xs
xsm
sm
md
lg

บ.ญี่ปุ่นเริ่มตระหนัก “บทบาทหญิง” ทางออกปัญหาแรงงานลด-คนแก่เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์ – ปัญหาการเข้าสู่สังคมวัยชราและแรงงานที่ลดน้อยลงทุกขณะในญี่ปุ่น ทำให้บริษัทแดนซามูไรหลายแห่งเริ่มตื่นตัวหันมาให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและพัฒนาผู้หญิงมากขึ้น เพื่อรับมือกับการแข่งขันทางธุรกิจระดับโลก

หลายประเทศทั่วโลกมีผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากมาย อาทิ สหรัฐฯ ที่มีคอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ และคาร์ลี ฟิโอรินา อดีตซีอีโอคนดังของฮิวเลตต์-แพคการ์ด ส่วนจีนก็มีอู๋ อี๋ รองนายกรัฐมนตรีหญิง และเซี่ยฉี่หัว ประธานกรรมการเซี่ยงไฮ้ เป่าสตีล กรุ๊ป

ทว่า หากถามถึงผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในแดนซามูไรกลับเป็นคาซูโกะ โฮโซกิ นักทำนายคนดังที่เป็นที่รู้จักกันดีทางโทรทัศน์ ซึ่งชื่อนี้ดูเหมือนจะปรากฏให้ได้ยินบ่อยครั้งกว่านักการเมืองหรือผู้บริหารหลายคนในประเทศ อันเป็นการสะท้อนว่าผู้หญิงในญี่ปุ่นมีโอกาสน้อยนิดที่จะสามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งอำนาจได้

แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้จะมีสัญญาณหลายอย่างสำหรับผู้บริหารหญิงที่บ่งชี้ว่า ในที่สุดสภาพการณ์นี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยแรงผลักดันบางส่วนจากปัญหาอันเลี่ยงไม่ได้ด้านประชากรวัยชราในประเทศ รวมถึงจำนวนแรงงานที่ลดน้อยลงก็ตาม

เมิร์ล ไอโกะ โอกาวาระ ประธานบริหารเจซี คอมซา ผู้ผลิตอาหารแช่แข็งกล่าวว่า “บริษัทต่างๆต้องหันมาให้ความสำคัญในการสนับสนุนผู้หญิง เพราะมันเป็นเรื่องที่ดีทางธุรกิจ”

“หากพวกเขากำลังเผชิญกับปัญหาประชากรที่กำลังลดน้อยลง พวกเขาจะต้องเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานหญิงและฝึกฝนพวกเธอให้เป็นผู้จัดการเสียตั้งแต่ตอนนี้” โอกาวาระ ผู้บริหารหญิงซึ่งต่อสู้อยู่ในโลกธุรกิจที่ผู้ชายเป็นใหญ่มานานกว่า 40 ปีกล่าว

นอกจากนี้ แรงกดดันจากบรรดานักลงทุนและลูกค้าของบริษัทต่างๆ ที่มีมุมมองในเรื่องนี้กว้างกว่า ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

“แม้แต่ผู้ชายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดความเท่าเทียมกันทางเพศก็มีความคิดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้หญิงด้วยเช่นกัน” คาโอริ ซาซากิ เจ้าของบริษัทที่ปรึกษาด้านโทรคมนาคมแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นกล่าว

“เมื่อก่อนการจ้างผู้หญิงเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันเรื่องดังกล่าวถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มราคาหุ้นและยอดขายของบริษัทด้วย”

ยังเป็นปัญหา
สถิติหลายชิ้นบ่งชี้ว่า ปัญหานี้ยังจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุงอีกมาก อาทิ การสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัมในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศจัดให้ญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 38 ล้าหลังจีนซึ่งอยู่ที่อันดับ 33 และสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 17 ส่วนอันดับ 1 คือ ประเทศต่างๆ ในแถบนอร์ดิก

แม้ในปี 1985 ญี่ปุ่นจะมีการออกกฎหมายรับรองโอกาสในการจ้างงานอย่างเท่าเทียมกัน แต่แบบอย่างผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จแดนอาทิตย์อุทัยยังคงหาได้ยาก อีกทั้งเรื่องงานบ้านงานเรือนก็ยังตกเป็นภาระหนักสำหรับผู้หญิงเหมือนเดิม เนื่องจากสามีออกไปทำงานเป็นเวลานานหลายชั่วโมง และมักหลีกเลี่ยงงานบ้านและการดูแลลูก

ซาซากิชี้ว่า “บริษัทหลายแห่งมักสร้างกรอบในการจ้าง
งานผู้หญิง และมักจะเอื้อให้ผู้หญิงทำงานได้ต่อไปหลังจากมีบุตร แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆสำหรับผู้ชายในเรื่องนี้”

อนึ่ง ในแวดวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นนั้นมีผู้หญิงที่อยู่ตำแหน่งระดับบริหารค่อนข้างน้อย คิดเป็นเพียง 2.8% เท่านั้น ดังนั้นเพื่อลดช่องว่างดังกล่าว บริษัทใหญ่ๆ บางรายจึงตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนผู้จัดการหญิงให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น นิสสัน มอเตอร์ที่ประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า จะเพิ่มสัดส่วนของผู้จัดการหญิงขึ้นเป็น 5% ในเดือนมีนาคม 2008 จากปัจจุบันที่ 1.6%

ด้านนิฮง เคอิไซ ชิมบุงมีความเห็นในเรื่องนี้ว่า “เมื่อคำนึงถึงความรุนแรงในการแข่งขันจากทั่วโลกที่บริษัทต่างๆกำลังเผชิญอยู่ อาจถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดร้ายแรง หรืออาจนับเป็นความสูญเสียระดับชาติสำหรับผู้บริหารญี่ปุ่นที่ไม่นำความสามารถของพนักงานหญิงออกมาใช้อย่างเต็มที่”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้หญิงจำนวนมากยังเห็นพ้องกันว่า ยิ่งบริษัทใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสที่ผู้หญิงจะแทรกตัวเข้าไปได้นั้นยิ่งมีน้อยมากขึ้นเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น