บิสเนสวีค – เมื่อแรกเริ่มนั้นโทรศัพท์มือถือเป็นเพียงอุปกรณ์ที่พกพาง่ายและใช้สะดวกแต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ต่อมาผู้ผลิตได้เสริมฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูป การรับส่งอีเมล์ เพลง และแม้แต่ทีวีลงในโทรศัพท์ ทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน เอ็นทีที โดโคโม ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแดนซามูไร ต้องการนำโทรศัพท์มือถือเจาะเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนให้โทรศัพท์กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาโดโคโมได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้เป็นบัตรเดบิตได้ โดยผู้ใช้สามารถใช้โทรศัพท์ซื้อของเล็กๆน้อยๆ อย่างน้ำอัดลมหรือกาแฟจากตู้ขายอัตโนมัติ และสินค้าในร้านสะดวกซื้อ มาในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เหล่านี้กลายเป็นบัตรเครดิตเต็มรูปแบบ
ดังนั้นเพื่อให้มือถือสามารถใช้เป็นช่องทางใหม่ในการจ่ายเงินซื้อสินค้า โดโคโมจึงดำเนินการซื้อหุ้น 34% ในธุรกิจบัตรเครดิตจากซูมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น เป็นเงิน 935 ล้านดอลลาร์ พร้อมกันนั้นโดโคโมยังได้เจรจาขอความร่วมมือจากเจซีบี อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการบัตรเครดิตอันดับ 1 ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดแต่อย่างใด
มาซาโอะ นากามุระ ประธานบริหารโดโคโมกล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นภาคธุรกิจใหม่สำหรับโดโคโม และเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของบริษัทในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่ไม่ได้พึ่งพิงแต่การใช้ประโยชน์ด้านสื่อสาร” พร้อมเสริมว่า “การเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิตจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท”
ทั้งนี้โดโคโมจำเป็นต้องมีจุดหักเหที่สำคัญในธุรกิจ เนื่องจากโดโคโมกำลังพยายามรักษาการเติบโตของบริษัทให้คงอยู่ โดยในปีที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม บริษัทมีผลกำไรจากการปฏิบัติการ 7,300 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 29% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นการลดลงครั้งแรกของรายได้นับแต่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1998
ขณะเดียวกัน ยอดขายก็ตกลงราว 4% อยู่ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงถึง 15% ในปีก่อน และลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อนึ่ง ในทางเทคนิคแล้ว การเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นบัตรเครดิตนั้น ไม่ได้เป็นปัญหามากนักสำหรับวิศวกรของโดโคโม กล่าวคือ นับจากเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดโคโมขายโทรศัพท์ที่มีชิปเฟลิก้าติดตั้งอยู่ได้ราว 3 ล้านเครื่อง โดยชิปดังกล่าวจะส่งสัญญาณออกมาเมื่อนำโทรศัพท์ไปวางใกล้กับเซ็นเซอร์ที่เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณ
เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาร่วมกับโซนี่และเป็นเทคโนโลยีไฮเอนด์ที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ของโดโคโม ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มจากตู้ขายอัตโนมัติและสินค้าในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงเป็นบัตรผ่านเข้าสโมสรและโรงหนัง
นอกจากนี้ ในเดือนมกราคมปีหน้า ผู้ใช้ยังสามารถใช้มือถือชิปเฟลิก้าเป็นตั๋วขึ้นรถไฟของบริษัทอีสต์ เจแปน เรลเวย์ได้อีกด้วย
ดังนั้นการเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นบัตรเครดิตจึงเป็นการขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากปัจจุบัน มือถือเฟลิก้าชิปสามารถใช้เป็นบัตรเดบิต โดยผู้ใช้สามารถซื้อวงเงินสูงสุดถึง 500 ดอลลาร์ผ่านอินเทอร์เน็ตและตามร้านสะดวกซื้อ
เมื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซื้อของก็จะถูกหักจากวงเงินดังกล่าว แต่โดยปกติจะสามารถจ่ายเงินซื้อของได้ครั้งละไม่กี่ดอลลาร์เท่านั้น ทว่าหากโทรศัพท์มือถือสามารถให้บริการเป็นบัตรเครดิตด้วย ก็จะสามารถใช้ซื้อของในจำนวนเงินที่มากกว่านี้ได้
นอกจากนี้โดโคโมซึ่งมีหุ้นในซูมิโตโม จะได้รับค่าธรรมเนียมการซื้อขายในสัดส่วนที่มากขึ้น รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยของลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดบัตรเครดิตญี่ปุ่นยังมีช่องทางสำหรับการเติบโตอีกมาก กล่าวคือ มีการใช้บัตรเครดิตในญี่ปุ่นเพียง 8% เมื่อเทียบกับกว่า 20% ในสหรัฐฯ
ด้านความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัย โดโคโมเผยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากทุกครั้งที่ลูกค้าใช้โทรศัพท์มือถือซื้อของ ทางบริษัทจะส่งอีเมล์ยืนยันการซื้อขายไปให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งน่าจะช่วยตรวจสอบการโกงได้เร็วกว่าบัตรพลาสติกแบบเดิม และในกรณีที่โทรศัพท์สูญหาย โดโคโมสามารถปิดระบบได้จากระยะไกล
ทั้งนี้โดโคโมคาดว่า จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เฟลิก้าชิปขึ้น 3 เท่าเป็น 10 ล้านคนได้ในเดือนมีนาคมปีหน้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้การก้าวเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิตของโดโคโมเป็นเพียงย่างก้าวแรก แต่โดโคโมอาจเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ด้วยการให้บริการด้านการเงินที่ให้ผลกำไรมากขึ้นในรูปแบบอื่นๆอีก อาทิ การให้สินเชื่อรายย่อย โดยผู้ใช้โทรศัพท์สามารถยื่นขอกู้เงินผ่านทางโทรศัพท์ และเงินกู้ก้อนดังกล่าวก็จะไปรวมอยู่ในบัญชีแจ้งหนี้โทรศัพท์
ปัจจุบัน เอ็นทีที โดโคโม ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแดนซามูไร ต้องการนำโทรศัพท์มือถือเจาะเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้มากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนให้โทรศัพท์กลายเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์
หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาโดโคโมได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้เป็นบัตรเดบิตได้ โดยผู้ใช้สามารถใช้โทรศัพท์ซื้อของเล็กๆน้อยๆ อย่างน้ำอัดลมหรือกาแฟจากตู้ขายอัตโนมัติ และสินค้าในร้านสะดวกซื้อ มาในปีนี้บริษัทวางแผนที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์เหล่านี้กลายเป็นบัตรเครดิตเต็มรูปแบบ
ดังนั้นเพื่อให้มือถือสามารถใช้เป็นช่องทางใหม่ในการจ่ายเงินซื้อสินค้า โดโคโมจึงดำเนินการซื้อหุ้น 34% ในธุรกิจบัตรเครดิตจากซูมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น เป็นเงิน 935 ล้านดอลลาร์ พร้อมกันนั้นโดโคโมยังได้เจรจาขอความร่วมมือจากเจซีบี อินเตอร์เนชันแนล ผู้ให้บริการบัตรเครดิตอันดับ 1 ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดแต่อย่างใด
มาซาโอะ นากามุระ ประธานบริหารโดโคโมกล่าวว่า “ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นภาคธุรกิจใหม่สำหรับโดโคโม และเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของบริษัทในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจที่ไม่ได้พึ่งพิงแต่การใช้ประโยชน์ด้านสื่อสาร” พร้อมเสริมว่า “การเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิตจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท”
ทั้งนี้โดโคโมจำเป็นต้องมีจุดหักเหที่สำคัญในธุรกิจ เนื่องจากโดโคโมกำลังพยายามรักษาการเติบโตของบริษัทให้คงอยู่ โดยในปีที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม บริษัทมีผลกำไรจากการปฏิบัติการ 7,300 ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 29% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นการลดลงครั้งแรกของรายได้นับแต่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1998
ขณะเดียวกัน ยอดขายก็ตกลงราว 4% อยู่ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนราคาหุ้นของบริษัทดิ่งลงถึง 15% ในปีก่อน และลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อนึ่ง ในทางเทคนิคแล้ว การเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นบัตรเครดิตนั้น ไม่ได้เป็นปัญหามากนักสำหรับวิศวกรของโดโคโม กล่าวคือ นับจากเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดโคโมขายโทรศัพท์ที่มีชิปเฟลิก้าติดตั้งอยู่ได้ราว 3 ล้านเครื่อง โดยชิปดังกล่าวจะส่งสัญญาณออกมาเมื่อนำโทรศัพท์ไปวางใกล้กับเซ็นเซอร์ที่เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณ
เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพัฒนาร่วมกับโซนี่และเป็นเทคโนโลยีไฮเอนด์ที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่ของโดโคโม ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินซื้อเครื่องดื่มจากตู้ขายอัตโนมัติและสินค้าในร้านสะดวกซื้อ รวมถึงเป็นบัตรผ่านเข้าสโมสรและโรงหนัง
นอกจากนี้ ในเดือนมกราคมปีหน้า ผู้ใช้ยังสามารถใช้มือถือชิปเฟลิก้าเป็นตั๋วขึ้นรถไฟของบริษัทอีสต์ เจแปน เรลเวย์ได้อีกด้วย
ดังนั้นการเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นบัตรเครดิตจึงเป็นการขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์จากโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากปัจจุบัน มือถือเฟลิก้าชิปสามารถใช้เป็นบัตรเดบิต โดยผู้ใช้สามารถซื้อวงเงินสูงสุดถึง 500 ดอลลาร์ผ่านอินเทอร์เน็ตและตามร้านสะดวกซื้อ
เมื่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซื้อของก็จะถูกหักจากวงเงินดังกล่าว แต่โดยปกติจะสามารถจ่ายเงินซื้อของได้ครั้งละไม่กี่ดอลลาร์เท่านั้น ทว่าหากโทรศัพท์มือถือสามารถให้บริการเป็นบัตรเครดิตด้วย ก็จะสามารถใช้ซื้อของในจำนวนเงินที่มากกว่านี้ได้
นอกจากนี้โดโคโมซึ่งมีหุ้นในซูมิโตโม จะได้รับค่าธรรมเนียมการซื้อขายในสัดส่วนที่มากขึ้น รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยของลูกค้า ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดบัตรเครดิตญี่ปุ่นยังมีช่องทางสำหรับการเติบโตอีกมาก กล่าวคือ มีการใช้บัตรเครดิตในญี่ปุ่นเพียง 8% เมื่อเทียบกับกว่า 20% ในสหรัฐฯ
ด้านความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัย โดโคโมเผยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เนื่องจากทุกครั้งที่ลูกค้าใช้โทรศัพท์มือถือซื้อของ ทางบริษัทจะส่งอีเมล์ยืนยันการซื้อขายไปให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งน่าจะช่วยตรวจสอบการโกงได้เร็วกว่าบัตรพลาสติกแบบเดิม และในกรณีที่โทรศัพท์สูญหาย โดโคโมสามารถปิดระบบได้จากระยะไกล
ทั้งนี้โดโคโมคาดว่า จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เฟลิก้าชิปขึ้น 3 เท่าเป็น 10 ล้านคนได้ในเดือนมีนาคมปีหน้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้การก้าวเข้าสู่ธุรกิจบัตรเครดิตของโดโคโมเป็นเพียงย่างก้าวแรก แต่โดโคโมอาจเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ด้วยการให้บริการด้านการเงินที่ให้ผลกำไรมากขึ้นในรูปแบบอื่นๆอีก อาทิ การให้สินเชื่อรายย่อย โดยผู้ใช้โทรศัพท์สามารถยื่นขอกู้เงินผ่านทางโทรศัพท์ และเงินกู้ก้อนดังกล่าวก็จะไปรวมอยู่ในบัญชีแจ้งหนี้โทรศัพท์