เซเว่นฯเดินหน้าลดพลังงาน หว่านงบ 300 ล้านบาท ขยายผลถึงปี 2552 ตั้งเป้าลดให้ได้ 200 ล้านบาท เผย 9 เดือนแรกของโครงการ ประหยัดไปแล้ว 90 ล้านบาท
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจต่างๆสูงขึ้น ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของร้านเซเว่นด้วยมาตรการต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการสนองนโยบายของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานซีพีกรุ๊ป ที่สั่งให้บริษัทในเครือทุกแห่งต้องลดการใช้พลังงานลง 20% ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา โดยจะเปิดร้านประหยัดพลังงานต้นแบบที่พระประแดงในเดือนสิงหาคมนี้
จากการคาดการณ์ในเบื้องต้นของบริษัทฯคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานต่างๆไม่ต่ำกว่า 664 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วพบว่างบประมาณที่ใช้อาจจะต่ำลงมาเหลือแค่ 200-300 ล้านบาทตลอดทั้งโครงการจนถึงปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของร้านเซเว่นฯได้ประมาณ 700 สาขาต่อปี และต้องประหยัดพลังงานไม่ต่ำกว่า 20% โดยในปี 2548 จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 120 ล้านบาท ปี 2549 จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้เพิ่มเป็น 150 ล้านบาท และในปี 2550 จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 200 ล้านบาท ซึ่งเวลานั้นจะมีสาขา 3,000 แห่ง
อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนแรกที่เซเว่นฯได้เริ่มปรับโฉมร้านใหม่นั้นซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 พบว่าสามารถลดค่าไฟฟ้าของสาขาได้ทั่วประเทศมากถึง 90 ล้านบาท จากมาตรการต่างๆ เช่น การปิดไฟป้ายยาวหน้าร้าน เปิดไฟเฉพาะป้ายโลโก้ ปิดไฟป้ายใต้กันสาด ลดจำนวนหลอดไฟในร้าน และใต้กันสาด ควบคุมอุณหภูมิในร้าน ปรับตู้ทำน้ำแข็งให้มีขนาดเล็กกลง เป็นต้น
สำหรับสัดส่วนปริมาณการใช้ไฟฟ้าของร้านเซเว่นฯเฉลี่ยต่อสาขานั้นพบว่า ประเภทอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย เครื่องเย็น 176 หน่วยต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดคือ 40% รองลงมาคือ เครื่องปรับอากาศ 134 หน่วย คิดเป็น 31% แสงสว่าง 63 หน่วยคิดเป็น 14% เครื่องร้อน 39 หน่วยคิดเป็น 9% อุปกรณ์อื่น 24 หน่วยคิดเป็น 6% รวมทั้งสิ้น 436 หน่วย รวมเป็น 100%
เขากล่าวว่า ในส่วนของเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นตัวที่ใช้ปริมาณไฟฟ้ามากที่สุด ดังนั้นจึงได้ปรับระบบใหม่ด้วยการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทุก 6 ปีจากเดิมที่จะเปลี่ยน 9-10 ปี และได้เปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศใหม่มาเป็นแอร์ประหยัดพลังงาน (แอร์ดับเบิ้ลคูล) ที่สามารถประหยัดพลังงานได้ 25% เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ทั่วไป โดยบริษัท รีเทลลิ้งค์ จำกัดที่อยู่ในเครือซีพีจะเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแอร์ระบบดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ตาม เซเว่นฯเริ่มประหยัดพลังงานมาตั้งแต่ปี 2541 แล้ว เช่น เปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากหลอดอ้วนมาเป็นหลอดผอม เปลี่ยนบัลลาร์ตแกนเหล็กเป็นบัลลาร์ตชนิดโลว์ลอส (Low Loss) ใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานกับระบบแสงสว่างในพื้นที่ขาย ปี 2543 ได้ลดจำนวนหลอดไฟฟ้าของอุปกรณ์ให้เหมาะสม เปลี่ยนมาใช้บัลลาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ ติดตั้งเครื่องลดแรงดันกระแสไฟฟ้าเหมาะสมกับการใช้ไฟฟ้าในร้าน ส่วนปี 2545-2546 ลดปริมาณความร้อนตัวละลายฝ้าของประตูตู้แช่ ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดไฟสำหรับไฟป้าย เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า 40% ปรับแรงดันไฟฟ้าที่หม้อแปลงหน้าร้านให้เหมาะสม
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองประธานบริหารสายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า ท็อปส์ได้เริ่มโครงการมิสเตอร์เซฟเป็นทางการเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว จากที่เริ่มกลยุทธ์ประหยัดพลังงานมาเมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดการใช้พลังงานโดยเน้น 3 เรื่องหลักก่อนคือ ไฟฟ้า ประปา วัสดุอื่น ตั้งเป้าลดลงให้ได้ปีละ 3% ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกนี้ลดลงแล้ว 7-10%
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจต่างๆสูงขึ้น ซึ่งเซเว่นอีเลฟเว่นจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของร้านเซเว่นด้วยมาตรการต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการสนองนโยบายของนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานซีพีกรุ๊ป ที่สั่งให้บริษัทในเครือทุกแห่งต้องลดการใช้พลังงานลง 20% ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา โดยจะเปิดร้านประหยัดพลังงานต้นแบบที่พระประแดงในเดือนสิงหาคมนี้
จากการคาดการณ์ในเบื้องต้นของบริษัทฯคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานต่างๆไม่ต่ำกว่า 664 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อศึกษาในรายละเอียดแล้วพบว่างบประมาณที่ใช้อาจจะต่ำลงมาเหลือแค่ 200-300 ล้านบาทตลอดทั้งโครงการจนถึงปี 2552 โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้พลังงานไฟฟ้าของร้านเซเว่นฯได้ประมาณ 700 สาขาต่อปี และต้องประหยัดพลังงานไม่ต่ำกว่า 20% โดยในปี 2548 จะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 120 ล้านบาท ปี 2549 จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้เพิ่มเป็น 150 ล้านบาท และในปี 2550 จะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 200 ล้านบาท ซึ่งเวลานั้นจะมีสาขา 3,000 แห่ง
อย่างไรก็ตามในช่วง 9 เดือนแรกที่เซเว่นฯได้เริ่มปรับโฉมร้านใหม่นั้นซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 พบว่าสามารถลดค่าไฟฟ้าของสาขาได้ทั่วประเทศมากถึง 90 ล้านบาท จากมาตรการต่างๆ เช่น การปิดไฟป้ายยาวหน้าร้าน เปิดไฟเฉพาะป้ายโลโก้ ปิดไฟป้ายใต้กันสาด ลดจำนวนหลอดไฟในร้าน และใต้กันสาด ควบคุมอุณหภูมิในร้าน ปรับตู้ทำน้ำแข็งให้มีขนาดเล็กกลง เป็นต้น
สำหรับสัดส่วนปริมาณการใช้ไฟฟ้าของร้านเซเว่นฯเฉลี่ยต่อสาขานั้นพบว่า ประเภทอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย เครื่องเย็น 176 หน่วยต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดคือ 40% รองลงมาคือ เครื่องปรับอากาศ 134 หน่วย คิดเป็น 31% แสงสว่าง 63 หน่วยคิดเป็น 14% เครื่องร้อน 39 หน่วยคิดเป็น 9% อุปกรณ์อื่น 24 หน่วยคิดเป็น 6% รวมทั้งสิ้น 436 หน่วย รวมเป็น 100%
เขากล่าวว่า ในส่วนของเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นตัวที่ใช้ปริมาณไฟฟ้ามากที่สุด ดังนั้นจึงได้ปรับระบบใหม่ด้วยการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ทุก 6 ปีจากเดิมที่จะเปลี่ยน 9-10 ปี และได้เปลี่ยนระบบเครื่องปรับอากาศใหม่มาเป็นแอร์ประหยัดพลังงาน (แอร์ดับเบิ้ลคูล) ที่สามารถประหยัดพลังงานได้ 25% เมื่อเทียบกับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ทั่วไป โดยบริษัท รีเทลลิ้งค์ จำกัดที่อยู่ในเครือซีพีจะเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแอร์ระบบดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ตาม เซเว่นฯเริ่มประหยัดพลังงานมาตั้งแต่ปี 2541 แล้ว เช่น เปลี่ยนหลอดไฟฟ้าจากหลอดอ้วนมาเป็นหลอดผอม เปลี่ยนบัลลาร์ตแกนเหล็กเป็นบัลลาร์ตชนิดโลว์ลอส (Low Loss) ใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานกับระบบแสงสว่างในพื้นที่ขาย ปี 2543 ได้ลดจำนวนหลอดไฟฟ้าของอุปกรณ์ให้เหมาะสม เปลี่ยนมาใช้บัลลาร์ตอิเล็กทรอนิกส์ ติดตั้งเครื่องลดแรงดันกระแสไฟฟ้าเหมาะสมกับการใช้ไฟฟ้าในร้าน ส่วนปี 2545-2546 ลดปริมาณความร้อนตัวละลายฝ้าของประตูตู้แช่ ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดไฟสำหรับไฟป้าย เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า 40% ปรับแรงดันไฟฟ้าที่หม้อแปลงหน้าร้านให้เหมาะสม
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยรองประธานบริหารสายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า ท็อปส์ได้เริ่มโครงการมิสเตอร์เซฟเป็นทางการเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว จากที่เริ่มกลยุทธ์ประหยัดพลังงานมาเมื่อปีที่แล้ว เพื่อลดการใช้พลังงานโดยเน้น 3 เรื่องหลักก่อนคือ ไฟฟ้า ประปา วัสดุอื่น ตั้งเป้าลดลงให้ได้ปีละ 3% ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกนี้ลดลงแล้ว 7-10%