xs
xsm
sm
md
lg

ญาติชี้เหตุรับน้องใหม่ปี1เกษตรฯฆ่าตัวตาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิสิตปี 1 คณะสัตวศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ญาติระบุเหตุส่วนหนึ่งมาจากความเครียดที่ถูกรับน้อง และถูกบังคับจากรุ่นพี่ให้เต้นส่ออนาจารและไม่ให้พกโทรศัพท์มือถือ ด้านผู้บริหารมหาวิทยาลัยออกโรงส่งหรีดแสดงความเสียใจ แต่ปฏิเสธไม่ใช่การรับน้อง ส่วนสกอ.ชี้ไม่เคยปรากฏฆ่าตัวตายเพราะรับน้อง

กรณีข่าวเกิดเหตุการณ์การทำอัตวินิบาตกรรมของนายโชคชัย รุ่งเรืองศรีศักดิ์ อายุ 19 ปี นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะสัตวศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยสาเหตุความกดดันจนบังคับให้ผู้ตายก่อเหตุอาจมาจากกิจกรรมรับน้องของทางมหาวิทยาลัยนั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว โดยสอบถามไปยังน.ส.สุรีรัตน์ รุ่งเรืองศรีศักดิ์ อายุ 23 ปี พี่สาวของผู้ตาย ก็ได้รับคำตอบว่า ส่วนหนึ่งเกิดจากความกดดันที่น้องชายต้องไปทำกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย โดยก่อนหน้านี้น้องชายนำใบขอร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยมาให้เซ็นต์ เพราะเป็นผู้ปกครอง แต่ก็ไม่ได้อ่านละเอียด และน้องชายบอกว่า เป็นใบขออนุญาตเข้าร่วมกิจกรรม         

จากนั้นเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ได้โทรศัพท์ไปหาน้องซึ่งได้เข้าพักในหอพักเอกชนใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว น้องชายก็ร่าเริงดี คุยสนุก ดูเป็นปกติ แต่พอวันที่ 2 มิ.ย.ก็โทรศัพท์มาอีก ปรากฏว่าน้ำเสียงดูเคร่งเครียด กระทั่งวันที่ 4 มิ.ย. น้องชายได้โทรศัพท์มาระบายว่าเครียด อยากมาหา แล้วตกค่ำก็มาหาที่หอพักในกรุงเทพฯ

เมื่อพบหน้า น้องชายก็กล่าวว่า “ไม่ไหวแล้ว รุ่นพี่ให้เต้นท่าอุบาทว์” และก็อธิบายเพียงสั้นๆ ว่าให้เต้นประกอบเพลง "ไก่ย่าง" นอกจากนี้น้องยังได้ระบายเรื่องเครียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ให้พกโทรศัพท์ในช่วง 2-3วันที่มีกิจกรรม จนแฟนสาวเกิดระแวง เรื่องการสอบพรีเทสต์ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ การกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ฟังมากนัก

“ปกติน้องชายเป็นคนวิตก เหมือนว่าจะร่าเริง แต่ว่าพอมีเรื่องเครียดจะเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นไม่สบายใจ วันที่เค้ามาพบที่หอเค้าก็ระบายเรื่องรุ่นพี่ เรื่องถูกบังคับให้เต้นท่าอุบาทว์ ซึ่งเขาทำไม่ได้ รับไม่ได้แน่นอน”         

พี่สาวของนายโชคชัยกล่าวอีกว่า ไม่ได้โทษมหาวิทยาลัย เพราะทราบว่าอาจารย์คงไม่ได้ให้การดูแลอย่างทั่วถึง ทางมหาวิทยาลัยอาจไม่ทราบสิ่งที่รุ่นพี่ได้กระทำกับรุ่นน้องระหว่างทำกิจกรรม แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากเกิดเหตุทางมหาวิทยาลัยได้ติดต่อมายังผู้ปกครองของนิสิต ที่เสียชีวิตเพื่อแสดงความเสียใจ แต่ก็บอกปัดว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง เป็นเพียงกิจกรรมแนะนำมหาวิทยาลัยเท่านั้น

ด้าน ผศ.ดร.ศุภพร ไทยภักดี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มก. วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้ส่งพวงหรีดไปแสดงความเสียใจแล้ว ส่วนที่มีการระบุว่าการเสียชีวิตเกิดจากการรับน้องนั้น ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวกับการรับน้องแต่อย่างใด เนื่องจากเสียชีวิตในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีการรับน้องของมหาวิทยาลัยที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 6-25 มิ.ย.จะมีการประชุมเชียร์และรับน้อง

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีกิจกรรมรับน้องในวันที่ 3-4 มิ.ย. ทางสถาบันมีโครงการก้าวแรกสู่บัณฑิตยุคใหม่ โดยจะมีการปฐมนิเทศรุ่นน้อง มีการแนะนำถึงการการเตรียมเป็นนิสิต การปรับตัวในมหาวิทยาลัย การแนะนำสถาบัน พร้อมทั้งนำนิสิตรุ่นน้องทัวร์ตามคณะต่าง ๆ ซึ่งในระหว่างนี้จะมีอาจารย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่มีการรับน้องแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผู้ปกครองยังมีข้อสงสัยถึงการเสียชีวิตของน้องว่าเกิดจากการรับน้องหรือไม่นั้นทางสถาบันก็พร้อมที่จะชี้แจง รวมถึงให้ข้อมูลทั้งหมด

ผศ.ดร.ศุภพร กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการรับน้องนั้น ทางมหาวิทยาลัยและรุ่นพี่ก็มีการตกลงกันเป็นการภายในว่ากิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยจะต้องไม่มีการละเมิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยว่าด้วยเรื่องการรับน้องที่รุ่นพี่จะต้องไม่บังคับรุ่นน้องในการทำกิจกรรมทุกอย่างต้องให้เป็นไปด้วยความสมัครใจของรุ่นน้อง ไม่มีเรื่องของแอล กฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง และห้ามรับน้องนอกสถานที่เด็ดขาด แต่ถ้าใครละเมิดก็จะมีระเบียบของมหาวิทยาลัยในการลงโทษไว้ตามความรุนแรง โทษสูงสุดก็ให้ออกจากการเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัย

ขณะที่ศ.(พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ในเรื่องการรับน้องขณะนี้มหาวิทยาลัยเป็นผู้ดูแล ซึ่งเมื่อมีการกล่าวอ้างว่าสาเหตุการตายของเด็กเพราะเครียดจากการรับน้อง มหาวิทยาลัยก็จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่คนที่จะฆ่าตัวตาย น่าจะมีสาเหตุหรือปมเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอกับเรื่องนี้ก็สะสมจนก่อเหตุ และไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตายเพราะรับน้อง เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ในอดีตการรับน้องรุนแรงกว่าสมัยนี้เยอะ ก็ได้ยินแค่รบเร้าพ่อแม่ว่าจะลาออกแต่ไม่ถึงฆ่าตัวตาย
กำลังโหลดความคิดเห็น