xs
xsm
sm
md
lg

วิสาขบูชาปีนี้ เหตุไฉน – จันทร์ไม่เต็มดวง ?

เผยแพร่:   โดย: คำนูณ สิทธิสมาน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเล่าให้ฟัง ณ ที่นี้ว่าพล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ อดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขผู้ซึ่งปัจจุบันทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทในฐานะผู้อำนวยการโครงการพระดาบส ส่ง e-mail มาถึงผมว่าให้สังเกตดูพระจันทร์ในคืนวันวิสาขบูชาให้ดี ๆ ดูซิว่าพระจันทร์จะ “เต็มดวง” หรือไม่

ท่านยืนยันว่าพระจันทร์ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2548 ก็จะ “ไม่เต็มดวง” แน่นอน

หลายคนอาจจะคิดจะเชื่อว่าเป็นเหตุ “อาเพศ” เพราะเหตุบางประการ

แต่เหตุที่พระจันทร์ “ไม่เต็มดวง” ในคืนวันนั้น หากสาวลงไปลึก ๆ จากการศึกษาของพล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์มีที่มาเบื้องต้นที่ชัดเจน อธิบายได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่อธิบายไม่ได้เลย

ท่านบอกว่าเป็นเพราะ “ปฏิทินทางจันทรคติปี 2548” ทำไว้ผิดพลาด

วันที่ 22 พฤษภาคม 2548 จึงไม่ใช่วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ที่แท้จริง อาจจะเป็นเพียงวันขึ้น 12 – 13 ค่ำเดือน 6 เท่านั้น

เรื่องนี้มีผู้สนใจสอบถามเข้ามามาก – ผมจึงขออนุญาตนำการอรรถาธิบายจากพล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์มาขยายความในวันนี้เสียเลย

เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยประการใด – โปรดพิจารณา

ท่านเห็นว่าปฏิทินปี 2548 ระบุวันสำคัญทางจันทรคติทั่วไปผิดปกติ โดยเปรียบเทียบกับปฏิทินดาราศาสตร์ ดังนี้

.....................

ปฏิทินที่แจกจ่ายทั่วไป

วันมาฆบูชา = 23 กุมภาพันธ์
วันวิสาขบูชา = 22 พฤษภาคม
วันอาสฬหบูชา = 21 กรกฎาคม
.......................

ปฏิทินดาราศาสตร์
วันมาฆบูชา = 24 กุมภาพันธ์
วันวิสาขบูชา = 24 พฤษภาคม
วันอาสฬหบูชา = 21 กรกฎาคม
........................

น่าแปลกตรงที่วันวิสาขบูชาตามปฏิทินที่แจกจ่ายทั่วไปมีความแตกต่างกับปฏิทินดาราศาสตร์ถึง 2 วัน แต่วันอาสาฬหบูชากลับมาตรงกันได้

ทั้ง ๆ ที่จำนวนวันในเดือนจันทรคติถือว่าเดือนคู่ (เดือนยี่ เดือนสี่ เดือนหก เดือนแปด เดือนสิบ เดือนสิบสอง) มี 30 วัน เป็นวันข้างขึ้น 15 วัน วันข้างแรม 15 วัน และเดือนคี่ (เดือนอ้าย เดือนสาม เดือนห้า เดือนเจ็ด เดือนเก้า เดือนสิบเอ็ด) มี 29 วัน เป็นวันข้างขึ้น 15 วัน วันข้างแรม 14 วัน ยกเว้นบางปีที่ผลการคำนวณอัตตาเถลิงศกตามคัมภีร์สุริยาตร์มี “อธิกวาร” จึงจะให้เพิ่มจำนวนวันในเดือนเจ็ดซึ่งเป็นเดือนคี่จาก 29 วันเป็น 30 วัน

ซึ่งเมื่อท่านได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าในปฏิทินที่แจกจ่ายทั่วไปได้เพิ่มจำนวนวันในเดือนเจ็ดจาก 29 วันเป็น 30 วัน กล่าวคือ เดือนนี้จะมีวันแรม 15 ค่ำ ทั้งที่ผลการคำนวณอัตตาเถลิงศกของวันเดือนปีจันทรคติของจุลศักราชใหม่คือ จุลศักราช 1367 ปรากฏว่า ปีนี้มีปกติวาร (เดือนเจ็ดมี 29 วัน) ปกติมาส (ปีนี้มีเดือนแปดเดือนเดียว ถ้าเป็นอธิกมาส ปีนั้นจะมีเดือนแปดสองเดือน) และปกติสุรทิน

ปีนี้ เดือนกุมภาพันธ์มี 28 วัน ถ้าเป็นอธิกสุรทิน ปีนั้นเดือนกุมภาพันธ์จะมี 29 วัน

ถึงแม้ว่าเจตนาในการเพิ่มปรับให้จำนวนวันในเดือนเจ็ดจาก 29 วันมาเป็น 30 วันนั้นเพื่อปรับให้วันอาสฬหบูชาตรงกับวันเพ็ญบูรณมีเดือนแปด มิฉะนั้นจะทำให้วันเข้าพรรษาซึ่งเป็นวันถัดไป (วันแรม 1 ค่ำเดือนแปด) ซึ่งพระภิกษุสงฆ์จะต้องเข้าจำพรรษาตามพุทธบัญญัติผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปก็ตาม

แต่เป็นการแก้ไขปัญหาโดยมิได้ยึดหลักวิชาการที่โบราณจารย์ได้วางไว้

ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของปฏิทินประจำปีได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เนื่องจากผู้ที่เป็นต้นแบบในการจัดทำปฏิทินนี้ได้ใช้ข้อมูลที่ได้คำนวณล่วงหน้าโดยผู้จัดทำปฏิทินโหราศาสตร์เล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในวงการโหราศาสตร์เมืองไทยปัจจุบัน (ไม่ใช่ปฏิทินโหราศาสตร์ที่ท่านได้จัดทำขึ้น) เนื่องจากผู้ที่ใช้ไม่ทราบข้อเท็จจริง

ท่านได้ตรวจสอบย้อนหลังแล้วพบว่า ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของปฏิทินปี 2548 เป็นผลสืบเนื่องมาจากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของปฏิทินปี 2547 และปีก่อนหน้านั้น

จึงปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า พระจันทร์ในวันวิสาขบูชามิได้เต็มดวง หรือเป็นวันเพ็ญบูรณมี เนื่องจากปฏิทินเล่มนี้แตกต่างจากปฏิทินดาราศาสตร์ถึง 2 วัน และในวันอาสฬหบูชาก็ไม่ตรงกับวันเพ็ญบูรณมี ขึ้น 15 ค่ำเดือนแปดเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อปี 2547 พระภิกษุสงฆ์จึงเข้าจำพรรษาก่อนพุทธบัญญัติ 1 วัน

เรื่องวันเข้าพรรษานี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบรรยายไว้ในตำราอธิกมาสอธิกวาร และปักษคณนาว่า

“ถ้าพระจันทร์เพ็ญไม่ถึงฤกษ์อาษาฒ (อาสฬหะฤกษ์) แล้ว ถึงพระเจ้าแผ่นดินจะมาบังคับให้พระสงฆ์เข้าพรรษาแต่เดือน 6 ก็ดี เดือน 7 ก็ดี ก็ไม่เป็นเข้าพรรษาได้……

“ถ้าจะทำตามศาสนาแล้วก็ต้องถือศาสนาอย่างเดียว พระจันทร์ที่เพ็ญและดับนั้นเป็นผู้ชี้ วันพระแก่คนทั้งปวง ก็การจะสังเกตว่า พระจันทร์เพ็ญเมื่อไร ดับเมื่อไร พระจันทร์เพ็ญนั้นสังเกตง่ายคือ วันไร เห็นพระจันทร์ดวงกลมแท้ ไม่ร่อยหน้าร่อยหลังนั้นเป็นวันเพ็ญ……”

เหตุที่ท่านยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดถึง ก็เพื่อเตือนสติผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำปฏิทินประจำปีทั้งปฏิทินหลวงและปฏิทินที่แจกจ่ายทั่วไป

ให้ได้พึงสังวรณ์ในกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นจอมปราชญ์ในวิชาการโหราศาสตร์เมืองไทย และสมควรจะดำเนินตามรอยพระยุคลบาทอย่างไร

การปฏิบัติหน้าที่หนึ่งใดย่อมมีความผิดพลาดได้เป็นธรรมดา และเมื่อผู้กระทำได้รับรู้สำนึกในความผิดพลาดนั้นแล้วรีบหาทางแก้ไข ก็เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนา

แต่ถ้ายังคงดื้อรั้น มีมิจฉาทิฐิปล่อยปละละเลยให้เกิดความผิดพลาดสะสมเรื้อรังกันต่อไป ก็จะนำไปสู่ความเสื่อมทรามให้แก่วิชาการโหราศาสตร์เมืองไทย ซึ่งถือว่าเป็นมรดกชิ้นหนึ่งซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานไว้ให้อย่างแน่นอน

เรื่องก็มีอยู่เท่านี้แหละ !
กำลังโหลดความคิดเห็น