ครป.ฉะทูตสหรัฐเสียมารยาททางการทูตการันตีซื้อ CTX โปร่งใส ทั้งที่ข้อพิพาทในสหรัฐยังไม่ยุติ เนื่องจากมีการฟ้องจากผู้ถือหุ้นเรียกค่าเสียหายกับจีอีฯ ฐานปกปิดข้อมูล ซึ่งอยู่ระหว่างการไตร่สวน เตือนรัฐบาลอย่าเอามาอ้างเดี๋ยวจะกลายเป็นโจ๊กระดับโลก เตรียมบุกพบอัยการสูงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อจี้ให้เข้าสอบตามทวิภาคีสัญญา MLAT หลังผิดหวังที่ ปปง.ไม่ยอมดำเนินการ “ชูวิทย์” บอกหากรัฐบาลตั้ง กรรมการที่เป็นกลางขึ้นมาสอบสวนเรื่องก็จะยุติ
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย
(ครป.) กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตการจัดซื้อ เครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 ว่า ครป. เคยยื่นหนังสือให้ทาง ปปง.ดำเนินการตรวจสอบ แต่ก็ผิดหวัง โดย ปปง.อ้างว่าเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ซึ่งครป.เห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา แผ่นดิน เป็นการกระทำขึ้นนอกราชอาณาจักร การที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ นำผลการสอบสวนที่ระบุว่ามีนักการเมืองและข้าราชการไทยรับสินบนประกาศเผยแพร่ ในเว็บไซต์เท่ากับว่ามีการกล่าวโทษขึ้นแล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดจะเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
“ในสัปดาห์นี้ ทาง ครป.จะไปขอพบอัยการสูงสุดพื่อยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุด เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าอัยการสูงสุดจะสามารถทำได้ทันทีเนื่องจาก มีการกล่าวโทษจากทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาแล้ว จึงไม่ควรบ่ายเบี่ยง หรือรอให้มีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ อัยการสูงสุดรู้ดีว่ามีความร่วมมือกันในทางอาญา ตามทวิภาคีสัญญาว่าด้วยความร่วมมือในทางคดีอาญาแก่กันระหว่างไทยกับสหรัฐ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกัน และภายใต้ข้อตกลงนี้อัยการสูงสุดถือเป็น เจ้าพนักงานตามสนธิสัญญาเป็นหน้าที่ต้องเข้ามาสอบสวนว่าความผิดดังกล่าวเข้า มาตราไหนของกฎหมายไทยใครบ้างเป็นคนทำผิด มีคนทำผิดกี่คน ผิดแล้วฟ้องศาลไทยได้หรือไม่”
นายสุริยะใส กล่าวว่า ครป.รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมาตรการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลประกาศจะทำสงครามกับคอร์รัปชั่น แต่กลับเฉื่อยชาผิดปกติซ้ำร้ายยังพยายามเอาความสัมพันธ์ทางการทูตมากลบเกลื่อน หรือพยายามฟอกผิดนักการเมือง และบริษัทเอกชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะการให้ข่าวของสถานทูตสหรัฐที่ระบุว่าไม่มีนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับสินบนครั้งนี้ และไม่ยอมเปิดเผยชื่อทูตผู้ให้ข่าว ถือเป็นการ เสียมารยาททางการทูต เป็นวิถีการทูตที่ขาดความสง่างาม
นอกจากนี้ยังเห็นว่าการให้ข่าวของสถานทูตสหรัฐในครั้งนี้ไม่สมควรที่รัฐบาล จะนำไปกล่าวอ้าง หรือเป็นหลักฐานยืนยันเพราะอาจกลายเป็นเรื่องน่าอับอายต่อประชาคมโลกจนกลายเป็น “โจ๊ก” ระดับโลก
ประการสำคัญข้อพิพาทในเรื่องนี้ที่สหรัฐก็ยังไม่ยุติเพราะมีประชาชนผู้เล่นหุ้น ฟ้องร้องค่าเสียหายจากบ ริษัทจีอี อินวิชั่นว่า ปกปิดข้อมูลและจะมีการไต่สวนคดี ในเดือนกรกฎาคมนี้ ฉะนั้นครป.ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำลังตรวจสอบ เรื่องนี้เดินหน้าหาข้อเท็จจริงต่อไปเพราะจะเป็นทางออกทางเดียวที่ทำให้ได้ข้อยุติกระจ่างต่อประชาชน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าชาติไทย กล่าวถึงการทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 ว่า หากรัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลาง จริงขึ้นมาตรวจสอบ ปัญหาดังกล่าวก็จะยุติ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีมาอ้างเพียงว่า ยังไม่พบเรื่องการทุจริต หรือรับสินบนเท่านั้น
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย
(ครป.) กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตการจัดซื้อ เครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 ว่า ครป. เคยยื่นหนังสือให้ทาง ปปง.ดำเนินการตรวจสอบ แต่ก็ผิดหวัง โดย ปปง.อ้างว่าเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุด ซึ่งครป.เห็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญา แผ่นดิน เป็นการกระทำขึ้นนอกราชอาณาจักร การที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ นำผลการสอบสวนที่ระบุว่ามีนักการเมืองและข้าราชการไทยรับสินบนประกาศเผยแพร่ ในเว็บไซต์เท่ากับว่ามีการกล่าวโทษขึ้นแล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดจะเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที
“ในสัปดาห์นี้ ทาง ครป.จะไปขอพบอัยการสูงสุดพื่อยื่นหนังสือให้อัยการสูงสุด เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เพราะเชื่อว่าอัยการสูงสุดจะสามารถทำได้ทันทีเนื่องจาก มีการกล่าวโทษจากทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาแล้ว จึงไม่ควรบ่ายเบี่ยง หรือรอให้มีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ อัยการสูงสุดรู้ดีว่ามีความร่วมมือกันในทางอาญา ตามทวิภาคีสัญญาว่าด้วยความร่วมมือในทางคดีอาญาแก่กันระหว่างไทยกับสหรัฐ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกัน และภายใต้ข้อตกลงนี้อัยการสูงสุดถือเป็น เจ้าพนักงานตามสนธิสัญญาเป็นหน้าที่ต้องเข้ามาสอบสวนว่าความผิดดังกล่าวเข้า มาตราไหนของกฎหมายไทยใครบ้างเป็นคนทำผิด มีคนทำผิดกี่คน ผิดแล้วฟ้องศาลไทยได้หรือไม่”
นายสุริยะใส กล่าวว่า ครป.รู้สึกผิดหวังที่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมาตรการในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลประกาศจะทำสงครามกับคอร์รัปชั่น แต่กลับเฉื่อยชาผิดปกติซ้ำร้ายยังพยายามเอาความสัมพันธ์ทางการทูตมากลบเกลื่อน หรือพยายามฟอกผิดนักการเมือง และบริษัทเอกชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะการให้ข่าวของสถานทูตสหรัฐที่ระบุว่าไม่มีนักการเมืองไทยเกี่ยวข้องกับสินบนครั้งนี้ และไม่ยอมเปิดเผยชื่อทูตผู้ให้ข่าว ถือเป็นการ เสียมารยาททางการทูต เป็นวิถีการทูตที่ขาดความสง่างาม
นอกจากนี้ยังเห็นว่าการให้ข่าวของสถานทูตสหรัฐในครั้งนี้ไม่สมควรที่รัฐบาล จะนำไปกล่าวอ้าง หรือเป็นหลักฐานยืนยันเพราะอาจกลายเป็นเรื่องน่าอับอายต่อประชาคมโลกจนกลายเป็น “โจ๊ก” ระดับโลก
ประการสำคัญข้อพิพาทในเรื่องนี้ที่สหรัฐก็ยังไม่ยุติเพราะมีประชาชนผู้เล่นหุ้น ฟ้องร้องค่าเสียหายจากบ ริษัทจีอี อินวิชั่นว่า ปกปิดข้อมูลและจะมีการไต่สวนคดี ในเดือนกรกฎาคมนี้ ฉะนั้นครป.ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำลังตรวจสอบ เรื่องนี้เดินหน้าหาข้อเท็จจริงต่อไปเพราะจะเป็นทางออกทางเดียวที่ทำให้ได้ข้อยุติกระจ่างต่อประชาชน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าชาติไทย กล่าวถึงการทุจริตโครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 9000 ว่า หากรัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลาง จริงขึ้นมาตรวจสอบ ปัญหาดังกล่าวก็จะยุติ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีมาอ้างเพียงว่า ยังไม่พบเรื่องการทุจริต หรือรับสินบนเท่านั้น