ดรีมทอยหวังครองตลาดของเล่นไฮเทค ล่าสุดรุกตลาดของเล่นช่วงเปิดเทอม ส่งทามาก็อต เวอร์ชั่น 2 บุกตลาด 6 พันตัว พร้อมหวังขยายฐานลูกค้าผู้ชายเพิ่ม เปิดตัวดี-ไซเบอร์คาด 4 เดือนยอดขาย 12,000 ตัว เผยภาพรวมตลาดของเล่นในช่วงไตรมาสแรกแข่งไม่ดุเดือด เชื่อครึ่งปีหลังตลาดกลับมาบูมอีกครั้ง
นายวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท ดรีมทอย จำกัด ผู้แทนจำหน่ายของเล่นภายใต้แบรนด์ "บันได" เปิดเผยว่า เทรนด์อุตสาหกรรมของเล่นไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะเน้นในเรื่องเทคโนโลยีหรือของเล่นที่มีอินเตอร์แอคทีฟ ประกอบกับปีนี้บริษัทได้วางเป้าต้องการเป็นผู้นำตลาดของเล่นแบบพ๊อกเก็ต เอแอล (Pocket Artificial Intelligent) เนื่องจากเป็นเทรนด์ของตลาดยุคนี้ที่เน้นของเล่นที่มีการสื่อสารแบบเน็กเวิร์กหรือมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างกัน ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวดรีมทอยจึงรุกตลาด ด้วยการเปิดตัวของเล่น "ทามาก็อต คอนเน็กซ์ชั่น เวอร์ชั่น 2"เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิงจนถึงกลุ่มคนทำงาน สำหรับเวอร์ชั่น 2 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 6,000 ตัว ในราคา 799 บาท
ทั้งนี้หลังจากที่เปิดตัว ทามาก็อต เวอร์ชั่น 1 ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน พบว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า สามารถขายสินค้าหมด 6,000 ตัวในเวลา 1 เดือน จนบริษัทต้องนำเข้าสินค้าอีก 800 ตัว ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างรุ่นแรกและรุ่นสองนี้อยู่ตรงที่ลูกเล่นของตัวใหม่ที่เสริมเข้ามา เช่น ก็อตจิ พอยส์หรือแต้มสะสมสำหรับใช้ในการชอปปิง เป็นต้น
นอกจากนี้ดรีมทอยยังได้เปิดตัวของเล่น"ดี -ไซเบอร์" ในราคา 799 บาท เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งดี-ไซเบอร์เป็นของเล่นที่เหมือนทามาก็อต แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของฟังก์ชั่นที่ดี-ไซเบอร์จะเน้นการผจญภัยในโลกไซเบอร์ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 12,000 ตัว
"ของเล่นแบบพ๊อกเก็ต เอแอลเป็นเทคโนโลยีที่มีการเชื่อมต่อกัน ทำให้ผู้เล่นสามารถตอบโต้กันหรือสร้างเน็ตเวิร์คได้ ซึ่งของเล่นแบบนี้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เล่น และยังช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบในสังคมอีกด้วย"
ด้านงบทางการตลาดรวมของดรีมทอยปีนี้ตั้งไว้ที่ 25 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดทัศนคติที่ดีในการซื้อสินค้าของเล่น ซึ่งในส่วนงบตลาดของสินค้าใหม่ 2 ตัวนี้ใช้งบกว่า 3 ล้านบาท โดยจะมีการทำการตลาด 4 เดือน เช่น จัดประกวดดี-ไซเบอร์ แกรนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2005 เป็นต้น
ปัจจุบันดรีมทอยมีของเล่น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ คาแรกเตอร์ทอย ซึ่งมาสัดส่วนคิดเป็น 60% และโมเดล คิดส์ 40% ในส่วนของทามาก็อตจัดอยู่ในกลุ่มเจเนอรัลทอยหรือของเล่นทั่วไป ส่วนดี-ไซเบอร์จัดอยู่ในกลุ่มกึ่งคาแรกเตอร์ สำหรับยอดขายของสินค้าใหม่นี้ คาดว่าจะมีรายได้ 20% ของยอดขายทั้งหมด
ตลาดรวมของเล่นในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีการแข่งขันน้อยลงหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของตลาดของเล่นจะคงที่ เนื่องจากปัจจัยในด้านต่างๆ อาทิ น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ในด้านนวัตกรรมของสินค้าของเล่นนั้นผู้ประกอบการจะหันมาทำตลาดสินค้าในกลุ่มคาแรคเตอร์ทอยมากขึ้น ในส่วนดรีมทอยในช่วงที่ผ่านมาก็หันไปรุกตลาดพ็อกเก็ต เอไอ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการของเล่น ขณะที่ครึ่งปีหลังตลาดของเล่นคาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมูลค่ารวมตลาดของเล่นในไทยมีประมาณ 4,000ล้านบาทและมีอัตราการเติบโตคงที่
นายวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท ดรีมทอย จำกัด ผู้แทนจำหน่ายของเล่นภายใต้แบรนด์ "บันได" เปิดเผยว่า เทรนด์อุตสาหกรรมของเล่นไทยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะเน้นในเรื่องเทคโนโลยีหรือของเล่นที่มีอินเตอร์แอคทีฟ ประกอบกับปีนี้บริษัทได้วางเป้าต้องการเป็นผู้นำตลาดของเล่นแบบพ๊อกเก็ต เอแอล (Pocket Artificial Intelligent) เนื่องจากเป็นเทรนด์ของตลาดยุคนี้ที่เน้นของเล่นที่มีการสื่อสารแบบเน็กเวิร์กหรือมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างกัน ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวดรีมทอยจึงรุกตลาด ด้วยการเปิดตัวของเล่น "ทามาก็อต คอนเน็กซ์ชั่น เวอร์ชั่น 2"เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิงจนถึงกลุ่มคนทำงาน สำหรับเวอร์ชั่น 2 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 6,000 ตัว ในราคา 799 บาท
ทั้งนี้หลังจากที่เปิดตัว ทามาก็อต เวอร์ชั่น 1 ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่าน พบว่าได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า สามารถขายสินค้าหมด 6,000 ตัวในเวลา 1 เดือน จนบริษัทต้องนำเข้าสินค้าอีก 800 ตัว ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างรุ่นแรกและรุ่นสองนี้อยู่ตรงที่ลูกเล่นของตัวใหม่ที่เสริมเข้ามา เช่น ก็อตจิ พอยส์หรือแต้มสะสมสำหรับใช้ในการชอปปิง เป็นต้น
นอกจากนี้ดรีมทอยยังได้เปิดตัวของเล่น"ดี -ไซเบอร์" ในราคา 799 บาท เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งดี-ไซเบอร์เป็นของเล่นที่เหมือนทามาก็อต แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของฟังก์ชั่นที่ดี-ไซเบอร์จะเน้นการผจญภัยในโลกไซเบอร์ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 12,000 ตัว
"ของเล่นแบบพ๊อกเก็ต เอแอลเป็นเทคโนโลยีที่มีการเชื่อมต่อกัน ทำให้ผู้เล่นสามารถตอบโต้กันหรือสร้างเน็ตเวิร์คได้ ซึ่งของเล่นแบบนี้ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เล่น และยังช่วยปลูกฝังความรับผิดชอบในสังคมอีกด้วย"
ด้านงบทางการตลาดรวมของดรีมทอยปีนี้ตั้งไว้ที่ 25 ล้านบาท โดยจะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมบีโลว์ เดอะ ไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเกิดทัศนคติที่ดีในการซื้อสินค้าของเล่น ซึ่งในส่วนงบตลาดของสินค้าใหม่ 2 ตัวนี้ใช้งบกว่า 3 ล้านบาท โดยจะมีการทำการตลาด 4 เดือน เช่น จัดประกวดดี-ไซเบอร์ แกรนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2005 เป็นต้น
ปัจจุบันดรีมทอยมีของเล่น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ คาแรกเตอร์ทอย ซึ่งมาสัดส่วนคิดเป็น 60% และโมเดล คิดส์ 40% ในส่วนของทามาก็อตจัดอยู่ในกลุ่มเจเนอรัลทอยหรือของเล่นทั่วไป ส่วนดี-ไซเบอร์จัดอยู่ในกลุ่มกึ่งคาแรกเตอร์ สำหรับยอดขายของสินค้าใหม่นี้ คาดว่าจะมีรายได้ 20% ของยอดขายทั้งหมด
ตลาดรวมของเล่นในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีการแข่งขันน้อยลงหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของตลาดของเล่นจะคงที่ เนื่องจากปัจจัยในด้านต่างๆ อาทิ น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ในด้านนวัตกรรมของสินค้าของเล่นนั้นผู้ประกอบการจะหันมาทำตลาดสินค้าในกลุ่มคาแรคเตอร์ทอยมากขึ้น ในส่วนดรีมทอยในช่วงที่ผ่านมาก็หันไปรุกตลาดพ็อกเก็ต เอไอ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของวงการของเล่น ขณะที่ครึ่งปีหลังตลาดของเล่นคาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมูลค่ารวมตลาดของเล่นในไทยมีประมาณ 4,000ล้านบาทและมีอัตราการเติบโตคงที่