xs
xsm
sm
md
lg

เรือท่องเที่ยวภูเก็ตจอดแล้วกว่า30ลำ นักท่องเที่ยวหายกว่า90%-น้ำมันแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวภูเก็ตเดือดร้อนอย่างหนัก หลังสึนามิ นักท่องเที่ยวหายไปกว่า 90% แถมน้ำมันราคาแพง ส่งผลเรือท่องเที่ยวจอดลอยลำกว่า 30 ลำ

นายธนันฑ์ ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีทรานทราเวล จำกัด บริษัทเรือนำเที่ยวรายใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ให้บริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวจากจังหวัดภูเก็ตไปยังเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิพัดเข้าถล่มพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงขณะนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตน้อยมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยว ที่ต้องการเดินทางไปยังเกาะพีพี ลดลงกว่า 90% เนื่องจากไม่มั่นใจว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ทำให้บริษัทเรือนำเที่ยวที่มีอยู่ประมาณ 4-5 บริษัท ต้องร่วมมือกันโดยการแบ่งนักท่องเที่ยวกระจายไปยังเรือให้ครบทุกบริษัท เพื่อให้แต่ละบริษัทมีรายได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยมีเรือนำเที่ยวนำนักท่องเที่ยวจากท่าเทียบเรือรัษฎา จังหวัดภูเก็ตไปยังเกาะพีพีต่อวันประมาณ 7-8 เที่ยว แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 1 เที่ยวต่อวัน และมีนักท่องเที่ยวประมาณ 100 คนเท่านั้น

ประกอบกับรัฐบาลประกาศขึ้นราคาและปล่อยลอยตัวน้ำมันดีเซลถึง 2 ครั้ง ภายในช่วงเวลา 2 เดือน ทำให้ผู้ประกอบการตกอยู่ในภาวะวิกฤตขาดทุนอย่างหนัก เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วราคาน้ำมันยังแพงอีก ส่งผลให้ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องหยุดให้บริการนำเรือเข้ามาจอดเทียบท่าแล้วประมาณ 30 ลำ ทำให้ท่าเทียบเรือรัษฎามีที่จอดเรือไม่เพียงพอ ต้องกระจายไปจอดที่ท่าเทียบเรือไทยซาร์โก้อีกส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กำลังรอดูท่าทีของรัฐบาล ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่ต้องการให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดหย่อนค่าน้ำมัน ให้กับผู้ประกอบการทุกประเภทในพื้นที่ประสบภัยเป็นกรณีพิเศษด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะทุกวันนี้ผู้ประกอบการทุกประเภทเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพราะรายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ต้องมีการหารือร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่จะไม่ประท้วงอย่างแน่นอนเพราะภาพลักษณ์ของจังหวัดเป็นเรื่องสำคัญ เพียงต้องการความเห็นใจจากรัฐบาลเท่านั้น แต่หากยังไม่มีความชัดเจนก็จะทำหนังสือให้รัฐบาลทราบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น