เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ญี่ปุ่นและมาเลเซียประกาศได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีในหลักการแล้ว หลังแก้ปัญหาประเด็นนโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ของแดนเสือเหลือง โดยกัวลาลัมเปอร์ยอมยกเลิกภาษีรถยนต์ญี่ปุ่นภายใน 10 ปี
เป็นที่คาดกันว่า ข้อตกลงของญี่ปุ่นกับมาเลเซียฉบับนี้จะเป็นข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อันดับที่ 4 ของแดนปลาดิบ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่โตเกียวเร่งเจรจาเอฟทีเอ เนื่องจากไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ให้กับจีน
แถลงการณ์ร่วมของทั้ง 2 ประเทศระบุว่า ข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น-มาเลเซีย ซึ่งจะผลักดัน “ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดทางเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือ การเปิดเสรี และการเอื้ออำนวยด้านการค้าและการลงทุน”
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ของญี่ปุ่น และอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี รัฐมนตรีแดนเสือเหลืองได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกันวานนี้ (25) ที่กรุงโตเกียว
อนึ่ง ญี่ปุ่นเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ยอดส่งออกของมาเลเซียไปยังญี่ปุ่นมีมูลค่า 12,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าจากญี่ปุ่นอยู่ที่ 16,800 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการอธิบายรายละเอียดในการหารือระดับปฏิบัติการ ก่อนที่จะลงนามและบังคับใช้ข้อตกลงดังกล่าว ด้านเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะกำหนดกรอบเวลาของการนำข้อตกลงดังกล่าวมาใช้
ตามข้อตกลงนี้ จะมีการยกเลิกภาษีนำเข้าของมาเลเซียในหมวดรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่ และส่วนประกอบรถที่ผลิตในญี่ปุ่นภายในปี 2008 ขณะที่โตเกียวตกลงจะช่วยพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์แดนเสือเหลือง
ก่อนหน้านี้ มาเลเซียยื้อเวลาการทำข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากต้องการปกป้องบรรดาผู้ผลิตเหล็กและผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ทว่าแดนเสือเหลืองก็ยอมแลกกับความช่วยเหลือเรื่องการฝึกอบรมคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์
นอกจากนี้ มาเลเซียจะต้องยกเว้นภาษีแร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กซึ่งนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตโดยตรงภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงไว้ รวมถึงต้องยกเลิกภาษีแร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กภายใน 10 ปี
ส่วนญี่ปุ่นจะปรับปรุงการเข้าถึงตลาดของสินค้าเกษตรของมาเลเซีย โดยลดกำแพงภาษีสินค้าต่างๆอาทิ มะม่วง มังคุด ทุเรียน มะละกอ และเงาะ ตลอดจนให้โควตานำเข้ากล้วยโดยไม่ต้องเสียภาษี
ด้านนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการเจรจาการค้าเสรีอื่นของญี่ปุ่น
ซานาเอะ ซูซูกิ นักวิจัยของสถาบันเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่า “ยิ่งคุณบรรลุข้อตกลงค้าเสรีมากเท่าไร คุณยิ่งมีข้อตกลงหลายรูปแบบสำหรับการเจรจาในอนาคตมากขึ้น ถือได้ว่านี่อาจจะเป็นปัจจัยเร่ง”
อนึ่ง ญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีไปแล้วเพียง 2 ฉบับกับสิงคโปร์และเม็กซิโก เนื่องจากไม่ต้องการหารือเรื่องผลิตภัณฑ์เกษตรซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ โตเกียวยังได้บรรลุข้อตกลงอย่างคร่าวๆกับฟิลิปปินส์ ขณะที่กำลังหารือกับไทยและเกาหลีใต้
เป็นที่คาดกันว่า ข้อตกลงของญี่ปุ่นกับมาเลเซียฉบับนี้จะเป็นข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อันดับที่ 4 ของแดนปลาดิบ ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่โตเกียวเร่งเจรจาเอฟทีเอ เนื่องจากไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ให้กับจีน
แถลงการณ์ร่วมของทั้ง 2 ประเทศระบุว่า ข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น-มาเลเซีย ซึ่งจะผลักดัน “ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดทางเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือ การเปิดเสรี และการเอื้ออำนวยด้านการค้าและการลงทุน”
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ของญี่ปุ่น และอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี รัฐมนตรีแดนเสือเหลืองได้บรรลุข้อตกลงการค้าเสรีร่วมกันวานนี้ (25) ที่กรุงโตเกียว
อนึ่ง ญี่ปุ่นเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ยอดส่งออกของมาเลเซียไปยังญี่ปุ่นมีมูลค่า 12,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าจากญี่ปุ่นอยู่ที่ 16,800 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ต้องมีการอธิบายรายละเอียดในการหารือระดับปฏิบัติการ ก่อนที่จะลงนามและบังคับใช้ข้อตกลงดังกล่าว ด้านเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะกำหนดกรอบเวลาของการนำข้อตกลงดังกล่าวมาใช้
ตามข้อตกลงนี้ จะมีการยกเลิกภาษีนำเข้าของมาเลเซียในหมวดรถยนต์โดยสารขนาดใหญ่ และส่วนประกอบรถที่ผลิตในญี่ปุ่นภายในปี 2008 ขณะที่โตเกียวตกลงจะช่วยพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์แดนเสือเหลือง
ก่อนหน้านี้ มาเลเซียยื้อเวลาการทำข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากต้องการปกป้องบรรดาผู้ผลิตเหล็กและผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศ ทว่าแดนเสือเหลืองก็ยอมแลกกับความช่วยเหลือเรื่องการฝึกอบรมคนงานในอุตสาหกรรมรถยนต์
นอกจากนี้ มาเลเซียจะต้องยกเว้นภาษีแร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กซึ่งนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตโดยตรงภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงไว้ รวมถึงต้องยกเลิกภาษีแร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กภายใน 10 ปี
ส่วนญี่ปุ่นจะปรับปรุงการเข้าถึงตลาดของสินค้าเกษตรของมาเลเซีย โดยลดกำแพงภาษีสินค้าต่างๆอาทิ มะม่วง มังคุด ทุเรียน มะละกอ และเงาะ ตลอดจนให้โควตานำเข้ากล้วยโดยไม่ต้องเสียภาษี
ด้านนักวิเคราะห์บางรายระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการเจรจาการค้าเสรีอื่นของญี่ปุ่น
ซานาเอะ ซูซูกิ นักวิจัยของสถาบันเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่า “ยิ่งคุณบรรลุข้อตกลงค้าเสรีมากเท่าไร คุณยิ่งมีข้อตกลงหลายรูปแบบสำหรับการเจรจาในอนาคตมากขึ้น ถือได้ว่านี่อาจจะเป็นปัจจัยเร่ง”
อนึ่ง ญี่ปุ่นได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีไปแล้วเพียง 2 ฉบับกับสิงคโปร์และเม็กซิโก เนื่องจากไม่ต้องการหารือเรื่องผลิตภัณฑ์เกษตรซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง นอกจากนี้ โตเกียวยังได้บรรลุข้อตกลงอย่างคร่าวๆกับฟิลิปปินส์ ขณะที่กำลังหารือกับไทยและเกาหลีใต้