xs
xsm
sm
md
lg

บึ้มทั้งวันป่วนใต้รอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

10 หน่วยงานความมั่นคง สรุป 2 ประเด็นหลัก "ยกเลิกกฎอัยการศึก-ออกกฎหมายกลางพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ทั่วประเทศ" ให้อำนาจ นายกฯ-ครม.ประกาศใช้ในภาวะฉุกเฉิน "วิษณุ" สั่งคลอดชื่อ กม.ใหม่ภายใน 7 วัน เตรียมยกเลิก พ.ร.บ.สถานการณ์ฉุกเฉินปี 95 ขณะที่ใต้เข้าสู่ภาวะวิกฤตวันเดียวตูม 6 แห่งใน 2 จังหวัด "สงขลา-ยะลา" บาดเจ็บระนาว ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลาผวา หลังพบว่าตลอดทั้งวันคนร้ายขู่วางระเบิดรวม 15 จุด มท.1 ประณามมือระเบิด ท้าทายอำนาจรัฐ

วานนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือเกี่ยวการพิจารณายกร่างกฎหมายใหม่แทนกฎอัยการศึกที่จะยกเลิกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมหารือ 10 หน่วยงานว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า สมควรจะมีการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ภายใต้ข้อแม้ว่าจะต้องมีกฎหมายใหม่ออกมารองรับการปฏิบัติงานและการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ เพราะถ้าหากเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึกโดยยังไม่มีกฎหมายใหม่ออกมาจะเกิดช่องว่างขึ้น และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะไม่มีกฎหมายมาคุ้มครองการทำงาน

นายวิษณุ กล่าวว่า กฎหมายใหม่ที่จะออกมาจะต้องเป็นกฎหมายกลาง ๆ ที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ในประเทศไม่ใช่ใช้เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กฎหมายจะใช้กับสถานการณ์ที่มีความรุนแรงแตกต่างกัน ตั้งแต่สถานการณ์รุนแรงระดับเบา เช่น ไฟไหม้ป่าจำนวนมากที่ต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดับ จนถึงสถานการณ์รุนแรงระดับกลาง เช่น กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถานการณ์ระดับหนัก เช่น คลื่นสึนามิ ถ้าหากเกิดอีกจะสามารถใช้อำนาจเข้าไปจัดการได้ทันท่วงที

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า เมื่อจะประกาศใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายฉบับนี้ในพื้นที่ใด เมื่อใด ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลคือ นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของ ครม.แต่ถ้าจำเป็นฉุกเฉินนายกฯสามารถประกาศได้ก่อน แต่ต้องเรียกประชุม ครม.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดอาจจะ 24 ชั่วโมงหรือ 3 วันเพื่อให้ความเห็นชอบ ถ้าหากไม่ทำและครบกำหนดเวลาแล้ว คำสั่งนายกฯต้องสิ้นสภาพไป ซึ่งมาตรการนี้จะทำให้ดูว่าเป็นมาตรการทางพลเรือนมากขึ้น

เมื่อมีการประกาศใช้อำนาจนี้แล้ว ถ้าสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ให้นายกฯโดยความเห็นชอบจาก ครม.ประกาศเป็นภาวะที่มีความรุนแรงหนักขึ้นอีกได้ ซึ่งเมื่อไปถึงขั้นนั้น อำนาจที่นายกฯจะต้องสั่งจะเพิ่มมากขึ้น เช่น การสั่งควบคุมตัวบุคคล เรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำ หรือให้การ รวมถึงการควบคุมการจำหน่วย การครอบครอง การซื้อ การขาย วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ แม้แต่ซิมการ์ดโทรศัพท์ อาจจะต้องใส่ลงไปในอำนาจนี้เมื่อสถานการณ์ถึงขั้นรุนแรงอย่างยิ่ง และจะต้องนิยามคำว่าสถานการณ์รุนแรงอย่างยิ่งว่าหมายถึงอะไร ซึ่งได้ให้ทุกฝ่ายกลับไปคิดว่าจะเรียกสถานการณ์รุนแรงว่าอะไร ที่คิดไว้เรียกว่า สถานการณ์ฉุกเฉิน หรือสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างยิ่ง และให้ดูถึงคำในภาษาต่างประเทศด้วยว่า เขาใช้คำอะไร เช่น ที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ใช้คำว่า Internal Security

นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อนายกฯประกาศสถานการณ์ความรุนแรง จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ 1 ชุดขึ้นมาบริหารสถานการณ์ เพื่อเสนอแนะรัฐบาลในการใช้อำนาจ ซึ่งเป็นคณะกรรมการจากพลเรือน อาจให้ รมว.มหาดไทย หรือรองนายกฯ เป็นประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย รมว.ยุติธรรม มหาดไทย กลาโหม ผบ.ทุกเหล่าทัพ ผบ.ตร. สภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้ให้คำแนะนำการใช้อำนาจหน้าที่ว่าสถานการณ์ความรุนแรงอยู่ในระดับไหน และควรทำอย่างไร

นายวิษณุ กล่าวว่า ร่างกฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้วมีประมาณ 20 มาตรา แต่ยังมีข้อที่จะต้องปรับปรุงและจะกลับมาพิจารณาอีกครั้งภายใน 7 วัน โดยจะเชิญอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ และกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาประชุม เพื่อปรับปรุงจากร่างที่มีอยู่ให้ชัดเจนขึ้น ขณะนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะออกเป็นพระราชกำหนด หรือพระราชบัญญัติ วิธีคิดต้องคิดออกเป็นพระราชบัญญัติก่อน เพราะข้อดีคือ เข้ากระบวนการนิติบัญญัติ ผ่านทางสภาฯ แต่ข้อเสียคือใช้เวลานาน ซึ่งเท่ากับเป็นการดึงเวลาการใช้กฎอัยการศึกออกไป

"แต่ถ้าคิดออกเป็นพระราชกำหนด ข้อดีคือเลิกกฎอัยการศึกเร็ว แต่ข้อเสียคือ ต้องไปคิดว่ามีเงื่อนไขที่จะออกพระราชกำหนดตามมาตรา 218 ของรัฐธรรมนูญหรือยัง และตัดอำนาจสภาฯ ไม่ให้พิจารณากฎหมายสำคัญฉบับนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะตัดสินใจในประเด็นนี้"

นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับการออกกฎหมายใหม่นั้น อาจจะต้องตัดสิทธิประชาชนบ้าง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญยอมให้ตัดสิทธิในบางเรื่อง เช่น กรณีที่มีสถานการณ์ความรุนแรงด้านความมั่นคง อาจล่วงล้ำสิทธิประชาชนบ้าง แต่อย่าให้เกินสมควร และต้องมีหลักประกันประชาชนให้เหมาะสมกับที่มีกฎหมายใหม่ออกมา และเนื้อหาของกฎหมายใหม่จะคล้ายกับพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495 มากกว่ากฎอัยการศึก และถ้ากฎหมายใหม่ออกมา พระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495 จะถูกยกเลิกโดยปริยาย ส่วนกฎอัยการศึกยังคงมีอยู่สำหรับในสถานการณ์ที่จำเป็น

นายวิษณุ กล่าวว่า กฎหมายใหม่ที่จะออกมาเนื้อหาจะเบากว่ากฎอัยการศึก เพราะกฎอัยการศึกให้อำนาจฝ่ายทหารมากกว่าพลเรือน แต่กฎหมายใหม่จะให้อำนาจของฝ่ายพลเรือน ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะทหารมีไว้สำหรับรบ แต่ถ้าจำเป็นต้องพึ่งทหาร ก็สามารถตั้งขึ้นมาเป็นเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ กฎอัยการศึกให้อำนาจทหารมีอำนาจในการจับ ค้น ทำลาย ระดมสรรพกำลังเข้ามาได้ ซึ่งอาจจะขาดมาตรการทางพลเรือน ซึ่งในแง่พลเรือนจะคิดอะไรมากกว่าทหาร เพราะทหารหวังผลสำเร็จ แต่พลเรือนจะมีขั้นตอนมากกว่า ในกฎอัยการศึกให้อำนาจการประกาศกฎอัยการศึก โดยผู้บัญชาการทหารในพื้นที่ แต่กฎหมายใหม่จะให้อำนาจนายกฯ ครม.และมีการตรวจสอบทางการเมือง ทุกเรื่องที่ประกาศจะต้องนำลงราชกิจจานุเบกษาทั้งหมด เพื่อความโปร่งใส

**ภาคใต้ป่วนอีกคนร้ายวางบึ้มทั้งวัน

ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปะทุขึ้นมีอีกครั้ง วานนี้โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น.ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณร้านไก่ทอดเทพา เจ๊เค่ง อยู่หลังสถานีรถไฟเทพา อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ นปพ.ตรังที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย โดยก่อนเกิดเหตุทราบว่า คนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถุงพลาสติกเข้ามาที่ร้าน ซึ่งเป็นร้านแบบเปิดไม่มีผนัง-ประตูกั้นโดยวางไว้ที่โคนเสากลางร้าน หลังจากตำรวจทั้ง 3 นายปฏิบัติหน้าที่ตรวจความปลอดภัยเส้นทางรถไฟเทพา เสร็จเรียบร้อยได้เข้ามานั่งดื่มน้ำชากัน จากนั้นคนร้ายได้จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.ที่ 43 ได้ใช้เครื่องตัดสัญญาณมือถือทุกระบบและเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุพบซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วนเหล็กจำนวนหนึ่ง

**ตูมอีกหลังบ้านผู้พิพากษาบาดเจ็บ5

ต่อมาเวลา 08.15 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณประตูบ้านพักของนายอมร ศิลปวิวัฒน์ หัวหน้าผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา ถ.สุขยางค์ ซึ่งตั้งอยู่เยื้องศาลากลางจังหวัดยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 5 นาย หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.จบ แก้วศรีจันทร์ ร้อยเวร สภ.อ.เมืองยะลา ได้ไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ชุดเก็บกู้ระเบิดศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้ายะลา พร้อมสั่งให้มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือทุกระบบ เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายอาจจะซุกระเบิดไว้อีกในบริเวณใกล้เคียง

เวลา 09.40 น.ได้เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งในบริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา จุดที่เกิดระเบิดอยู่ที่บริเวณด้านหน้าอาคารกองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.เมืองยะลาโดยคนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องซุกไว้ใต้ท้องรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ซึ่งเป็นรถของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา โดยมีนางแพรวพันธ์ บุญมาลย์ เจ้าพนักงานสาธารณสุข 7 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา เป็นผู้ขับรถมาจอดไว้หน้าอาคารดังกล่าว เพื่อติดต่องานราชการ เมื่อถึงและก้าวออกจากประตูรถได้เพียงเสี้ยววินาที ก็ได้เกิดระเบิดขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว เป็นเหตุให้นางแพรวพันธ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นตายเท่ากัน

นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วยจำนวนหลายคัน ซึ่งได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการบนที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา อย่างมาก

**ซ้ำอีกลูกย่านธุรกิจกลางนครยะลา

ต่อมาเวลา 12.40 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุระเบิดเกิดขึ้นอีก คราวนี้เกิดที่บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด ดีลเลอร์รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารายใหญ่ของภาคใต้ สาขายะลา ถ.ไชยจรัส เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าจุดระเบิดเป็นย่านธุรกิจกลางเมืองยะลา โดยบริษัท พิธานพาณิชย์สาขาดังกล่าวตั้งอยู่ติดกับโรงแรมศรียะลา ก่อนเกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้นำระเบิดแสวงเครื่องไปซุกซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้ ซึ่งเป็นต้นวาสนา บริเวณที่บริษัทจัดไว้รองรับสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ แต่โชคดีขณะเกิดระเบิดขึ้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เนื่องจากอยู่ระหว่างพักกลางวัน ซึ่งพนักงานของบริษัทฯ กำลังออกไปทานอาหาร และที่สำคัญเป็นระเบิดที่มีอานุภาพไม่รุนแรงนัก

**ผู้ว่าฯยะลาสั่งเพิ่มความเข้มทุกพื้นที่

เวลา 15.00น.นายบุญยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือกลุ่มก่อความไม่สงบ ทั้งนี้ นายบุญยสิทธิ์ เปิดเผยหลังประชุมว่า ได้มีการกำหนดมาตรการการรักษาความปลอดภัยภายในเขตเทศบาลเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และผู้ประกอบการที่อาศัยอยู่ภายในเขตเทศบาลนครยะลาให้มากยิ่งขึ้น โดยวันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 10.00น.จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้กำกับการ ในทุกท้องที่ และจะเชิญผู้ประกอบการมาร่วมประชุมถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการด้วย "ยอมรับว่าตอนนี้ประชาชนกำลังเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"

**ยะลาผวาขู่วางระเบิด15จุดทั่วเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้บรรยากาศภายในเขตเทศบาลนครยะลา ตกอยู่ในความเงียบเหงา เมื่อสถานที่ราชการ และห้างร้านต่างๆ ถูกคนร้ายขู่วางระเบิดทั้งหมดรวม 15 จุด ประกอบด้วย 1.บริษัท อริยะ มอเตอร์ จำกัด สาขาถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา 2.บริษัท แสงเจริญ นาประดู่ สาขาถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา 3.บริษัท พิธานโตโยต้า จำกัด สาขายะลา ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลยะลา 4.สถานีรถไฟยะลา เขตเทศบาลนครยะลา 5.ศูนย์อนามัยแม่และเด็ก เขต 12 จังหวัดยะลา เขตเทศบาลนครยะลา

6.ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น สาขาตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา 7.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 ยะลา 8.ร้าน ป.พัฒนา ตั้งอยู่ที่ตลาดเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นระเบิดปลอม 9.บริษัท นิสสันยะลา 10.สำนักงานโทรศัพท์เขต 1 จังหวัดยะลา 11.บ้านพักผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดยะลา 12.ที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา 13.บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด 14.ห้าง ซูเปอร์ ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ และ 15.สำนักงานโยธาและผังเมือง ยะลา เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดปลอม

**เตือนอย่าออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น

ทั้งนี้ ในจุดที่ถูกคนร้ายข่มขู่ดังกล่าวปรากฏว่าได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น 3 แห่ง ประกอบด้วย ที่หน้าบ้านพักผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดยะลา, ในที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา และหน้าบริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด สาขายะลา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ร้านค้าต่างๆ ในเขตเทศบาลนครยะลาที่ถูกคนร้ายข่มขู่วางระเบิดนั้นได้มีการหยุดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย ประกอบกับลูกค้าที่ทราบข่าวต่างก็ไม่มั่นใจที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่ดังกล่าวเช่นเดียวกัน

**จนท.ทำลายบึ้มที่ตลาดสะบ้าย้อย

เวลา 17.20 น.ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา รับแจ้งพบถังดับเพลิงต้องสงสัยขนาดเล็กแขวนไว้ที่ร้านน้ำชา เลขที่ 14/17 หมู่ 1 เขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย ติดกับตลาดสดเทศบาล ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสีของถังดับเพลิงต้องสงสัยดังกล่าวเป็นสีที่แตกต่างของถังดับเพลิงที่มีอยู่ในเขตเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย เจ้าหน้าที่จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตชด.ที่ 43 มาดำเนินการ พร้อมกันพื้นที่รอบบริเวณไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้รัศมีอันตราย

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงทำลายถังดับเพลิงดังกล่าวและเกิดระเบิดขึ้น โดยสะเก็ดไปถูกเจ้าหน้าที่และชาวบ้านบาดเจ็บรวม 7 ราย ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายทั้งหมดถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหน้าและลำตัว จากการตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นชนิดแสวงเครื่องถูกบรรจุไว้ในถังดับเพลิงขนาด 15 กิโลกรัม และจุดชนวนทำงานด้วยระบบโทรศัพท์มือถือ

เวลา 19.50 น.ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน่วยบริการประชาชนบ้านท่าสาป ริมถนนเพชรเกษม ด้านหน้าของบริษัท ยะลาฮอนด้าคาร์ จำกัด ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา ซึ่งเป็นจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารบริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำปัตตานี ปากทางเข้าสู่เมืองยะลา เบื้องต้นยังไม่มีรายงานของผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่มีรายงานว่าคนร้ายได้รถยนต์กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว ทะเบียน 1768 ปัตตานีขับผ่านไปยังที่เกิดเหตุก่อนที่จะใช้ระเบิดแบบขว้างด้วยมือขว้างเข้าใส่จุดตรวจดังกล่าว

**"ชิดชัย"ประณามการลอบวางระเบิด

พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลาว่า ได้รับรายงานการลอบวางระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ท้าทายอำนาจรัฐอย่างมาก จึงจำเป็นจะต้องมีการทบทวนยุทธการต่างๆ โดยเฉพาะในจุดที่เป็นเป้าหมายสาธารณะ ซึ่งจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะขณะนี้คนร้ายได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการก่อเหตุตลอดเวลาและจากเหตุที่เกิดในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งผลักดันกฎหมายที่จะนำมาใช้แทนกฎอัยการศึกให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดในหลายจุด โดยเฉพาะบริเวณหน้าบ้านพักผู้พิพากษาจังหวัดยะลา ว่า จะเรียกผู้เกี่ยวข้องหารือ เพราะขณะนี้เราชอบอยู่ที่เก่า หากเผลอผู้ก่อเหตุก็มาวางระเบิดได้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ต้องปรับแผนการทำงาน มีการตอบโต้อย่างฉับพลัน ต้องมีรายละเอียดในทางปฏิบัติให้มากขึ้น หากเป็นในป่า เจอกันก็ยิงกันได้เลย แต่เมื่อเกิดเหตุในเมืองต้องระวัง ทำอะไรต้องไม่ขัดกฎหมาย ตรงนี้เป็นสิ่งที่เสียเปรียบ แต่ชาวบ้านหันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น เพราะต้องการให้การแก้ปัญหายุติโดยเร็ว ตนจะเรียกเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายหารือชี้แจงในการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยเฉพาะครู นักเรียน เพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น