เอเชียน วอลล์สตรีท เจอร์นัล – โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ เตรียมขยายแพลตฟอร์มการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกในตลาดเอเชียเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าซื้อขายหุ้น ฟิวเจอร์ส และผลิตภัณฑ์ทางการเงินในเอเชียโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
ดันแคน ไนเดรูเออร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนที่ใช้แพลตฟอร์ม REDIPlus ของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งให้บริการเข้าถึงตลาดหุ้น ตลาดฟิวเจอร์ส ออปชัน และตลาดเงินในอเมริกาเหนือและยุโรป สามารถเข้าถึงตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และออสเตรเลียได้
ทั้งนี้โกลด์แมน แซคส์ได้พัฒนาระบบการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวซึ่งรวบรวมการวิเคราะห์และสามารถปรับให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยไม่ต้องผ่านเทรดเดอร์ของบริษัท
วิธีการดังกล่าวเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าการซื้อขายวิธีอื่นอย่าง การโทรศัพท์มายังโต๊ะเทรดดิ้งของโกลด์แมน หรือ ใช้วิธีการซื้อขายหุ้นเป็นล็อตใหญ่ๆ
ไนเดรูเออร์อธิบายว่า ย้อนไปเมื่อครั้งที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงทะยานขึ้น บรรดาผู้จัดการกองทุนไม่ได้ใส่ใจเรื่องต้นทุนการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากนัก ทว่าในตลาดที่มีการใช้กลยุทธ์การเลือกหุ้นโดยพิจารณาเป็นช่วงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Range-Bound Trading) ซึ่งมีความท้าทายที่จะได้รับผลตอบแทนสูง ทำให้บรรดาผู้จัดการกองทุนมองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนในการซื้อขายผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย
อนึ่ง โกลด์แมน แซคส์นำแพลตฟอร์มREDIPlus มาใช้เมื่อครั้งเข้าซื้อสเปียร์, ลีดส์&เคลล็อกในปี 2000 โดยมีการติดตั้งในพื้นที่ 1,400-1,500 จุด และให้บริการลูกค้าราว 10,000 ราย ขณะที่ในยุโรป ซึ่งเริ่มใช้ระบบดังกล่าวในปี 2002 มีการติดตั้งราว 300 จุด โดยให้บริการลูกค้าเกือบ 800 ราย ทั้งนี้โกลด์แมนคาดว่า จะขยายฐานลูกค้าในเอเชียราว 500-1,500 รายภายใน 1-2 ปี
อย่างไรก็ตาม ไนเดรูเออร์บอกว่า เขาไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าโกลด์แมนจะลงทุนแพลตฟอร์มเป็นจำนวนเงินเท่าไร พร้อมทั้งปฏิเสธการให้ความเห็นเกี่ยวกับงบประมาณโครงการและอัตราผู้ใช้บริการ
กระนั้นก็ดี โกลด์แมนเตรียมขยายตลาดการใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวไปยังตลาดเอเชียอื่น อาทิ ตลาดฟิวเจอร์ในสิงคโปร์ ภายในปี 2006 ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวอาจช่วยให้โกลด์แมน แซคส์ ก้าวล้ำคู่แข่งอย่างมอร์แกน สแตนเลย์, เมอร์ริล ลินช์ และวาณิชธนกิจรายอื่นที่พัฒนาแพลตฟอร์มที่เข้าถึงตลาดโดยตรง
ดันแคน ไนเดรูเออร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้นักลงทุนที่ใช้แพลตฟอร์ม REDIPlus ของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งให้บริการเข้าถึงตลาดหุ้น ตลาดฟิวเจอร์ส ออปชัน และตลาดเงินในอเมริกาเหนือและยุโรป สามารถเข้าถึงตลาดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และออสเตรเลียได้
ทั้งนี้โกลด์แมน แซคส์ได้พัฒนาระบบการซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวซึ่งรวบรวมการวิเคราะห์และสามารถปรับให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยไม่ต้องผ่านเทรดเดอร์ของบริษัท
วิธีการดังกล่าวเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่าการซื้อขายวิธีอื่นอย่าง การโทรศัพท์มายังโต๊ะเทรดดิ้งของโกลด์แมน หรือ ใช้วิธีการซื้อขายหุ้นเป็นล็อตใหญ่ๆ
ไนเดรูเออร์อธิบายว่า ย้อนไปเมื่อครั้งที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงทะยานขึ้น บรรดาผู้จัดการกองทุนไม่ได้ใส่ใจเรื่องต้นทุนการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากนัก ทว่าในตลาดที่มีการใช้กลยุทธ์การเลือกหุ้นโดยพิจารณาเป็นช่วงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Range-Bound Trading) ซึ่งมีความท้าทายที่จะได้รับผลตอบแทนสูง ทำให้บรรดาผู้จัดการกองทุนมองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนในการซื้อขายผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย
อนึ่ง โกลด์แมน แซคส์นำแพลตฟอร์มREDIPlus มาใช้เมื่อครั้งเข้าซื้อสเปียร์, ลีดส์&เคลล็อกในปี 2000 โดยมีการติดตั้งในพื้นที่ 1,400-1,500 จุด และให้บริการลูกค้าราว 10,000 ราย ขณะที่ในยุโรป ซึ่งเริ่มใช้ระบบดังกล่าวในปี 2002 มีการติดตั้งราว 300 จุด โดยให้บริการลูกค้าเกือบ 800 ราย ทั้งนี้โกลด์แมนคาดว่า จะขยายฐานลูกค้าในเอเชียราว 500-1,500 รายภายใน 1-2 ปี
อย่างไรก็ตาม ไนเดรูเออร์บอกว่า เขาไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าโกลด์แมนจะลงทุนแพลตฟอร์มเป็นจำนวนเงินเท่าไร พร้อมทั้งปฏิเสธการให้ความเห็นเกี่ยวกับงบประมาณโครงการและอัตราผู้ใช้บริการ
กระนั้นก็ดี โกลด์แมนเตรียมขยายตลาดการใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวไปยังตลาดเอเชียอื่น อาทิ ตลาดฟิวเจอร์ในสิงคโปร์ ภายในปี 2006 ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวอาจช่วยให้โกลด์แมน แซคส์ ก้าวล้ำคู่แข่งอย่างมอร์แกน สแตนเลย์, เมอร์ริล ลินช์ และวาณิชธนกิจรายอื่นที่พัฒนาแพลตฟอร์มที่เข้าถึงตลาดโดยตรง