ปีหนึ่งๆ วชิราวุธวิทยาลัยรับนักเรียนใหม่ 80-100 คน ปี 2548 นี้พิเศษหน่อยรับถึง 150 คน การสมัครนั้น ผู้ปกครองต้องไปซื้อใบสมัคร (ราคาแพงหน่อยคือ 1,000 บาท) แต่เงินนี้ก็กลับคืนสู่ผู้ปกครอง เพราะนำมาเป็นค่าพิมพ์ข่าวสารที่แจกฟรี ค่าเลี้ยงน้ำชา-ขนม เวลามาร่วมงานที่โรงเรียน ใบสมัครจะมีการให้ผู้แนะนำเขียนเกี่ยวกับเด็ก หลังจากนั้น โรงเรียนก็จะนัดมาสัมภาษณ์ครั้งแรก ผู้สัมภาษณ์จะเป็นบุคคลภายนอก 1 คน นักเรียนเก่า 1 คน และครูโรงเรียน 1 คน คะแนนให้เป็นช่วงคือ 1-5 หลังจากนั้น ก็จะเป็นการสัมภาษณ์รอบที่ 2 คราวนี้เปลี่ยนคนสัมภาษณ์ หากผ่านรอบนี้ ก็จะเป็นการสอบข้อเขียน หากผ่านอีก ก็จะมีการมาทดสอบการอยู่ร่วมกัน โดยมีการทำกิจกรรม 10 อย่างเพื่อสังเกตลักษณะพฤติกรรมของเด็ก
ขั้นตอนสุดท้่ายคือ มาพบกับผม ผมอยากรับเด็กทุกคนแต่เนื่องจากต้องการจำกัดจำนวนไม่ให้เกินห้องละ 20 คน และนักเรียนทั้งโรงเรียนไม่เกิน 800 คน ปีหนึ่งๆ มีผู้มาสมัคร 800 คน เรารับได้แค่ 80 คน
ผมไม่กลัวการฝาก เพราะคิดว่าระบบของเราดีพอ เราเปิดเผยคะแนนให้ดูได้ทุกเมื่อ ผมถือว่าการฝากคือการแนะนำ เพื่อนๆ หลายคนทราบดีว่า ฝากได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่ไม่ได้ก็ต้องรอ บางคนสอบ 4 ครั้งถึงได้ก็มี
การให้เด็กมาเข้าโรงเรียนประจำ เป็นการตัดสินใจที่สำคัญของพ่อ-แม่ เพราะเด็กจะอยู่กับเพื่อนมากกว่าพี่น้อง กลุ่มเพื่อนจึงมีความสำคัญ ผมจึงพิถีพิถันเป็นพิเศษในการเลือกเด็ก หากเลือกไม่ดี ก็จะมาสร้างปัญหาให้คนอื่นได้
ผู้ปกครองที่นำเด็กมา 90% เป็นผู้เชื่อในระบบการดำเนินการของโรงเรียน ผู้ซึ่งไม่ได้เป็นนักเรียนเก่า จะชื่นชมในบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานหรือนายที่เป็นนักเรียนเก่า
เวลานี้ผู้ปกครองกว่าครึ่งประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว นอกจากนั้นเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พวกที่เป็นทหาร ตำรวจ ซึ่งต้องไปรับราชการไกลๆ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ คือหากได้คะแนนเท่ากัน ผมจะเลือกเด็กที่พ่อรับราชการอยู่ต่างจังหวัด บางทีไม่รู้จะทำอย่างไรก็ให้จับฉลากกัน ก็ยังดี
หลายคนบอกว่าชอบแนวทาง "เพลิน" ของผม ผมไม่ค่อยจะโฆษณาว่า โรงเรียนผมดี ได้แต่บอกใครต่อใครว่า โรงเรียนเป็นอย่างไรก็ดูหน้าเด็กก็แล้วกัน ดูแววตาของเขา หากเขามีความสุขก็นับว่าเราประสบความสำเร็จขั้นแรกแล้ว
ความเชื่อที่ว่า นักเรียนวชิราวุธจะต้องมาจากครอบครัวชนชั้นสูงร่ำรวย ไม่เป็นจริงแล้วในสมัยนี้ สมัยผมยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เดี๋ยวนี้กล่าวได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง มีบางคนยังต้องขอผัดผ่อนค่าเทอมอยู่
ที่ผมควรเล่าก็คือ วชิราวุธวิทยาลัยนั้น รับนักเรียนล่วงหน้าหนึ่งปี เช่น ปีการศึกษา 2548 นี้ เราก็รับเสร็จไปแล้ว กระบวนการคัดเลือกใช้เวลานานถึง 6 เดือน เพราะมีหลายขั้นตอนอย่างที่ผมอธิบายไปแล้ว
งบประมาณของโรงเรียนมีประมาณปีละ 150 ล้านบาท เรามีครู 80 คน แต่มีครูกีฬา 30 คน ครูดนตรี 30 คน และมีฝ่ายธุรการ 40 คน มีคนงาน คนครัว และคนซักผ้าอีกต่างหาก ครูของเราจึงไม่ต้องทำงานบริหาร
โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องต่อเด็ก 3 คน และมีครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นฝรั่งทั้งหมด แต่เราเป็นโรงเรียนไทยแท้ ไม่ใช่โรงเรียน "อินเตอร์" นักเรียนวชิราวุธจะมีความสามารถภาษาทั้งไทยและอังกฤษสูงมาก เวลามีการประกวดเขียนเรียงความ เมื่อใดที่เราส่งประกวดก็มักจะได้รางวัลเสมอ
ผมมีความภูมิใจว่าที่วชิราวุธนั้น นอกจากวิชาการหลักๆ แล้วเรายังมีวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี และการสอนศิลปะที่ดีเยี่ยมด้วย หมวดการออกแบบและเทคโนโลยี และหมวดศิลปะของเรา น่าจะเป็นหมวดที่มีครูมากที่สุด เด็กๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และประดิษฐ์มาเป็นงานมากมายหลากหลาย โดยมีการจัดนิทรรศการปีละสองครั้ง
********
หมายเหตุ-บทความชุด "ชีวิตที่เลือกได้"ของอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นบันทึกเชิงอัตชีวประวัติต่อเนื่อง เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ช่วงปี 2537 กล่าวถึงชีวิตวัยเด็ก การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รวมเล่มเป็นภาค 1 และภาค 2 มาแล้ว ส่วนที่ทะยอยตีพิมพ์อยู่นี้เป็นการบันทึกอัตชีวประวัติ ชีวิต และการทำงานใน่ชวงปัจจุบัน
ขั้นตอนสุดท้่ายคือ มาพบกับผม ผมอยากรับเด็กทุกคนแต่เนื่องจากต้องการจำกัดจำนวนไม่ให้เกินห้องละ 20 คน และนักเรียนทั้งโรงเรียนไม่เกิน 800 คน ปีหนึ่งๆ มีผู้มาสมัคร 800 คน เรารับได้แค่ 80 คน
ผมไม่กลัวการฝาก เพราะคิดว่าระบบของเราดีพอ เราเปิดเผยคะแนนให้ดูได้ทุกเมื่อ ผมถือว่าการฝากคือการแนะนำ เพื่อนๆ หลายคนทราบดีว่า ฝากได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่ไม่ได้ก็ต้องรอ บางคนสอบ 4 ครั้งถึงได้ก็มี
การให้เด็กมาเข้าโรงเรียนประจำ เป็นการตัดสินใจที่สำคัญของพ่อ-แม่ เพราะเด็กจะอยู่กับเพื่อนมากกว่าพี่น้อง กลุ่มเพื่อนจึงมีความสำคัญ ผมจึงพิถีพิถันเป็นพิเศษในการเลือกเด็ก หากเลือกไม่ดี ก็จะมาสร้างปัญหาให้คนอื่นได้
ผู้ปกครองที่นำเด็กมา 90% เป็นผู้เชื่อในระบบการดำเนินการของโรงเรียน ผู้ซึ่งไม่ได้เป็นนักเรียนเก่า จะชื่นชมในบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงานหรือนายที่เป็นนักเรียนเก่า
เวลานี้ผู้ปกครองกว่าครึ่งประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว นอกจากนั้นเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พวกที่เป็นทหาร ตำรวจ ซึ่งต้องไปรับราชการไกลๆ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ คือหากได้คะแนนเท่ากัน ผมจะเลือกเด็กที่พ่อรับราชการอยู่ต่างจังหวัด บางทีไม่รู้จะทำอย่างไรก็ให้จับฉลากกัน ก็ยังดี
หลายคนบอกว่าชอบแนวทาง "เพลิน" ของผม ผมไม่ค่อยจะโฆษณาว่า โรงเรียนผมดี ได้แต่บอกใครต่อใครว่า โรงเรียนเป็นอย่างไรก็ดูหน้าเด็กก็แล้วกัน ดูแววตาของเขา หากเขามีความสุขก็นับว่าเราประสบความสำเร็จขั้นแรกแล้ว
ความเชื่อที่ว่า นักเรียนวชิราวุธจะต้องมาจากครอบครัวชนชั้นสูงร่ำรวย ไม่เป็นจริงแล้วในสมัยนี้ สมัยผมยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เดี๋ยวนี้กล่าวได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง มีบางคนยังต้องขอผัดผ่อนค่าเทอมอยู่
ที่ผมควรเล่าก็คือ วชิราวุธวิทยาลัยนั้น รับนักเรียนล่วงหน้าหนึ่งปี เช่น ปีการศึกษา 2548 นี้ เราก็รับเสร็จไปแล้ว กระบวนการคัดเลือกใช้เวลานานถึง 6 เดือน เพราะมีหลายขั้นตอนอย่างที่ผมอธิบายไปแล้ว
งบประมาณของโรงเรียนมีประมาณปีละ 150 ล้านบาท เรามีครู 80 คน แต่มีครูกีฬา 30 คน ครูดนตรี 30 คน และมีฝ่ายธุรการ 40 คน มีคนงาน คนครัว และคนซักผ้าอีกต่างหาก ครูของเราจึงไม่ต้องทำงานบริหาร
โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องต่อเด็ก 3 คน และมีครูสอนภาษาอังกฤษที่เป็นฝรั่งทั้งหมด แต่เราเป็นโรงเรียนไทยแท้ ไม่ใช่โรงเรียน "อินเตอร์" นักเรียนวชิราวุธจะมีความสามารถภาษาทั้งไทยและอังกฤษสูงมาก เวลามีการประกวดเขียนเรียงความ เมื่อใดที่เราส่งประกวดก็มักจะได้รางวัลเสมอ
ผมมีความภูมิใจว่าที่วชิราวุธนั้น นอกจากวิชาการหลักๆ แล้วเรายังมีวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี และการสอนศิลปะที่ดีเยี่ยมด้วย หมวดการออกแบบและเทคโนโลยี และหมวดศิลปะของเรา น่าจะเป็นหมวดที่มีครูมากที่สุด เด็กๆ ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และประดิษฐ์มาเป็นงานมากมายหลากหลาย โดยมีการจัดนิทรรศการปีละสองครั้ง
********
หมายเหตุ-บทความชุด "ชีวิตที่เลือกได้"ของอาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช เป็นบันทึกเชิงอัตชีวประวัติต่อเนื่อง เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ช่วงปี 2537 กล่าวถึงชีวิตวัยเด็ก การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รวมเล่มเป็นภาค 1 และภาค 2 มาแล้ว ส่วนที่ทะยอยตีพิมพ์อยู่นี้เป็นการบันทึกอัตชีวประวัติ ชีวิต และการทำงานใน่ชวงปัจจุบัน