เอเอฟพี – ดับเบิลยูอีเอฟระบุ กลุ่มยุโรปเหนือถือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการลดช่องว่างระหว่างเพศชายและเพศหญิง ขณะที่กลุ่มประเทศมุสลิมครองอันดับท้ายๆ
ผลการศึกษาของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) เปิดเผยวันจันทร์ (16) ว่า ประเทศที่มีความแตกต่างทางเพศน้อยสุด 5 อันดับแรกได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ก และฟินแลนด์ ทั้งนี้นิวซีแลนด์ตามมาเป็นอันดับ 6 ขณะที่แคนาดาครองอันดับ 7 และออสเตรเลียอยู่อันดับ 10
ผลสำรวจซึ่งประเมินจากสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) 30 ประเทศ และประเทศตลาดเกิดใหม่ 28 ประเทศระบุอีกว่า อังกฤษอยู่อันดับ 8 ขณะที่สหรัฐฯติดอันดับ 17
ออกัสโต โลเปซ-คลารอส นักเศรษฐศาสตร์ของดับเบิลยูอีเอฟกล่าวว่า ประเทศกลุ่มยุโรปเหนือซึ่งมีระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมและมีการปกครองที่โปร่งใส กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับการประเมินความสำคัญทางเศรษฐกิจของความเท่าเทียมทางเพศ
เขาเสริมว่า “ประเทศเหล่านี้เข้าใจถึงแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่อยู่เบื้องหลังการให้ความเสมอภาคแก่ผู้หญิง กล่าวคือ ประเทศใดที่ไม่ใช้ประโยชน์จากครึ่งหนึ่งของทรัพยากรมนุษย์ของตน ถือเป็นการทำลายศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ”
รายงานระบุว่า โดยรวมแล้วญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 38 ส่วนจีนติดอันดับที่ 33 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชีย ขณะที่ประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ติดอันดับรั้งท้าย โดยมีบังกลาเทศติดอันดับสูงสุดที่ 39 ส่วนประเทศที่มีความแตกต่างทางเพศมากที่สุดคือ อียิปต์ ตามด้วยตุรกี ปากีสถาน จอร์แดน และเกาหลีใต้
อนึ่ง รายงานดังกล่าวอาศัยข้อมูลจากสหประชาชาติ เวิลด์แบงก์ และดับเบิลยูอีเอฟ เพื่อประเมินความแตกต่างทางเพศใน 5 ประเด็น ได้แก่ การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ โอกาสทางเศรษฐกิจ การให้อำนาจทางการเมือง โอกาสทางการศึกษา และสุขภาพความเป็นอยู่
ผลการศึกษาของเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม (ดับเบิลยูอีเอฟ) เปิดเผยวันจันทร์ (16) ว่า ประเทศที่มีความแตกต่างทางเพศน้อยสุด 5 อันดับแรกได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ก และฟินแลนด์ ทั้งนี้นิวซีแลนด์ตามมาเป็นอันดับ 6 ขณะที่แคนาดาครองอันดับ 7 และออสเตรเลียอยู่อันดับ 10
ผลสำรวจซึ่งประเมินจากสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) 30 ประเทศ และประเทศตลาดเกิดใหม่ 28 ประเทศระบุอีกว่า อังกฤษอยู่อันดับ 8 ขณะที่สหรัฐฯติดอันดับ 17
ออกัสโต โลเปซ-คลารอส นักเศรษฐศาสตร์ของดับเบิลยูอีเอฟกล่าวว่า ประเทศกลุ่มยุโรปเหนือซึ่งมีระบบสวัสดิการที่ครอบคลุมและมีการปกครองที่โปร่งใส กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับการประเมินความสำคัญทางเศรษฐกิจของความเท่าเทียมทางเพศ
เขาเสริมว่า “ประเทศเหล่านี้เข้าใจถึงแรงจูงใจทางเศรษฐกิจที่อยู่เบื้องหลังการให้ความเสมอภาคแก่ผู้หญิง กล่าวคือ ประเทศใดที่ไม่ใช้ประโยชน์จากครึ่งหนึ่งของทรัพยากรมนุษย์ของตน ถือเป็นการทำลายศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ”
รายงานระบุว่า โดยรวมแล้วญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 38 ส่วนจีนติดอันดับที่ 33 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชีย ขณะที่ประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ติดอันดับรั้งท้าย โดยมีบังกลาเทศติดอันดับสูงสุดที่ 39 ส่วนประเทศที่มีความแตกต่างทางเพศมากที่สุดคือ อียิปต์ ตามด้วยตุรกี ปากีสถาน จอร์แดน และเกาหลีใต้
อนึ่ง รายงานดังกล่าวอาศัยข้อมูลจากสหประชาชาติ เวิลด์แบงก์ และดับเบิลยูอีเอฟ เพื่อประเมินความแตกต่างทางเพศใน 5 ประเด็น ได้แก่ การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ โอกาสทางเศรษฐกิจ การให้อำนาจทางการเมือง โอกาสทางการศึกษา และสุขภาพความเป็นอยู่