เอเอฟพี/agencies - ประธานโอเปกระบุตลาดน้ำมันกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่มีแต่เรื่องดีมานด์กับซัปพลายเท่านั้น หากยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปริมาณน้ำมันสำรอง แต่ให้คำมั่นภายในสิ้นปีนี้ โอเปกจะสามารถรับมือ โดยเฉพาะการนำน้ำมันออกมาสนองได้อย่างต่อเนื่อง
ชีคอาเหม็ด ฟาฮัด อัล-ซาบาห์ รัฐมนตรีพลังงานคูเวต ซึ่งเป็นประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) วาระปัจจุบัน กล่าวต่อที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ว่า โอเปกจะเปลี่ยนแปลง "วัฒนธรรม" และจะนำแถบราคาที่ 22-28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลกลับมาปรับสูตรใหม่เพื่อใช้กันอีกครั้ง หลังจากยกเลิกไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากแถบราคาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงที่ราคาน้ำมันทะยานสูงกว่า 50 ดอลลาร์
ชีคอาเหม็ดกล่าวว่า "วัฒนธรรมในตลาดเปลี่ยนไปแล้ว และดีมานด์น้ำมันในไตรมาส 2 (ซึ่งโดยปกติจะลดลง) กลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น" พร้อมเสริมว่า "เราจะคอยจนกว่าจะถึงสิ้นปีนี้เพื่อทบทวนเหตุการณ์ต่างๆในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อปรับวัฒนธรรมและแถบราคากันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"
เขาแจงว่า ในปี 2004 ดีมานด์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) อยู่ที่ 82.5 ล้านบีพีดี และช่วงไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่า ดีมานด์จะสูงขึ้นอีกถึง 85 ล้านบีพีดี
"ปีก่อนหน้านี้ ดีมานด์น้ำมันขยายตัวราว 4-5% ขณะที่ในปีนี้อยู่ที่ 3-4% ซึ่งโดยปกติแล้ว (ในอดีต) อัตราการขยายตัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในเวลา 4 ปี แต่ปัจจุบันกลับเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 1 ปี"
ยิ่งไปกว่านั้น เขาชี้ว่า ตลาดในปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับซัปพลายและดีมานด์อีกต่อไป หากแต่ปัจจัยอื่นๆ หลายประการเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น อาทิ สิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และปริมาณน้ำมันสำรอง ดังนั้น ประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปกจึงขอให้คำมั่นเพื่อทำให้มีซัปพลายเพียงพอต่อความต้องการในตลาด
"เป้าหมายหลักสำคัญของเราคือ เพื่อทำให้เกิดความต่อเนื่องของซัปพลายน้ำมัน ซึ่งขณะนี้ผลิตเกินความต้องการในตลาดอยู่แล้วที่ 2 ล้านบีพีดี" ประธานโอเปกกล่าว
อย่างไรก็ดี ชีคอาเหม็ดระบุว่า แม้สมาชิกกลุ่มโอเปกจะจะเต็มใจลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตขึ้นราว 1 ล้านบีพีดีภายในสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของดีมานด์ที่กำลังขยายตัวและแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของโอเปกเผยว่า ปัจจุบันศักยภาพการผลิตของกลุ่มมีอยู่เกือบ 32.7 ล้านบีพีดี และจะเพิ่มขึ้นถึง 33 ล้านบีพีดีในช่วงปลายปี 2005
ชีคอาเหม็ดขยายความต่อว่า การเพิ่มกำลังผลิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกก็จริง แต่ "ระดับราคาน้ำมันที่เป็นธรรมและสามารถยอมรับได้" หรือระดับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชดเชยกับเงินลงทุนของประเทศผู้ผลิตเช่นกัน
ด้านประเทศผู้ผลิตก็ต้องลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจต่างๆ แม้แต่ในภาคพลังงานด้วยเช่น โดยการผลิตที่สำคัญที่สุด คือ การผลิตด้านปิโตรเคมี
เขาทิ้งท้ายว่า ชุมชนระหว่างประเทศก็สามารถช่วยผ่อนคลายการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จำเป็นในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่เหล่านี้ เช่นเดียวกับการใช้นโยบายทางการทูตเพื่อให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในภูมิภาค
ชีคอาเหม็ด ฟาฮัด อัล-ซาบาห์ รัฐมนตรีพลังงานคูเวต ซึ่งเป็นประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) วาระปัจจุบัน กล่าวต่อที่ประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ว่า โอเปกจะเปลี่ยนแปลง "วัฒนธรรม" และจะนำแถบราคาที่ 22-28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลกลับมาปรับสูตรใหม่เพื่อใช้กันอีกครั้ง หลังจากยกเลิกไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากแถบราคาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงที่ราคาน้ำมันทะยานสูงกว่า 50 ดอลลาร์
ชีคอาเหม็ดกล่าวว่า "วัฒนธรรมในตลาดเปลี่ยนไปแล้ว และดีมานด์น้ำมันในไตรมาส 2 (ซึ่งโดยปกติจะลดลง) กลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น" พร้อมเสริมว่า "เราจะคอยจนกว่าจะถึงสิ้นปีนี้เพื่อทบทวนเหตุการณ์ต่างๆในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อปรับวัฒนธรรมและแถบราคากันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง"
เขาแจงว่า ในปี 2004 ดีมานด์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) อยู่ที่ 82.5 ล้านบีพีดี และช่วงไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่า ดีมานด์จะสูงขึ้นอีกถึง 85 ล้านบีพีดี
"ปีก่อนหน้านี้ ดีมานด์น้ำมันขยายตัวราว 4-5% ขณะที่ในปีนี้อยู่ที่ 3-4% ซึ่งโดยปกติแล้ว (ในอดีต) อัตราการขยายตัวเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในเวลา 4 ปี แต่ปัจจุบันกลับเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 1 ปี"
ยิ่งไปกว่านั้น เขาชี้ว่า ตลาดในปัจจุบันไม่ได้ขึ้นอยู่กับซัปพลายและดีมานด์อีกต่อไป หากแต่ปัจจัยอื่นๆ หลายประการเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น อาทิ สิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ และปริมาณน้ำมันสำรอง ดังนั้น ประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปกจึงขอให้คำมั่นเพื่อทำให้มีซัปพลายเพียงพอต่อความต้องการในตลาด
"เป้าหมายหลักสำคัญของเราคือ เพื่อทำให้เกิดความต่อเนื่องของซัปพลายน้ำมัน ซึ่งขณะนี้ผลิตเกินความต้องการในตลาดอยู่แล้วที่ 2 ล้านบีพีดี" ประธานโอเปกกล่าว
อย่างไรก็ดี ชีคอาเหม็ดระบุว่า แม้สมาชิกกลุ่มโอเปกจะจะเต็มใจลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตขึ้นราว 1 ล้านบีพีดีภายในสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของดีมานด์ที่กำลังขยายตัวและแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของโอเปกเผยว่า ปัจจุบันศักยภาพการผลิตของกลุ่มมีอยู่เกือบ 32.7 ล้านบีพีดี และจะเพิ่มขึ้นถึง 33 ล้านบีพีดีในช่วงปลายปี 2005
ชีคอาเหม็ดขยายความต่อว่า การเพิ่มกำลังผลิตเป็นสิ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกก็จริง แต่ "ระดับราคาน้ำมันที่เป็นธรรมและสามารถยอมรับได้" หรือระดับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อชดเชยกับเงินลงทุนของประเทศผู้ผลิตเช่นกัน
ด้านประเทศผู้ผลิตก็ต้องลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจต่างๆ แม้แต่ในภาคพลังงานด้วยเช่น โดยการผลิตที่สำคัญที่สุด คือ การผลิตด้านปิโตรเคมี
เขาทิ้งท้ายว่า ชุมชนระหว่างประเทศก็สามารถช่วยผ่อนคลายการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันได้ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จำเป็นในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่เหล่านี้ เช่นเดียวกับการใช้นโยบายทางการทูตเพื่อให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในภูมิภาค