รอยเตอร์ – ฮิลตันหมายตาจังหวะธุรกิจการโรงแรมบูม ฟื้นความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ ควบคู่ไปกับการสานต่อแนวทางลดบทบาทการเป็นเจ้าของลง
“20 ปีที่แล้ว แบรนด์ฮิลตันโดดเด่นอยู่เพียงผู้เดียว แต่วันนี้คนพูดถึงมาร์ริออตต์ หรือสตาร์วูดมากขึ้น” อดัม เบอร์กี กรรมการผู้จัดการโครงการสะสมแต้มของเครือโรงแรมฮิลตันกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้
ฮิลตันเผยว่าสามารถต้านทานภาวะตลาดซบหลังวินาศกรรม 9/11 มาได้ เพราะคนอเมริกันต้องการพักผ่อนหย่อนใจใกล้บ้านมากขึ้น และขณะนี้ การเดินทางของนักธุรกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้ฮิลตันไม่ต้องพึ่งลูกค้าประเภทครอบครัวที่นิยมบริการราคาถูกเหมือนที่ผ่านมา
ฮิลตัน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยคอนราด ฮิลตัน ปัจจุบันบริหารเชนโรงแรม อาทิ แฮมป์ตัน อินน์ และโฮมวูด สวีทส์ รวมถึงฮิลตัน
ทอม เคลท์เนอร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ยอมรับว่า ช่วงไม่กี่ปีมานี้ แบรนด์ฮิลตันคลายความขลังลง กระนั้น บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
“เมื่อใดก็ตามที่คนลงหมุดกางเต็นท์ไม่ว่าในสถานที่ใด พวกเขามักจะเรียกว่า แบกแดด ฮิลตัน เราต้องการฟื้นสถานะความเป็นผู้นำกลับมาใหม่” เจฟฟรีย์ ดิสกิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายบริหารแบรนด์ เสริม
ช่วงที่ผ่านมา ฮิลตันลุยปรับปรุงห้องพักของโรงแรมในเครือทั้งหมดให้ได้มาตรฐานระดับ 4 ดาว ครอบคลุมเครื่องสุขภัณฑ์ ทีวี เตียงใหม่ และระบบเทคโนโลยี อีกทั้งยังจ้างทีมดีไซเนอร์ที่ออกแบบรถบีเอ็มดับเบิลยู มาเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องพัก
เคลท์เนอร์บอกว่า ทัศนคติในการให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของโรงแรมขณะนี้เปลี่ยนไปแล้ว เหตุผลหนึ่งก็คือ บริษัทลดความสำคัญของการเป็นเจ้าของ และแทนที่ด้วยสัญญาการบริหาร หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ฮิลตันผ่องถ่ายตัวเองจากบริษัทการโรงแรม เป็นบริษัทบริหารแบรนด์โรงแรม
จากโรงแรมในเครือฮิลตันทั้งหมด 230 แห่ง บริษัทเป็นเจ้าของ 50 แห่ง และบริหารอีก 40 แห่ง ส่วนที่เหลือดำเนินการในลักษณะแฟรนไชส์ และจากอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 2,200 แห่ง ฮิลตันเป็นเจ้าของ 50 แห่ง
แมทธิว ฮาร์ต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เผยว่า บริษัทมีแผนขายกิจการเพิ่มเติม เพื่ออาศัยจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังบูม หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทประกาศขายโรงแรมโฮมวูด สวีท 2 แห่ง เป็นเงิน 17,200 ล้านดอลลาร์ โดยที่จะยังคงสิทธิ์ในการบริหารไว้ ขณะเดียวกัน ฮิลตันได้ทำข้อตกลงซื้อปาล์มเมอร์ เฮาส์ และอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในชิคาโก้
ฮาร์ตมองว่า อุตสาหกรรมการโรงแรมโดยรวมขณะนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยประเมินว่า ดีมานด์ที่มีต่อบริการห้องพักเต็มรูปแบบในปีนี้จะขยายตัว 3% ขณะที่ซัปพลายขยายตัวในอัตรา 1.25%
อย่างไรก็ดี เขาออกตัวว่าการประเมินดังกล่าวอาจดีเกินไป เนื่องจากโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดกลาง ขณะที่ห้องพักที่ให้บริการเต็มรูปแบบมีจำนวนลดลง เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจแปลงสภาพโรงแรมเป็นคอนโดมิเนียม
ฮาร์ตยังบอกอีกว่า จังหวะที่เหมาะสมในการสร้างโรงแรมแห่งใหม่คืออีก 6-7 ปี โดยขณะนี้ต้นทุนการก่อสร้างถือว่าแพงเกินไปหากเทียบกับราคาห้องพัก
ฮิลตันยังเตรียมเสนอแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ โดยระบุว่า เป้าหมายต่อไปของบริษัทคือ ผูกโยงแบรนด์ทั้งหมดให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสายตาลูกค้า
อย่างไรก็ตาม เคลท์เนอร์ยืนยันว่า ความพยายามในการทำโปรโมชั่นจะไม่เกี่ยวข้องกับปารีส ฮิลตัน เหลนของคอนราด แต่ก็ยอมรับว่า ไฮโซสาวที่ชื่อกำลังร้อนฉ่าในแวดวงฮอลลีวูดขณะนี้ ช่วยสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ฮิลตันมาก
“20 ปีที่แล้ว แบรนด์ฮิลตันโดดเด่นอยู่เพียงผู้เดียว แต่วันนี้คนพูดถึงมาร์ริออตต์ หรือสตาร์วูดมากขึ้น” อดัม เบอร์กี กรรมการผู้จัดการโครงการสะสมแต้มของเครือโรงแรมฮิลตันกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้
ฮิลตันเผยว่าสามารถต้านทานภาวะตลาดซบหลังวินาศกรรม 9/11 มาได้ เพราะคนอเมริกันต้องการพักผ่อนหย่อนใจใกล้บ้านมากขึ้น และขณะนี้ การเดินทางของนักธุรกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้ฮิลตันไม่ต้องพึ่งลูกค้าประเภทครอบครัวที่นิยมบริการราคาถูกเหมือนที่ผ่านมา
ฮิลตัน ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยคอนราด ฮิลตัน ปัจจุบันบริหารเชนโรงแรม อาทิ แฮมป์ตัน อินน์ และโฮมวูด สวีทส์ รวมถึงฮิลตัน
ทอม เคลท์เนอร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ยอมรับว่า ช่วงไม่กี่ปีมานี้ แบรนด์ฮิลตันคลายความขลังลง กระนั้น บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
“เมื่อใดก็ตามที่คนลงหมุดกางเต็นท์ไม่ว่าในสถานที่ใด พวกเขามักจะเรียกว่า แบกแดด ฮิลตัน เราต้องการฟื้นสถานะความเป็นผู้นำกลับมาใหม่” เจฟฟรีย์ ดิสกิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายบริหารแบรนด์ เสริม
ช่วงที่ผ่านมา ฮิลตันลุยปรับปรุงห้องพักของโรงแรมในเครือทั้งหมดให้ได้มาตรฐานระดับ 4 ดาว ครอบคลุมเครื่องสุขภัณฑ์ ทีวี เตียงใหม่ และระบบเทคโนโลยี อีกทั้งยังจ้างทีมดีไซเนอร์ที่ออกแบบรถบีเอ็มดับเบิลยู มาเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องพัก
เคลท์เนอร์บอกว่า ทัศนคติในการให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของโรงแรมขณะนี้เปลี่ยนไปแล้ว เหตุผลหนึ่งก็คือ บริษัทลดความสำคัญของการเป็นเจ้าของ และแทนที่ด้วยสัญญาการบริหาร หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ฮิลตันผ่องถ่ายตัวเองจากบริษัทการโรงแรม เป็นบริษัทบริหารแบรนด์โรงแรม
จากโรงแรมในเครือฮิลตันทั้งหมด 230 แห่ง บริษัทเป็นเจ้าของ 50 แห่ง และบริหารอีก 40 แห่ง ส่วนที่เหลือดำเนินการในลักษณะแฟรนไชส์ และจากอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด 2,200 แห่ง ฮิลตันเป็นเจ้าของ 50 แห่ง
แมทธิว ฮาร์ต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เผยว่า บริษัทมีแผนขายกิจการเพิ่มเติม เพื่ออาศัยจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังบูม หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทประกาศขายโรงแรมโฮมวูด สวีท 2 แห่ง เป็นเงิน 17,200 ล้านดอลลาร์ โดยที่จะยังคงสิทธิ์ในการบริหารไว้ ขณะเดียวกัน ฮิลตันได้ทำข้อตกลงซื้อปาล์มเมอร์ เฮาส์ และอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในชิคาโก้
ฮาร์ตมองว่า อุตสาหกรรมการโรงแรมโดยรวมขณะนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยประเมินว่า ดีมานด์ที่มีต่อบริการห้องพักเต็มรูปแบบในปีนี้จะขยายตัว 3% ขณะที่ซัปพลายขยายตัวในอัตรา 1.25%
อย่างไรก็ดี เขาออกตัวว่าการประเมินดังกล่าวอาจดีเกินไป เนื่องจากโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดกลาง ขณะที่ห้องพักที่ให้บริการเต็มรูปแบบมีจำนวนลดลง เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจแปลงสภาพโรงแรมเป็นคอนโดมิเนียม
ฮาร์ตยังบอกอีกว่า จังหวะที่เหมาะสมในการสร้างโรงแรมแห่งใหม่คืออีก 6-7 ปี โดยขณะนี้ต้นทุนการก่อสร้างถือว่าแพงเกินไปหากเทียบกับราคาห้องพัก
ฮิลตันยังเตรียมเสนอแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ โดยระบุว่า เป้าหมายต่อไปของบริษัทคือ ผูกโยงแบรนด์ทั้งหมดให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสายตาลูกค้า
อย่างไรก็ตาม เคลท์เนอร์ยืนยันว่า ความพยายามในการทำโปรโมชั่นจะไม่เกี่ยวข้องกับปารีส ฮิลตัน เหลนของคอนราด แต่ก็ยอมรับว่า ไฮโซสาวที่ชื่อกำลังร้อนฉ่าในแวดวงฮอลลีวูดขณะนี้ ช่วยสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ฮิลตันมาก