ไฟแนนเชียล ไทมส์ – บรรดาบริษัทต่างชาติออกมาเตือนว่า พวกเขาอาจถูกบังคับให้ถอนธุรกิจออกจากญี่ปุ่น หากการปรับเปลี่ยนกฎหมายพาณิชย์ของประเทศได้รับการอนุมัติ เนื่องจากจะทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นหลายล้านยูโร
ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัท “กึ่งต่างชาติ” ที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นแต่จดทะเบียนในต่างประเทศ จะกลายเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย โดยบริษัทเหล่านี้ต้องกลับมาจดทะเบียนในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องการเก็บภาษีและเงินบำนาญ
ทั้งนี้วาณิชธนกิจหลักของสหรัฐฯและยุโรปเกือบทุกแห่งในญี่ปุ่น บริษัทกฎหมายชั้นนำของโลกหลายแห่ง และบริษัทต่างๆอีกนับร้อยบริษัท อาจได้รับผลกระทบจากกฎดังกล่าว
ด้านกลุ่มภาคธุรกิจยุโรป (อีบีซี) และหอการค้าอเมริกันในญี่ปุ่นได้เข้าหารือกับกระทรวงยุติธรรมแดนปลาดิบเพื่อเรียกร้องให้มีการป้องกันการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า อาจส่งผลให้มีการร้องเรียนอย่างเป็นทางการไปยังองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)
อีบีซีกล่าวว่า ต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงสำหรับบริษัททั่วไปอยู่ที่ “ราว 10 ถึงหลายร้อยล้านยูโร” พร้อมเสริมว่า หลายบริษัท “ระบุไว้ว่าอาจต้องถอนตัวออกจากญี่ปุ่น หากเผชิญกับผลทางการเงินที่ตามมา”
กลุ่มธุรกิจยุโรประบุอีกว่า “การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนจะช่วยให้ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงจากภาวะที่นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ทางการญี่ปุ่นกำลังส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ นอกจากนี้ยังช่วยให้ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงความอับอายจากการเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทของดับเบิลยูทีโอ”
อนึ่ง ข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขณะที่เมื่อวันอังคาร (7) มีการประชุมของคณะกรรมการสภาสูง กระนั้นก็ดี เป็นที่เข้าใจกันว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มุ่งทำร้ายบริษัทต่างชาติ แต่เป็นสร้างความชัดเจนให้กับกฎหมายที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ เนื่องจากบริษัทที่ให้บริการการเงินจากต่างชาติหลายราย ก่อตั้งบริษัทกึ่งต่างชาติในญี่ปุ่นขึ้น ด้วยการรับรู้โดยนัยของกระทรวงการคลังและสำนักงานบริการการเงิน ซึ่งเป็นผู้คุมกฎของอุตสาหกรรม
ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัท “กึ่งต่างชาติ” ที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นแต่จดทะเบียนในต่างประเทศ จะกลายเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย โดยบริษัทเหล่านี้ต้องกลับมาจดทะเบียนในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องการเก็บภาษีและเงินบำนาญ
ทั้งนี้วาณิชธนกิจหลักของสหรัฐฯและยุโรปเกือบทุกแห่งในญี่ปุ่น บริษัทกฎหมายชั้นนำของโลกหลายแห่ง และบริษัทต่างๆอีกนับร้อยบริษัท อาจได้รับผลกระทบจากกฎดังกล่าว
ด้านกลุ่มภาคธุรกิจยุโรป (อีบีซี) และหอการค้าอเมริกันในญี่ปุ่นได้เข้าหารือกับกระทรวงยุติธรรมแดนปลาดิบเพื่อเรียกร้องให้มีการป้องกันการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า อาจส่งผลให้มีการร้องเรียนอย่างเป็นทางการไปยังองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ)
อีบีซีกล่าวว่า ต้นทุนของการเปลี่ยนแปลงสำหรับบริษัททั่วไปอยู่ที่ “ราว 10 ถึงหลายร้อยล้านยูโร” พร้อมเสริมว่า หลายบริษัท “ระบุไว้ว่าอาจต้องถอนตัวออกจากญี่ปุ่น หากเผชิญกับผลทางการเงินที่ตามมา”
กลุ่มธุรกิจยุโรประบุอีกว่า “การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนจะช่วยให้ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงจากภาวะที่นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ทางการญี่ปุ่นกำลังส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ นอกจากนี้ยังช่วยให้ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงความอับอายจากการเข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทของดับเบิลยูทีโอ”
อนึ่ง ข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขณะที่เมื่อวันอังคาร (7) มีการประชุมของคณะกรรมการสภาสูง กระนั้นก็ดี เป็นที่เข้าใจกันว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มุ่งทำร้ายบริษัทต่างชาติ แต่เป็นสร้างความชัดเจนให้กับกฎหมายที่มีอยู่
อย่างไรก็ตาม อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ เนื่องจากบริษัทที่ให้บริการการเงินจากต่างชาติหลายราย ก่อตั้งบริษัทกึ่งต่างชาติในญี่ปุ่นขึ้น ด้วยการรับรู้โดยนัยของกระทรวงการคลังและสำนักงานบริการการเงิน ซึ่งเป็นผู้คุมกฎของอุตสาหกรรม