านี้อย่างเป็นระเบียบ เราอาจต้องแบกรับความเสี่ยงที่ว่า บรรดานักลงทุนอาจลดกระแสเงินทุนไหลเข้าสหรัฐฯ และหากเกิดขึ้นจริง ค่าเงินดอลลาร์อาจเสื่อมมูลค่าลงอย่างรวดเร็ว ตลาดเงินและตลาดทุนอาจเกิดความปั่นป่วนไร้ระเบียบ และผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยทะยานสูง กลายเป็นปัญหาคุกคามร้ายแรงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก”
ราโตเน้นอีกว่า แม้ในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณใดๆที่บ่งชี้ว่า กระแสทุนไหลเข้าสหรัฐฯกำลังลดลง แต่สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้หากตลาดมีทัศนคติ “ทางลบมากกว่าที่เป็นอยู่”
ทั้งนี้เขาเผยว่า เขาสนับสนุนแผนการของสหรัฐฯ ซึ่งตั้งเป้าลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ครึ่งหนึ่งจาก 413,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลา 5 ปีนับจากปี 2006 เป็นต้นไป แต่แผนการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง
“การเร่งลดยอดขาดดุลจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำและจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความเข้มแข็งตามวงจรของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังมีความสำคัญต่อการลดปริมาณหนี้ภาครัฐบาลในช่วงก่อนหน้าการเกษียณอายุของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์” ราโตเสริม
นอกจากนี้ ยุโรปและญี่ปุ่นจำเป็นต้องสร้างความยืดหยุ่นในตลาดแรงงานของตนมากขึ้น และจีนควรปรับอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศให้คล่องตัวกว่านี้ เพื่อประโยชน์ของแดนมังกรและประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ดี ราโตแนะว่า จีนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนค่าเงินในคราวเดียว ทั้งนี้ไอเอ็มเอฟแนะว่า จีนยังควรควบคุมกระแสเงินทุนบางส่วนต่อไป หลังจากผ่อนคลายการตรึงค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นการการันตีว่า พญามังกรจะสามารถรับมือกับการเก็งกำไรค่าเงินบางประเภท หรือเก็งค่าเงินระยะสั้นได้
นอกจากการแก้ไขปัญหาหารขาดดุลของสหรัฐแล้ว ราโตยังเรียกร้องให้มีการดำเนินงานในระดับโลกเพื่อรับมือกับการสะสมทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมหาศาลของบรรดาธนาคารเอเชีย รวมถึงอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันระหว่างประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั่วโลก
พร้อมทิ้งท้ายว่า “การปรับค่าเงินหยวนของจีนให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ผนวกกับการลงมือปฏิบัติจากประเทศต่างๆ ...จะช่วยแก้ไขความไร้สมดุลระดับโลกได้”