xs
xsm
sm
md
lg

การมีชัยเหนือกาลเทศะ

เผยแพร่:   โดย: ลิขิต ธีรเวคิน

มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสองมิติใหญ่ๆ อันได้แก่ กาล (time) และเทศะ (space) มนุษย์ทุกคนต้องอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะหลุดลอยไปจากมิติแห่งเวลาคงไม่ได้ ในแง่เทศะถึงแม้ตัวจะลอยจากพื้นดิน จากเครื่องบิน หรือในยานอวกาศ ก็ยังมีมิติแห่งสถานที่อยู่ดี ในแง่ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ซึ่งอ้างว่าเป็นจริงในทุกกาลและเทศะ เช่น ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ของอัลเบิร์ต ไอสไตน์ คือ E = MC2 เป็นทฤษฎีที่อ้างว่าคงทนอยู่อย่างถาวรไม่ว่าจะอยู่ในกาลใดหรือเทศะใด กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทฤษฎีที่ว่านี้จะเป็นจริงไม่ว่าจะ 10 ปีที่แล้ว หรือ 100 ปีในอนาคต จะเป็นจริงไม่ว่าจะอยู่ที่ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ หรือแม้กระทั่งนอกโลก และมาปัจจุบันก็ยังไม่มีการหักล้างทฤษฎีได้

ในอีกมิติหนึ่ง การบรรลุนิพพานคือการก้าวข้ามแดนแห่งกาลและเทศะ นั่นคือการหลุดพ้นจากการคงอยู่ในกาลและเทศะ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของสถานที่ หรือกาลเวลา หรือยุคสมัย แต่ในส่วนนี้นั้นมนุษย์ที่จะสามารถบรรลุถึงได้มีอยู่จำนวนจำกัดเท่านั้น

ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาแล้ว มนุษย์พยายามที่จะเปลี่ยนเทศะโดยการเดินทางอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โชคดีที่มนุษย์ยืนได้โดยสองขาและมองไปข้างหน้าได้ไกล ทำให้มนุษย์สามารถที่จะเดินอีกที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือวิ่งจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ มนุษย์จึงสามารถเปลี่ยนเทศะได้ คำนวณได้คร่าวๆ ว่าถ้ามนุษย์เดินด้วยเท้าสามารถจะเดินได้วันหนึ่ง 40-50 กิโลเมตร แต่ไม่ช้าไม่นานมนุษย์ก็ค้นพบการเดินทางโดยวิธีอื่น โดยมนุษย์ค้นพบว่าสามารถอาศัยสัตว์ที่นำมาเลี้ยงจนเชื่องได้

มนุษย์สามารถจะขี่ม้า ขี่อูฐ ขี่ลา ขี่ล่อ ใช้หมาลากเลื่อน ใช้วัว ใช้ควาย ใช้ลา ใช้ล่อ ใช้กวาง ใช้ม้า ลากรถ มนุษย์ยังค้นพบอีกว่าสามารถจะเดินทางทางน้ำโดยใช้แพและใช้เรือ สามารถจะใช้เรือใบเดินทางไปไกลๆ ดังนั้นมนุษย์จึงเอาชนะเทศะได้ทั้งทางบกและทางน้ำ การเปลี่ยนสถานที่เป็นกิจกรรมปกติของมนุษย์และเป็นความจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาอาหาร หรือการหนีภัยอันตราย

สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องการจะบินโดยเห็นตัวอย่างจากนกซึ่งทำให้เกิดจินตนาการต่างๆ เริ่มต้นด้วยการติดปีกที่มือ กระโดดลงจากที่สูงซึ่งไม่สำเร็จ ต่อมาค้นพบบอลลูนและเรือเหาะ จนกระทั่งถึงเครื่องบินใบพัด เครื่องบินไอพ่น และกระสวยจรวดออกไปนอกโลกและได้เดินทางไปได้จนถึงดวงจันทร์ และในอนาคตคงจะไปถึงดาวอังคารหรือไกลกว่านั้น มนุษย์จึงประสบความสำเร็จและเอาชนะระยะทางได้ในระดับหนึ่ง

ในส่วนของการสื่อสารนั้น มนุษย์สื่อสารด้วยภาษาใบ้จากกิริยาท่าทางและมือไม้ จากนั้นก็เริ่มเปล่งเสียงโดยมีข้อตกลงในวัฒนธรรมว่า เสียงที่เปล่งมานั้นหมายถึงอะไร เช่น สัตว์สี่เท้าที่เหมือนเสือตัวเล็กๆ ภาษาอังกฤษเรียกว่า แคท ภาษาไทยเรียกว่า แมว ภาษาจีนกลางเรียกว่า เมา เมื่อมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วก็สามารถเปล่งเสียงสื่อสารกันได้โดยมีความเข้าใจร่วมกัน จากภาษาใบ้มาถึงการเปล่งเสียงซึ่งเป็นภาษาพูด ก็มาถึงภาษาเขียนซึ่งเริ่มต้นด้วยการวาดภาพ ตัวอักษรจีนเป็นลักษณะของภาพ แต่ภาษาเขียนบางภาษาใช้เสียงที่เกิดจากการผสมของพยัญชนะและสระ และมีการตกลงว่าเสียงดังกล่าวหมายถึงอะไร

มาในปัจจุบันเนื่องจากการค้นพบยานพาหนะที่สามารถเดินทางได้เร็ว และวิทยาการการส่งข่าวสารที่ทันสมัย ทำให้มนุษย์สามารถเดินทางเปลี่ยนเทศะได้ไกลและเร็วยิ่งขึ้น ระยะทางซึ่งต้องใช้เวลาเป็นวันถ้าเดินด้วยเท้า สามารถจะไปถึงได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงโดยรถยนต์ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยเครื่องบิน ในอดีต ถ้ามีการถามว่าเชียงใหมไกลแค่ไหนจากกรุงเทพฯ คำตอบก็คือกว่า 700 กิโลเมตร ในปัจจุบัน คำตอบจะเป็นว่าประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการใช้เวลาบินโดยเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีนิยายวิทยาศาสตร์พยายามให้การเดินทางเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา ด้วยการเข้าไปในเครื่องๆ หนึ่ง และเดินทางไปสู่อีกเครื่องหนึ่งที่ไกลออกไปด้วยการแตกตัวของเซลล์โมเลกุลในเครื่องแรก ไปรวมตัวกันในอีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ภาพยนตร์เรื่อง ไอ้แมลงวัน (The Fly) จะบ่งชี้ถึงการเดินทางของมนุษย์ที่รวดเร็วภายในพริบตา เท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้เครื่องบินซูเปอร์โซนิคเดินทางได้เร็วที่สุดสำหรับเครื่องบินโดยสาร แต่ปัจจุบันได้หยุดกิจการการบินแล้ว

ในแง่ของการสื่อสารมนุษย์ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดยมนุษย์สามารถจะพูดคุยกับอีกคนหนึ่งจากมุมหนึ่งของโลก กับบุคคลที่อยู่ตรงข้ามโดยเห็นหน้ากันซึ่งเสมือนการพูดต่อหน้าโดยอยู่ห่างไกล มนุษย์สามารถจะถ่ายภาพแหวน 2 วงในนครนิวยอร์คและส่งภาพแหวนไปให้อีกคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เลือกแหวนนั้น เครื่องโทรสารก็คือการส่งจดหมายอย่างฉับพลันนั่นเอง โดยสามารถจะส่งจากรถยนต์คันหนึ่งที่แล่นอยู่ในโตเกียวไปยังรถยนต์อีกคันหนึ่งที่แล่นในนิวยอร์คได้ ดังนั้น แทนการส่งสัญญาณโดยควันไฟ เสียงกลอง จดหมายม้าเร็ว มนุษย์สามารถจะคุยกันได้โดยโทรศัพท์บ้านหรือสำนักงาน จนมาปัจจุบันกลายเป็นโทรศัพท์ติดตัวซึ่งสามารถพูดคุยได้ทุกที่ตลอดเวลา

ผลที่เกิดขึ้นคือการขยายตา หู และปาก ของมนุษย์ ประสาทสัมผัสในการรับข่าวสารข้อมูลจึงถูกขยายในขอบเขตที่กว้างขวางขึ้น ในแง่นี้มนุษย์มีความสามารถที่จะเดินทางและสื่อสารได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งแปลว่ามนุษย์จะเอาชนะกาลและเทศะได้ในระดับหนึ่ง ในส่วนนี้จะทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลในการจัดการทางธุรกิจ ในการบริหารบ้านเมือง และการติดต่อในทางสังคม ที่สำคัญที่สุดในยุคใหม่นี้ซึ่งมีความสะดวกในการเดินทางและการสื่อสาร จะมีส่วนเพิ่มข่าวสารข้อมูลและความรู้ และมีส่วนทำให้โลกนี้ถูกย่อส่วนเล็กลงจนกลายเป็นหมู่บ้านโลก

มนุษย์เกือบจะเอาชนะกาลและเทศะได้อย่างสมบูรณ์ แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถจะเอาชนะความต้องการต่างๆ ซึ่งเป็นโลกียสุข เพราะนั่นเป็นอีกมิติหนึ่งซึ่งต้องใช้ความพยายามต่างกัน อย่างไรก็ตาม การตระหนักถึงมิติพิเศษดังกล่าวนี้กำลังเพิ่มทวีคูณขึ้นตามลำดับ การได้ชัยชนะในมิติแห่งวัตถุและการทำให้กาลและเทศะสั้นลง หรือมีประสิทธิภาพอย่างเข้มข้นนั้น จำเป็นต้องมีการถ่วงดุลกับส่วนที่เป็นจิตวิญญาณ มิติในส่วนนี้ซึ่งได้แก่มิติในส่วนของจิตวิญญาณ จะกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้นตามลำดับในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในโลกยุคโลกาภิวัตน์

ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน/ราชบัณฑิต
www.dhiravegin.com
e-mail: likhit@dhiravegin.com
กำลังโหลดความคิดเห็น