บอนกาแฟปรับสัดส่วนรายได้ส่งออก –ในประเทศ เท่ากันในปีหน้า ใช้ดูไบเป็นฐานธุรกิจเปิดตลาดตะวันออกกลาง ส่วนตลาดในประเทศคาดปีนี้เพิ่มอีก 20%
นางมาลีรัตน์ ธนาประชุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟถือว่าเป็นตลาดสำคัญ โดยมีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 70% ส่วนตลาดการบริโภคภายในประเทศมีเพียง 30% ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้าจะปรับสัดส่วนให้เป็น 50:50 ซึ่งตลาดหลักเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง เนื่องจากชาวอาหรับนิยมดื่มกาแฟอย่างมาก โดยบริษัทจะใช้ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นฐานการการส่งออกไปยังตะวันออกกลางและในปีนี้จะเข้าไปร่วมทุนที่โอมาน ในสัดส่วน 40 ต่อ 60 กับผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อต่อยอดการขายการจำหน่ายกาแฟให้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บอนกาแฟจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ประเภทได้แก่ ช็อคโกแลตหรือ บอนช็อกโก และกาแฟพอดส์ หรือกาแฟที่บรรจุเสร็จในถุงผ้ากรอง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการออกแบบสินค้าแบบพิเศษ ซึ่งทำให้สะดวกต่อการทำกาแฟโดยอาจจะไม่ต้องอาศัยความซับซ้อนของเครื่องทำกาแฟ ซึ่งจะวางขายตามร้านค้าปลีกทั่วไป และจะขยายสัดส่วนผ่านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 15-20% ของยอดขายทั้งหมด เป็น 30% ในปีนี้ โดยกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านโมเดิร์นเทรด
ส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟรายย่อยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 20% จากที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 20% ของการจำหน่ายกาแฟทั้งหมดของบอนกาแฟ โดยส่วนใหญ่คือการจำหน่ายให้กับโรงแรม ร้านอาหารประมาณ 80%
สำหรับยอดรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วซึ่งมีรายได้ 300 ล้านบาท โดยตลาดกาแฟคั่วบดโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะไม่เติบโต เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และภาษีการนำเข้าเครื่องทำกาแฟที่ยังคงสูง 30% จากประเทศอิตาลี ซึ่งทำให้ตลาดคั่วบด ที่ต้องอาศัยเครื่องทำกาแฟไม่เติบโตเท่าที่ควร
นางมาลีรัตน์ ธนาประชุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟถือว่าเป็นตลาดสำคัญ โดยมีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 70% ส่วนตลาดการบริโภคภายในประเทศมีเพียง 30% ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้าจะปรับสัดส่วนให้เป็น 50:50 ซึ่งตลาดหลักเป็นกลุ่มตะวันออกกลาง เนื่องจากชาวอาหรับนิยมดื่มกาแฟอย่างมาก โดยบริษัทจะใช้ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นฐานการการส่งออกไปยังตะวันออกกลางและในปีนี้จะเข้าไปร่วมทุนที่โอมาน ในสัดส่วน 40 ต่อ 60 กับผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อต่อยอดการขายการจำหน่ายกาแฟให้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บอนกาแฟจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ประเภทได้แก่ ช็อคโกแลตหรือ บอนช็อกโก และกาแฟพอดส์ หรือกาแฟที่บรรจุเสร็จในถุงผ้ากรอง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการออกแบบสินค้าแบบพิเศษ ซึ่งทำให้สะดวกต่อการทำกาแฟโดยอาจจะไม่ต้องอาศัยความซับซ้อนของเครื่องทำกาแฟ ซึ่งจะวางขายตามร้านค้าปลีกทั่วไป และจะขยายสัดส่วนผ่านค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 15-20% ของยอดขายทั้งหมด เป็น 30% ในปีนี้ โดยกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และร้านโมเดิร์นเทรด
ส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟรายย่อยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 20% จากที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ราย คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 20% ของการจำหน่ายกาแฟทั้งหมดของบอนกาแฟ โดยส่วนใหญ่คือการจำหน่ายให้กับโรงแรม ร้านอาหารประมาณ 80%
สำหรับยอดรายได้ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 20% จากปีที่แล้วซึ่งมีรายได้ 300 ล้านบาท โดยตลาดกาแฟคั่วบดโดยรวมในปีนี้คาดว่าจะไม่เติบโต เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน และภาษีการนำเข้าเครื่องทำกาแฟที่ยังคงสูง 30% จากประเทศอิตาลี ซึ่งทำให้ตลาดคั่วบด ที่ต้องอาศัยเครื่องทำกาแฟไม่เติบโตเท่าที่ควร