ศูนย์ข่าวภูเก็ต -หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เริ่มเก็บหลักฐานคลื่นยักษ์สึนามิ ถล่ม 6 จังหวัดอันดามัน หลังรัฐบาลอนุมัติงบฯให้ 20 ล้านบาทให้กรมศิลปากร มั่นใจเสร็จสมบูรณ์ใน 2 ปี
วานนี้ (19 พ.ค.)นายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานเปิดการเสวนาเรื่อง "บันทึกจดหมายเหตุชาติ:เก็บอะไร ไม่เก็บอะไร" ที่สำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติจัดขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์สึนามิถล่มเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เพื่อบันทึกจดหมายเหตุชาติ เก็บเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบันทึกเป็นข้อมูลสารสนเทศเพื่อง่ายต่อการสืบค้น
โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไปที่มีข้อมูลและมีส่วนร่วม ในเหตุการณ์สึนามิถล่ม ประมาณ 200 คน ที่โรงแรมเพิร์ล วิลเลจ จังหวัดภูเก็ต
นายอารักษ์ สิงหิตตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การจัดเสวนาในครั้งนี้ เพื่อรวบรวมเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นในพื้นที่6 จังหวัดอันดามัน ว่ามีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ควรจะบันทึกใน "บันทึกจดหมายเหตุชาติ" เพราะเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่จะได้รับการบันทึก จะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา และสามารถค้นคว้าอ้างอิงได้ และในการจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติเกี่ยวกับเรื่องสึนามิ กรมศิลปากรได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับความคืบหน้าการเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติ กรมศิลปากรก็ลงพื้นที่เพื่อจัดเก็บข้อมูล ทั้งข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ภาพถ่าย ข่าวหนังสือพิมพ์ และอื่นๆ ที่ขณะนี้สามารถเก็บรวบรวมไปได้แล้วส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นยังได้มีการประชุม ในส่วนของระดับคณะกรรมการการ จัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติแล้วว่า จะมีหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้างที่จะทำการบันทึกไว้
"หัวข้อที่จะทำการบันทึกที่ได้มีการพูดคุยกัน ได้แบ่งไว้หลายประเด็น เช่น เรื่องของความเป็นมา การเกิดเหตุการณ์สึนามิ สถานที่เกิดเหตุ การช่วยช่วยเหลือ การมีน้ำใจของคนไทย ที่ได้รับการชื่นชมจากชาวต่างประเทศ ความเสียหายที่เกิด ซึ่งการบันทึกในจดหมายเหตุ จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้สามารถจัดเก็บไปได้แล้วส่วนหนึ่ง"
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเสวนาในครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลใหม่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากที่เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไปแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีความครอบคลุมมากขึ้น เพราะคนที่จะให้ข้อมูลได้ดีที่สุด คือ คนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ และจะทำให้ข้อมูลที่ได้มานั้นครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม
หลังจากที่ได้ข้อมูลจากพื้นที่แล้ว จะนำกลับไปรวบรวมกับข้อมูลของทางส่วนกลางต่อไป เพื่อบันทึกในจดหมายเหตุชาติ และจัดพิมพ์หนังสือออกมาจำนวนประมาณ 20,000 เล่ม ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะจัดเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุชาติส่วนหนึ่ง และที่เหลือแจกจ่ายไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ
นอกจากนั้นข้อมูลที่จัดเก็บไว้ทั้งหมด จะจัดเก็บในระบบสารสนเทศด้วย เพื่อที่จะได้ง่ายสำหรับการสืบค้น และค้นหา การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้การค้นหาทำได้ง่าย โดยรัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาให้กรมศิลปากร ดำเนินการจำนวน 20 ล้านบาท
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2549 สำหรับการดำเนินการในปี 2548 จะเป็นขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูล เรียบเรียง แก้ไข ตรวจสอบ หลังจากข้อมูลทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นขั้นตอนของการพิมพ์เผยแพร่ ซึ่งเป้าหมายการเผยแพร่ข้อมูล มุ่งไปที่ทุกคนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการจะสืบค้นเรื่องของเหตุการณ์สึนามิ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547
วานนี้ (19 พ.ค.)นายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานเปิดการเสวนาเรื่อง "บันทึกจดหมายเหตุชาติ:เก็บอะไร ไม่เก็บอะไร" ที่สำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติจัดขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์สึนามิถล่มเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เพื่อบันทึกจดหมายเหตุชาติ เก็บเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบันทึกเป็นข้อมูลสารสนเทศเพื่อง่ายต่อการสืบค้น
โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไปที่มีข้อมูลและมีส่วนร่วม ในเหตุการณ์สึนามิถล่ม ประมาณ 200 คน ที่โรงแรมเพิร์ล วิลเลจ จังหวัดภูเก็ต
นายอารักษ์ สิงหิตตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การจัดเสวนาในครั้งนี้ เพื่อรวบรวมเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นในพื้นที่6 จังหวัดอันดามัน ว่ามีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ควรจะบันทึกใน "บันทึกจดหมายเหตุชาติ" เพราะเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่จะได้รับการบันทึก จะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา และสามารถค้นคว้าอ้างอิงได้ และในการจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติเกี่ยวกับเรื่องสึนามิ กรมศิลปากรได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้ดำเนินการ
สำหรับความคืบหน้าการเก็บข้อมูลเพื่อจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติ กรมศิลปากรก็ลงพื้นที่เพื่อจัดเก็บข้อมูล ทั้งข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ภาพถ่าย ข่าวหนังสือพิมพ์ และอื่นๆ ที่ขณะนี้สามารถเก็บรวบรวมไปได้แล้วส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นยังได้มีการประชุม ในส่วนของระดับคณะกรรมการการ จัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติแล้วว่า จะมีหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้างที่จะทำการบันทึกไว้
"หัวข้อที่จะทำการบันทึกที่ได้มีการพูดคุยกัน ได้แบ่งไว้หลายประเด็น เช่น เรื่องของความเป็นมา การเกิดเหตุการณ์สึนามิ สถานที่เกิดเหตุ การช่วยช่วยเหลือ การมีน้ำใจของคนไทย ที่ได้รับการชื่นชมจากชาวต่างประเทศ ความเสียหายที่เกิด ซึ่งการบันทึกในจดหมายเหตุ จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้สามารถจัดเก็บไปได้แล้วส่วนหนึ่ง"
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเสวนาในครั้งนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลใหม่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากที่เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลไปแล้ว ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีความครอบคลุมมากขึ้น เพราะคนที่จะให้ข้อมูลได้ดีที่สุด คือ คนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ และจะทำให้ข้อมูลที่ได้มานั้นครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม
หลังจากที่ได้ข้อมูลจากพื้นที่แล้ว จะนำกลับไปรวบรวมกับข้อมูลของทางส่วนกลางต่อไป เพื่อบันทึกในจดหมายเหตุชาติ และจัดพิมพ์หนังสือออกมาจำนวนประมาณ 20,000 เล่ม ซึ่งหนังสือดังกล่าวจะจัดเก็บไว้ที่หอจดหมายเหตุชาติส่วนหนึ่ง และที่เหลือแจกจ่ายไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ
นอกจากนั้นข้อมูลที่จัดเก็บไว้ทั้งหมด จะจัดเก็บในระบบสารสนเทศด้วย เพื่อที่จะได้ง่ายสำหรับการสืบค้น และค้นหา การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้การค้นหาทำได้ง่าย โดยรัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาให้กรมศิลปากร ดำเนินการจำนวน 20 ล้านบาท
นายอารักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดทำบันทึกจดหมายเหตุชาติ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2549 สำหรับการดำเนินการในปี 2548 จะเป็นขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูล เรียบเรียง แก้ไข ตรวจสอบ หลังจากข้อมูลทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นขั้นตอนของการพิมพ์เผยแพร่ ซึ่งเป้าหมายการเผยแพร่ข้อมูล มุ่งไปที่ทุกคนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการจะสืบค้นเรื่องของเหตุการณ์สึนามิ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547