xs
xsm
sm
md
lg

สัตว์กับการใช้อุปกรณ์

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


นิทานอีสปมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกาตัวหนึ่งที่กระหายน้ำมาก เมื่อได้เห็นคนโทที่มีน้ำน้อย และอยู่ลึกจนจะงอยปากของมันล้วงลงไปไม่ถึง มันจึงคาบก้อนหินทีละก้อนปล่อยลงตามปากคนโท ทำให้ระดับน้ำในคนโทเอ่อสูงขึ้นๆ จนสามารถดื่มน้ำได้

นี่คือนิทานแต่ในความเป็นจริง มิใช่กาเท่านั้นที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด นก finch ที่อาศัยอยู่บนหมู่เกาะ Galapagos เวลาหิวรู้จักใช้หนามแหลมของต้นตะบองเพชรไชหาหนอนตามลำต้นไม้ ช้างรู้จักใช้งวงจับกิ่งไม้ โบกไล่แมลงมิให้บินมาไต่ตอมตามตัว ลิงชิมแปนซีใน Cameroon เวลาจะกินถั่วลิสง มันใช้ก้อนหินกะเทาะเปลือกเมล็ดถั่วจนแตก นกนางนวลเวลาจะกินหอยเม่น มันจะใช้จะงอยปากคาบหอยบินขึ้นสูง แล้วปล่อยหอยให้ตกกระแทกพื้นจนเปลือกหอยแตก กาเหว่าเวลาเห็นนกตัวอื่นที่มันคิดว่าเป็นศัตรูบินเข้าใกล้ มันจะใช้ปากคาบก้อนหินเหวี่ยงใส่นกที่บุกรุกเหยี่ยวอียิปต์ (Neophron perenoterus) ที่มีขนขาวตามลำตัว ขนดำที่ปลายปีก และขนเหลืองที่แก้ม และมีขนาดใหญ่พอๆ กับดุเหว่า เวลาจะกินไข่นกกระจอกเทศ มันจะใช้จะงอยปากคาบก้อนหินที่หนักประมาณ 700 กรัม เหวี่่ยงกระแทกไข่นกที่มีเปลือกหนาประมาณ 1.6 มิลลิเมตร จนเปลือกแตก การศึกษาพฤติกรรมของเหยี่ยวชนิดนี้ทำให้นักชีววิทยารู้ว่าเหยี่ยวรู้จักเลือกขนาด และน้ำหนักของก้อนหินได้อย่างเหมาะสม เพื่อใช้ในการทำไข่ให้แตกเสมอ ลิงชิมแปนซีแห่งเกาะนิวกินีรู้จักปลิดใบไม้จากกิ่ง แล้วใช้กิ่งที่ไร้ใบแหย่รังมดหรือปลวกให้มดและปลวกหนีออกจากรังขึ้นมาให้มันจับกินสบายๆ แมงมุม bolas ไม่ใช่ใยในการดักจับแมลง แต่ใช้วิธีปั่นใยให้เป็นก้อนกลม พอเวลาแมลงบินเข้ามาใกล้ๆ มันจะเหวี่ยงก้อนกลมที่เหนียวใส่แมลง ทำให้แมลงบินต่อไปไม่ได้ จากนั้นมันก็จะสาวใยนำเหยื่อเข้าปากเป็นอาหารต่อไป เหล่านี้คือตัวอย่างของสัตว์ที่รู้จักนำอุปกรณ์นอกกายมาใช้ในการหาอาหาร

โลกมีสัตว์หลายชนิดที่รู้จักใช้อวัยวะพิเศษที่ตนมีในการดำรงชีพ เช่น ยุงตัวเมียเวลากัดคน มันจะขับน้ำลายออกมาหล่อเลี้ยงเลือดไม่ให้แข็งตัว เพื่อให้มันสามารถดูดเลือดได้อย่างต่อเนื่อง ตัว Walrus รู้จักใช้งางมหาหอยตามท้องทะเล นกฮัมมิงเบิร์ดใช้จะงอยปากที่เรียวแหลม และยาวในการดูดน้ำหวานจากดอกไม้ อุ้งปากของนก pelican มีขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการช้อนเก็บปลาปูรู้จักใช้ก้ามในการหนีบเหยื่อตัว chameleon ใช้ลิ้นที่ยาวมากต่างฉมวกเวลาจับแมลง เป็นต้น

นอกจากจำเป็นต้องหาอาหารเลี้ยงชีพแล้ว สัตว์ยังต้องป้องกันตัวด้วย ดังนั้นเต่าจึงต้องมีกระดองหนา หอยต้องมีเปลือกที่แข็งแรง เม่นมีขนแหลม ผึ้ง แมงป่อง แมงกะพรุนมีเข็มพิษ อินทรี เหยี่ยวมีกรงเล็บที่แหลมคม ม้า ลา ม้าลาย จิงโจ้ใช้เท้าหลังเตะศัตรู เวลาต่อสู้ป้องกันตัว นกกระจอกเทศ นกอีมู ก็ใช้เท้าเตะศัตรูเช่นกัน ตัว skunk ใช้กลิ่นเป็นอาวุธป้องกันตัว ปลาไหลไฟฟ้าสามารถช็อต สัตว์ที่เข้ามาสัมผัสมันได้อย่างรุนแรงด้วยไฟฟ้าในตัว ปลาหมึกใช้วิธีพ่นน้ำ ขับตัวหนีศัตรู ซึ่งแตกต่างจากปลาที่ใช้หางโบกไปมา

ย้อนอดีตไปเมื่อ 9 ปีก่อนนี้ G. Hunt แห่งมหาวิทยาลัย Massey ใน New Zealand ได้รายงานในวารสาร Nature ว่า กาบนเกาะ New Caledonia (Corvus moneduloides) รู้จักใช้ปากบิดลวดให้เป็นตะขอหรือเป็นหอกแหลม โดยเขาได้พบว่ารูปแบบของอุปกรณ์ 305 ชิ้น ที่กาทำสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม นั่นแสดงว่า อุปกรณ์ที่กาทำมีมาตรฐาน เพราะมีรูปแบบที่แน่นอน

ในรายงานการวิจัยเรื่องเดียวกัน ในวารสาร Nature ฉบับวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมานี้ B. Kenward แห่งมหาวิทยาลัย Oxford ในอังกฤษได้ทดลองนำกาจากเกาะ New Caledonia 4 ตัว มาเลี้ยงที่ Oxford กาทั้ง 4 เป็นตัวผู้ 3 ตัว และตัวเมีย 1 ตัว โดยได้แบ่งกาออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 2 ตัว กากลุ่มหนึ่งไม่มีใครฝึกฝนอะไรให้เลย แต่อีกกลุ่มหนึ่งมีคนช่วยฝึกวิธีใช้ กิ่งไม้แหย่หาเศษอาหารที่แฝงอยู่ในรูแคบๆ และไม่ให้กากลุ่มหนึ่งได้เห็นกาอีกกลุ่มหนึ่งเลย ตลอดเวลาที่ฝึก

จากนั้น เขาก็นำกาทั้ง 4 ตัวไปทดลอง และก็ได้พบว่า กาทุกตัวมีความสามารถในการหาอาหารได้เองตามธรรมชาติ เพราะกาที่ไม่ได้รับการฝึกฝนใดๆ ก็สามารถทำอุปกรณ์ขึ้นหาอาหารได้ดีเหมือนกาที่ได้รับการฝึกฝน นั่นแสดงว่า พันธุกรรมที่มีในกาได้ผลักดันให้มันรู้จักทำอุปกรณ์ ในยามที่มันตกอยู่ในภาวะคับขันเพื่อใช้อุปกรณ์ในการดำรงชีพ เช่นเดียวกับมนุษย์เรา

แม้กาจะไม่สามารถสร้างจรวด หรือคอมพิวเตอร์ได้ เช่น มนุษย์ แต่ Kenward กับคณะก็สามารถสรุปได้ว่า ความสามารถในการทำอุปกรณ์ของกาเป็นผลิตผลที่ได้จากกระบวนการวิวัฒนาการ ซึ่งได้มีสะสมมานาน เช่นเดียวกับคน ทั้งนี้เพราะกากับคนเป็นสัตว์สังคมเหมือนกัน มีพฤติกรรมหาอาหารที่เหมือนกัน และเวลาหาอาหารไม่ได้ ก็รู้จักประดิษฐ์อุปกรณ์ขึ้นมาช่วยหาอาหาร และรู้จักใช้ประสบการณ์นั้นทำอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นๆ เมื่อเวลาผ่านไปๆ แต่สำหรับกาซึ่งมีสมองขนาดเล็กกว่าคน จึงสามารถสร้างอุปกรณ์ได้ไม่มากเท่าคน

ในวารสาร Nature ฉบับวันที่ 2 กันยายน 2547 D. Levey แห่งมหาวิทยาลัย Florida ที่ Gainesville ในสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่านกเค้าแมวโพรง ที่ชอบเจาะโพรงอาศัยอยู่ใต้ดิน และเป็นนกขนาดเล็กที่มีขายาว มีพฤติกรรมที่น่าสนใจคือ มันจะยืนนิ่งๆ นอกรังทั้งวัน โดยคนทั่วไปที่ไม่รู้นิสัยแท้จริงของมัน ก็จะไม่รู้ว่ามันคอยอะไรอยู่

แต่ Levey รู้ว่านกเค้าแมวโพรง (Athene cunicularia) ซึ่งมีศัตรูคือ งู ชอบเอามูลวัวหรือมูลม้ามากองที่ปากรังของมัน ในครั้งแรก Levey คิดว่า มูลที่มีกลิ่นเหม็นจะช่วยขับไล่ศัตรูของมันไปจากรัง แต่เขากลับพบว่า มูลวัวได้ดึงดูดตัวด้วงขี้วัวให้มากัน เดินมาเกาะกินมูล และได้ตกเป็นอาหารของมัน และถึงแม้มูลจะแห้งผาก ฝูงด้วงก็ยังเดินตามกันมาหามูล และถ้า Levey ทำให้มูลเปียก จำนวนด้วงที่มาแทะมูลก็ยิ่งมาก และนั่นหมายความว่า อาหารที่นกเค้าแมวโพรงจะได้ก็มากตามไปด้วย

ในการทดลองกับโพรง 10 โพรง คือ 5 โพรงมีมูลวัว และอีก 5 โพรงไม่มี Levey ได้พบว่า ในกรณีโพรงไม่มีมูล นกเค้าแมวโพรงจะกินด้วงได้น้อย แต่ในกรณีที่มีมูลปริมาณอาหารที่นกได้รับจะมากขึ้นถึง 10 เท่า ดังนั้น Levey จึงสรุปว่า มูลวัวเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่นกเค้าแมวโพรงใช้ในการหาอาหาร

การศึกษาพฤติกรรมสร้างอุปกรณ์ขั้นต่อไปคือ นักชีววิทยาต้องการจะรู้ว่าเวลาสัตว์จะสร้างอุปกรณ์ใดก็ตาม มันมีจินตนาการหรือความฝันก่อนที่จะลงมือสร้างหรือไม่ เพราะในกรณีของคน เวลาคนจะทำอะไรก็ตาม คนมักวางแผนก่อน และเวลาวางแผน คนก็มักสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่น ดังนั้น ถ้ามีการพบว่า สัตว์สนทนากันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เวลาจะสร้างอุปกรณ์หรือออกแบบอุปกรณ์ คนและสัตว์ก็มีจิตใจที่ไม่แตกต่างกันมาก อย่างที่เราเคยคิด จริงไหมครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสถาน



กำลังโหลดความคิดเห็น