tavanron@yahoo.com
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผมได้ถ่ายทอดบทความชิ้นหนึ่งของ ดร.อาเรียล โคเฮน ชื่อ "อิสลามหัวรุนแรงและผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเชียกลาง" ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่ามันจะต้องยุ่งไปทั้งโลก เพราะไม่มีที่ไหนประเทศไหนที่ไม่มีประชาชนมุสลิม เฉพาะอย่างยิ่ง ตามบ้านนอกคอกนาอันแห้งแล้ง และยากจนในรัสเซียเก่า แม้แต่ในประเทศจีนก็ไม่รู้กี่ร้อยกี่สิบล้าน น่าสงสัยว่าอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นในโลกอีกต่อไป นอกจากความรุนแรง
เพราะจากประสบการณ์ของผม และการคาดคะเนจากผู้รู้ทั้งโลกจะมุ่งไปพูดถึงเรื่องของคนมุสลิมในโลกนี้ตรงกันในข้อที่ว่า คนมุสลิมทุกชาติทุกนิกายทุกวันนี้ ได้ตื่นขึ้นมาจากความเป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญที่ถูกเหยียบย่ำถูกเอารัดเอาเปรียบจากชนชาติทั้งเจ้าของชาติ และคนร่วมชาติที่ไม่ใช่มุสลิมมาเป็นร้อยเป็นพันปีนั้น เวลานี้เพื่อนตื่นขึ้นมาแล้ว
ตื่นมาด้วยความคิด และความรู้สึกที่ว่าตัวเองก็เป็นคนที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความรู้ความคิดที่ทันสมัยเช่นเดียวกับคนอื่น ฆ่าคนเป็น ยิงคนเป็นเช่นเดียวกับคนในประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ถึงคราวแล้วที่จะลุกยืนขึ้นมาสู้เพื่อรักษาเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของความเป็นคนให้เท่าเทียมกัน
ไม่มีวันจะเชื่อและไม่มีวันที่จะก้มหัวให้แก่ชนชาติหนึ่งชาติใดอีกต่อไป
ถ้าจะสู้กันชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างไรก็เอา
เรื่องถอยหรือไม่ถอยนั้น ไม่ต้องพูดกัน
ศัตรูสำคัญของคนมุสลิมที่จะต้องล้างผลาญกันให้ย่อยยับไปข้างใดข้างหนึ่งนั้น ได้แก่ อเมริกา กับ ยิว และใครผู้ใดก็ตามที่ให้การสนับสนุนร่วมมือกับอเมริกาและยิวแล้ว ถือว่าเป็นคนนอกศาสนา (Infidel) ทั้งสิ้น
การต่อสู้และการแสดงความเป็นศัตรูของชาวมุสลิมนั้น ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ตามความคิดความอ่านของตัวเองแต่ผู้เดียว แต่จะทำในนามของขบวนการ และองค์การที่ได้เริ่มก่อตัวมาแล้วทั่วตะวันออกกลางเป็นเวลาร้อยๆ ปี
เช่นเดียวกับการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย ไม่ใช่ลูกชาวบ้านคนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่งที่ไม่มีงานทำก็ออกมาทำกันอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเพื่อความสนุกสนานประการหนึ่งประการใดก็หาไม่ แต่มันเป็นงานของขบวนการทางการเมืองที่มีความเชี่ยวชาญทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วอย่างดี ขนาดเรามีซีไอเอใหญ่ของอเมริกาคือคุณ Paul Quaqlia ซีไอเอเก่าของอเมริกาที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทางด้านยุทธศาสตร์ของอเมริกาประจำภาคพื้นแปซิฟิกเป็นที่ปรึกษาฝ่ายไทยเราอยู่ เรายังไม่มีปัญญาทำอะไรได้ แม้เพียงจะคิดจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างให้ถูกต้องก็เป็นไปไม่ได้
แต่การกระทำทุกอย่างของผู้ก่อการร้าย เป็นการกระทำตามคำสั่ง เป็นการกระทำที่มียุทธศาสตร์ และยุทธวิธีมีเป้าหมายแน่ชัดโดยองค์การมุสลิมที่ต่างก็เกิดขึ้นมาทั่วโลกหลังจากได้เริ่มต้นมาเป็นเวลาร้อยๆ ปีที่ผ่านมา
องค์การเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันหมด ทั้งทางด้านหลักการ การเงินที่พร้อมจะให้การสนับสนุน และการช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ทำหน้าที่ตามนโยบายที่กำหนดไว้
เช่นเดียวกับการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเราพยายามจะใช้กำลังคน กำลังความสามารถอย่างมากมายเพื่อไปจัดการปราบปรามถอนรากถอนโคนคนมุสลิมพวกนี้ ซึ่งเราเคยพูดพล่อยๆ กันว่าเป็นพวก "กระจอก" หรือ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" อะไรพวกนั้น แล้วก็พรรคพวกสมุนบริวารจำนวนมากมายลงไปเที่ยวภาคใต้กันอย่างหวานมันกันนั้น เป็นเรื่องที่น่าเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ เพราะการที่เข้าไปต่อสู้หรือปราบปรามนั้น ไม่ใช่การต่อสู้กับ คนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่ง แต่เป็นการต่อสู้กับขบวนการที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และมีหลักการที่แน่ชัด
ขบวนการเหล่านี้ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใครอยู่ที่ไหน หนึ่งปีที่ผ่านมาใน 3 จังหวัดภาคใต้ เรายังคงโง่และมืดมนอนธการอยู่ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครมาจากไหน
เราเคยโง่กันอยู่อย่างไร เราก็ยังคงโง่อยู่อย่างเดิม
ขบวนการที่ว่านั้น ปัจจุบันนี้นักศึกษากิจกรรมการก่อการร้ายของโลกจะต้องพูดถึง
ขบวนการสองขบวนการคือ ขบวนการที่เรียกตัวเองว่า Hizb Ut-Tahri เป็นตัวการซึ่งเป็นขบวนการที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับกลุ่ม Al-Qaeda ของบิน ลาดิน
หน้าที่ของกลุ่มการก่อการร้ายทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกในประเทศต่างๆ ทุกประเทศใน 3 เรื่องคือ (1) ให้การศึกษาและแนวทางในการต่อสู้ (2)ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างเพียงพอ (3) กำหนดยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีในการต่อสู้
องค์การนี้ประกาศเปิดเผยไปทั่วโลก มีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
"อเมริกา อังกฤษ และสมุนบริวารของพวกมันเป็นหัวหน้าขบวนการครูเสดในอัฟกานิสถาน" นี่เป็นคำประกาศและเหตุผลประการหนึ่งที่ขบวนการ "จีฮัจญ์" หรือขบวนการทำลายล้างอันสำคัญนี้ประกาศออกมา พฤติกรรมของอเมริกาและอังกฤษได้สะท้อนให้เห็นความเป็นศัตรูอันเหนียวแน่นในการเป็นศัตรูต่อชาวมุสลิม ซึ่งหมายถึงว่าทั้งอเมริกาและอังกฤษจะไม่เป็นอะไรอื่นนอกจากเป็นศัตรู ความสัมพันธ์ของอเมริกาและอังกฤษกับประเทศมุสลิมจะมีอยู่เพียงสถานะเดียวคือ สถานะสงครามต่อกัน เพราะฉะนั้นตามกฎของมุสลิมปัญหาทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศเหล่านี้เราจะทำได้ทางเดียวเท่านั้นคือ นำหลักเกณฑ์ทางสงครามมาใช้ และกระทำตามกฎเกณฑ์ที่ว่านี้ และกฎหมายของสงครามนี้ประเทศมุสลิมต้องนำมาใช้กับบรรดาประเทศที่นำตนเองเข้าไปเป็นพันธมิตรกับประเทศอังกฤษ และอเมริกาด้วย
สงครามของอเมริกา และพันธมิตรของมันที่กระทำต่อมุสลิมได้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันชั่วร้ายของอารยธรรมความคิดเห็นอันเกี่ยวกับอาณานิคม การทำสงครามในอิรักแสดงให้เห็นว่าสมุนบริวารของมันต่อสู้เพื่อการล่าเมืองขึ้น และการปล้นทรัพยากรธรรมชาติของชาวมุสลิมเท่านั้น ซึ่งการทำสงครามดังกล่าวนี้มันจะไม่นำความยุติธรรมและความมั่นคงใดๆ มาให้ภูมิภาคนี้
อเมริกากำลังหลอกลวงพวกเราทุกคน มันเป็นชาติที่มีแต่ความอ่อนแอ เช่นเดียวกับความผิดพลาดทางด้านอุดมการณ์ที่ผิดพลาดและสกปรก
เมื่อยืนยันเจตนารมณ์และคำประกาศออกมาเช่นนี้แล้ว ขบวนการมุสลิมที่ว่านี้ก็ตบท้ายด้วยข้อความว่า
"เราขอคัดค้านพวกยิวและอิสราเอล....ยิวจะต้องออกไปจากตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกาเองก็คือ ศัตรูของชาวอิสลามเช่นเดียวกับพวกยิวด้วย" (Hizb Ut Tahrir : An Open Letter from Hizb-Ut Tahri. December 13, 2002, London)
ขบวนการมุสลิมหัวรุนแรงหรือกลุ่มมุสลิมก่อการร้ายเหล่านี้ ได้ผ่านการเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกที่มีการก่อการร้ายอยู่ทั้งโลกนี้เป็นอย่างดีว่าจะต้องอยู่อย่างไร และในที่สุดเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาพร้อมกับการถูกกดขี่เบียดเบียนมาอย่างไม่ลดละ มุสลิมเหล่านี้จะต้องลงมือที่จะสู้ขึ้นมาบ้าง ประการแรกก็คือ การสร้างความรู้สึกเกลียดชัง และความรุนแรง (The Word and Sword) เป็นเครื่องมือวางแผนในการต่อสู้ และการฆ่าศัตรูคนที่ตนรู้สึกเกลียดผู้คนที่คิดว่าเป็นศัตรูทุกคนให้เป็นการกระทำภายใต้คำขวัญที่โก้เก๋ขึ้นมาโดยเรียกว่า "จีฮัจญ์-การรบเพื่อพระผู้เป็นเจ้า" (Jihad-holy war) ซึ่งการฆ่าการทำลายศัตรูที่ว่านี้เพื่อให้สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอเหตุผลหรือความจำเป็นอะไรที่จะต้องหาเหตุผลอื่นมา นอกจากการฆ่าและการทำลายล้างเท่านั้น เพราะได้มีการอบรมสั่งสอนคนที่จะต้องฆ่าหรือรบเพื่อพระผู้เป็นเจ้าที่ว่านั้น ซึ่งได้มีการบิดเบือนมา 2 ประการคือ (1) เพื่อเป็นการทดสอบตัวเองโดยถือว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ (The Greater Jihad) (2) เป็นการทำสงครามหรือการใช้อาวุธปราบปรามคนนอกศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อย (The Esser Jihad) โดยหลักทั้ง 2 ประการนี้เองที่ทำให้นักรบมุสลิมพวกนี้กล้าพอที่จะยอมเอาตัวเองเป็นเหยื่อของการกระทำที่อาจจะต้องยอมตายไปด้วยหรืออะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่แคร์แม้แต่จะเป็นการฆ่าตัวตายก็เอา
อาจจะเป็นเช่นนั้นก็เป็นได้ที่มีข่าวว่าในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สุเหร่ากรือเซะใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น มีคนที่ไม่มีอาวุธและเตรียมสู้ด้วยมือเปล่าหรือนั่งรอความตายอยู่ในสุเหร่า ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจะต้องเผชิญกับปืน และการปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่คนเหล่านี้ก็ยอมตาย และออกไปสู้กับตำรวจที่มีอาวุธเต็มมือ
แสดงว่าอนุศาสน์หรือบทเรียนที่ขบวนการก่อการร้ายพวกนี้ได้ทำมาเป็นเวลานานนับสิบๆ ปีนั้น ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
ใน 3 จังหวัดภาคใต้ พวกอุสตาซหลายคนถูกจับไปฟ้องร้องหรือนำไปนั่งรอเพื่อจะเข้าคุกต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใครในการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดนั้น เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แต่เราก็จะต้องทำไปตามหน้าที่ และเท่าที่มีโอกาสที่จะได้ทำ แต่เมื่อพูดกันแล้วจากวิธีการในการอบรมสั่งสอนหรือการยัดเยียดความคิดอ่านให้นักรบเพื่อพระเจ้าเหล่านี้ ก็พอจะมองเห็นว่ามันไม่น่าจะทำอะไรได้ง่ายๆ เพราะตัวจริงหรือคนที่ลงมือจริงๆ นั้น มันไม่มีตัวตนแน่ เพราะมันเป็นการร่วมกันทำทั้งขบวนการไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง เพราะทุกคนไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ตาม ทุกคนที่เป็นชาวมุสลิมมีหน้าที่ในการมีชีวิตอยู่ทุกคน ก็จะคิดหรืออยู่เพื่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เข้าคุกเข้าตารางหรือจะถูกยิงทิ้งก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวาดกลัวหรือจะต้องสนใจ
ถ้าใครคนใดคนหนึ่งตายไป คนมุสลิมที่มีชีวิตอยู่หรือเติบโตขึ้นมาก็จะต้องมาฆ่าหรือมาคิดบัญชีกันต่อไป
อเมริกาเป็นชาติที่เจริญสูงสุดทางด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจ ความสำเร็จของอเมริกาดูเหมือนว่าทั้งอเมริกาและคนทั้งโลกเชื่อกันว่าอเมริกาจะต้องครองโลก จะไม่มีประเทศไหนชาติใดที่จะแข่งขันทำลายอเมริกา และอารยธรรมของพวกผิวขาวได้ เฉพาะอย่างยิ่ง ในการทำสงครามเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ อเมริกาหรือกลุ่มประเทศจักรวรรดินิยมผิวขาวที่มีอเมริกาเป็นหัวหน้า จะไม่มีใครกล้าหาญเข้าไปเทียบ
แต่เท่าที่ได้มีคำทำนายทายทักจากนักสังเกตการณ์ก็จะเห็นชัดเจนว่าความยิ่งใหญ่ของอเมริกาจะลดลงทุกด้านทุกมุม เพราะในสงครามอิรัก แม้ว่าจะสามารถจับตัวประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน ได้สำเร็จ และจะเอาประชาธิปไตยคอร์รัปชันของอเมริกาเข้าไปครอบอิรักเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ตะวันออกกลาง แต่ปรากฏว่ามาถึงทุกวันนี้ สถานการณ์ในอิรักที่อเมริกาคุยโวไปทั่วพิภพ มันก็จะยังไม่มีวันสำเร็จได้ แม้ว่าทุกชั่วโมงจะยิงปืนยิงคนทิ้งระเบิดในอิรักเกือบหมดทุกเสี้ยวแผ่นดิน ความหวังของอเมริกาในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นในตะวันออกกลางก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำได้สำเร็จ แม้แต่จะผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยไปแล้ว อเมริกาก็ทำอะไรไม่ได้
ชาวมุสลิมในอิรักไม่ยอมให้ทำ
ต่อให้มีระเบิดปรมาณู อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยิงข้ามมหาสมุทรไปไหนก็ได้ มันจะไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย เพราะคนมุสลิมที่คิดจะมาต่อสู้กับอเมริกานั้น ไม่มีผู้ก่อการร้ายคนไหนจะสู้กับอเมริกาด้วยอาวุธทันสมัย ด้วยจรวดหรืออาวุธปรมาณูได้
หลักวิชาในการสู้รบที่ได้รับการถ่ายทอดและสั่งสอนโดยพรรค Hizb ut Tahri ที่อเมริกานำมาใช้อยู่ในอิรักขณะนี้ มันบอกให้อเมริกาและสมุนบริวารรู้ว่าคนตะวันออกกลางจะใช้สงครามจรยุทธ์แบบที่ใช้ลอบยิงลอบระเบิดทำลายอย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้นั่นแหละ
เพราะว่าขบวนการก่อการร้าย Hizb Ut Tahri ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพรรคการเมืองตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายล้างคนนอกศาสนาที่กำลังเริ่มต้นเบาะๆ อยู่ในขณะนี้ ยืนยันว่ายุทธศาสตร์ยุทธวิธีในการต่อสู้ของพวกเขาเอามาจากตำราของมาร์กซ์-เลนินทั้งสิ้น
จะเรียกโก้ๆ ว่าพวกคอมมิวนิสต์พันธุ์ใหม่ก็ยังไหว
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผมได้ถ่ายทอดบทความชิ้นหนึ่งของ ดร.อาเรียล โคเฮน ชื่อ "อิสลามหัวรุนแรงและผลประโยชน์ของอเมริกาในเอเชียกลาง" ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนว่ามันจะต้องยุ่งไปทั้งโลก เพราะไม่มีที่ไหนประเทศไหนที่ไม่มีประชาชนมุสลิม เฉพาะอย่างยิ่ง ตามบ้านนอกคอกนาอันแห้งแล้ง และยากจนในรัสเซียเก่า แม้แต่ในประเทศจีนก็ไม่รู้กี่ร้อยกี่สิบล้าน น่าสงสัยว่าอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นในโลกอีกต่อไป นอกจากความรุนแรง
เพราะจากประสบการณ์ของผม และการคาดคะเนจากผู้รู้ทั้งโลกจะมุ่งไปพูดถึงเรื่องของคนมุสลิมในโลกนี้ตรงกันในข้อที่ว่า คนมุสลิมทุกชาติทุกนิกายทุกวันนี้ ได้ตื่นขึ้นมาจากความเป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญที่ถูกเหยียบย่ำถูกเอารัดเอาเปรียบจากชนชาติทั้งเจ้าของชาติ และคนร่วมชาติที่ไม่ใช่มุสลิมมาเป็นร้อยเป็นพันปีนั้น เวลานี้เพื่อนตื่นขึ้นมาแล้ว
ตื่นมาด้วยความคิด และความรู้สึกที่ว่าตัวเองก็เป็นคนที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีความรู้ความคิดที่ทันสมัยเช่นเดียวกับคนอื่น ฆ่าคนเป็น ยิงคนเป็นเช่นเดียวกับคนในประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ถึงคราวแล้วที่จะลุกยืนขึ้นมาสู้เพื่อรักษาเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของความเป็นคนให้เท่าเทียมกัน
ไม่มีวันจะเชื่อและไม่มีวันที่จะก้มหัวให้แก่ชนชาติหนึ่งชาติใดอีกต่อไป
ถ้าจะสู้กันชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างไรก็เอา
เรื่องถอยหรือไม่ถอยนั้น ไม่ต้องพูดกัน
ศัตรูสำคัญของคนมุสลิมที่จะต้องล้างผลาญกันให้ย่อยยับไปข้างใดข้างหนึ่งนั้น ได้แก่ อเมริกา กับ ยิว และใครผู้ใดก็ตามที่ให้การสนับสนุนร่วมมือกับอเมริกาและยิวแล้ว ถือว่าเป็นคนนอกศาสนา (Infidel) ทั้งสิ้น
การต่อสู้และการแสดงความเป็นศัตรูของชาวมุสลิมนั้น ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ตามความคิดความอ่านของตัวเองแต่ผู้เดียว แต่จะทำในนามของขบวนการ และองค์การที่ได้เริ่มก่อตัวมาแล้วทั่วตะวันออกกลางเป็นเวลาร้อยๆ ปี
เช่นเดียวกับการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย ไม่ใช่ลูกชาวบ้านคนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่งที่ไม่มีงานทำก็ออกมาทำกันอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเพื่อความสนุกสนานประการหนึ่งประการใดก็หาไม่ แต่มันเป็นงานของขบวนการทางการเมืองที่มีความเชี่ยวชาญทางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วอย่างดี ขนาดเรามีซีไอเอใหญ่ของอเมริกาคือคุณ Paul Quaqlia ซีไอเอเก่าของอเมริกาที่ปรึกษาด้านความมั่นคงทางด้านยุทธศาสตร์ของอเมริกาประจำภาคพื้นแปซิฟิกเป็นที่ปรึกษาฝ่ายไทยเราอยู่ เรายังไม่มีปัญญาทำอะไรได้ แม้เพียงจะคิดจะเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างให้ถูกต้องก็เป็นไปไม่ได้
แต่การกระทำทุกอย่างของผู้ก่อการร้าย เป็นการกระทำตามคำสั่ง เป็นการกระทำที่มียุทธศาสตร์ และยุทธวิธีมีเป้าหมายแน่ชัดโดยองค์การมุสลิมที่ต่างก็เกิดขึ้นมาทั่วโลกหลังจากได้เริ่มต้นมาเป็นเวลาร้อยๆ ปีที่ผ่านมา
องค์การเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันหมด ทั้งทางด้านหลักการ การเงินที่พร้อมจะให้การสนับสนุน และการช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ทำหน้าที่ตามนโยบายที่กำหนดไว้
เช่นเดียวกับการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเราพยายามจะใช้กำลังคน กำลังความสามารถอย่างมากมายเพื่อไปจัดการปราบปรามถอนรากถอนโคนคนมุสลิมพวกนี้ ซึ่งเราเคยพูดพล่อยๆ กันว่าเป็นพวก "กระจอก" หรือ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" อะไรพวกนั้น แล้วก็พรรคพวกสมุนบริวารจำนวนมากมายลงไปเที่ยวภาคใต้กันอย่างหวานมันกันนั้น เป็นเรื่องที่น่าเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ เพราะการที่เข้าไปต่อสู้หรือปราบปรามนั้น ไม่ใช่การต่อสู้กับ คนใดคนหนึ่งหรือพวกใดพวกหนึ่ง แต่เป็นการต่อสู้กับขบวนการที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และมีหลักการที่แน่ชัด
ขบวนการเหล่านี้ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใครอยู่ที่ไหน หนึ่งปีที่ผ่านมาใน 3 จังหวัดภาคใต้ เรายังคงโง่และมืดมนอนธการอยู่ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครมาจากไหน
เราเคยโง่กันอยู่อย่างไร เราก็ยังคงโง่อยู่อย่างเดิม
ขบวนการที่ว่านั้น ปัจจุบันนี้นักศึกษากิจกรรมการก่อการร้ายของโลกจะต้องพูดถึง
ขบวนการสองขบวนการคือ ขบวนการที่เรียกตัวเองว่า Hizb Ut-Tahri เป็นตัวการซึ่งเป็นขบวนการที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับกลุ่ม Al-Qaeda ของบิน ลาดิน
หน้าที่ของกลุ่มการก่อการร้ายทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกในประเทศต่างๆ ทุกประเทศใน 3 เรื่องคือ (1) ให้การศึกษาและแนวทางในการต่อสู้ (2)ให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างเพียงพอ (3) กำหนดยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีในการต่อสู้
องค์การนี้ประกาศเปิดเผยไปทั่วโลก มีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
"อเมริกา อังกฤษ และสมุนบริวารของพวกมันเป็นหัวหน้าขบวนการครูเสดในอัฟกานิสถาน" นี่เป็นคำประกาศและเหตุผลประการหนึ่งที่ขบวนการ "จีฮัจญ์" หรือขบวนการทำลายล้างอันสำคัญนี้ประกาศออกมา พฤติกรรมของอเมริกาและอังกฤษได้สะท้อนให้เห็นความเป็นศัตรูอันเหนียวแน่นในการเป็นศัตรูต่อชาวมุสลิม ซึ่งหมายถึงว่าทั้งอเมริกาและอังกฤษจะไม่เป็นอะไรอื่นนอกจากเป็นศัตรู ความสัมพันธ์ของอเมริกาและอังกฤษกับประเทศมุสลิมจะมีอยู่เพียงสถานะเดียวคือ สถานะสงครามต่อกัน เพราะฉะนั้นตามกฎของมุสลิมปัญหาทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องกับประเทศเหล่านี้เราจะทำได้ทางเดียวเท่านั้นคือ นำหลักเกณฑ์ทางสงครามมาใช้ และกระทำตามกฎเกณฑ์ที่ว่านี้ และกฎหมายของสงครามนี้ประเทศมุสลิมต้องนำมาใช้กับบรรดาประเทศที่นำตนเองเข้าไปเป็นพันธมิตรกับประเทศอังกฤษ และอเมริกาด้วย
สงครามของอเมริกา และพันธมิตรของมันที่กระทำต่อมุสลิมได้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันชั่วร้ายของอารยธรรมความคิดเห็นอันเกี่ยวกับอาณานิคม การทำสงครามในอิรักแสดงให้เห็นว่าสมุนบริวารของมันต่อสู้เพื่อการล่าเมืองขึ้น และการปล้นทรัพยากรธรรมชาติของชาวมุสลิมเท่านั้น ซึ่งการทำสงครามดังกล่าวนี้มันจะไม่นำความยุติธรรมและความมั่นคงใดๆ มาให้ภูมิภาคนี้
อเมริกากำลังหลอกลวงพวกเราทุกคน มันเป็นชาติที่มีแต่ความอ่อนแอ เช่นเดียวกับความผิดพลาดทางด้านอุดมการณ์ที่ผิดพลาดและสกปรก
เมื่อยืนยันเจตนารมณ์และคำประกาศออกมาเช่นนี้แล้ว ขบวนการมุสลิมที่ว่านี้ก็ตบท้ายด้วยข้อความว่า
"เราขอคัดค้านพวกยิวและอิสราเอล....ยิวจะต้องออกไปจากตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกาเองก็คือ ศัตรูของชาวอิสลามเช่นเดียวกับพวกยิวด้วย" (Hizb Ut Tahrir : An Open Letter from Hizb-Ut Tahri. December 13, 2002, London)
ขบวนการมุสลิมหัวรุนแรงหรือกลุ่มมุสลิมก่อการร้ายเหล่านี้ ได้ผ่านการเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกที่มีการก่อการร้ายอยู่ทั้งโลกนี้เป็นอย่างดีว่าจะต้องอยู่อย่างไร และในที่สุดเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาพร้อมกับการถูกกดขี่เบียดเบียนมาอย่างไม่ลดละ มุสลิมเหล่านี้จะต้องลงมือที่จะสู้ขึ้นมาบ้าง ประการแรกก็คือ การสร้างความรู้สึกเกลียดชัง และความรุนแรง (The Word and Sword) เป็นเครื่องมือวางแผนในการต่อสู้ และการฆ่าศัตรูคนที่ตนรู้สึกเกลียดผู้คนที่คิดว่าเป็นศัตรูทุกคนให้เป็นการกระทำภายใต้คำขวัญที่โก้เก๋ขึ้นมาโดยเรียกว่า "จีฮัจญ์-การรบเพื่อพระผู้เป็นเจ้า" (Jihad-holy war) ซึ่งการฆ่าการทำลายศัตรูที่ว่านี้เพื่อให้สามารถทำได้โดยไม่ต้องรอเหตุผลหรือความจำเป็นอะไรที่จะต้องหาเหตุผลอื่นมา นอกจากการฆ่าและการทำลายล้างเท่านั้น เพราะได้มีการอบรมสั่งสอนคนที่จะต้องฆ่าหรือรบเพื่อพระผู้เป็นเจ้าที่ว่านั้น ซึ่งได้มีการบิดเบือนมา 2 ประการคือ (1) เพื่อเป็นการทดสอบตัวเองโดยถือว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ (The Greater Jihad) (2) เป็นการทำสงครามหรือการใช้อาวุธปราบปรามคนนอกศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อย (The Esser Jihad) โดยหลักทั้ง 2 ประการนี้เองที่ทำให้นักรบมุสลิมพวกนี้กล้าพอที่จะยอมเอาตัวเองเป็นเหยื่อของการกระทำที่อาจจะต้องยอมตายไปด้วยหรืออะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่แคร์แม้แต่จะเป็นการฆ่าตัวตายก็เอา
อาจจะเป็นเช่นนั้นก็เป็นได้ที่มีข่าวว่าในกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่สุเหร่ากรือเซะใน 3 จังหวัดภาคใต้นั้น มีคนที่ไม่มีอาวุธและเตรียมสู้ด้วยมือเปล่าหรือนั่งรอความตายอยู่ในสุเหร่า ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าจะต้องเผชิญกับปืน และการปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่คนเหล่านี้ก็ยอมตาย และออกไปสู้กับตำรวจที่มีอาวุธเต็มมือ
แสดงว่าอนุศาสน์หรือบทเรียนที่ขบวนการก่อการร้ายพวกนี้ได้ทำมาเป็นเวลานานนับสิบๆ ปีนั้น ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
ใน 3 จังหวัดภาคใต้ พวกอุสตาซหลายคนถูกจับไปฟ้องร้องหรือนำไปนั่งรอเพื่อจะเข้าคุกต่อไปในอนาคต ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นใครในการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดนั้น เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แต่เราก็จะต้องทำไปตามหน้าที่ และเท่าที่มีโอกาสที่จะได้ทำ แต่เมื่อพูดกันแล้วจากวิธีการในการอบรมสั่งสอนหรือการยัดเยียดความคิดอ่านให้นักรบเพื่อพระเจ้าเหล่านี้ ก็พอจะมองเห็นว่ามันไม่น่าจะทำอะไรได้ง่ายๆ เพราะตัวจริงหรือคนที่ลงมือจริงๆ นั้น มันไม่มีตัวตนแน่ เพราะมันเป็นการร่วมกันทำทั้งขบวนการไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง เพราะทุกคนไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำก็ตาม ทุกคนที่เป็นชาวมุสลิมมีหน้าที่ในการมีชีวิตอยู่ทุกคน ก็จะคิดหรืออยู่เพื่อพระผู้เป็นเจ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เข้าคุกเข้าตารางหรือจะถูกยิงทิ้งก็ไม่มีอะไรที่จะต้องหวาดกลัวหรือจะต้องสนใจ
ถ้าใครคนใดคนหนึ่งตายไป คนมุสลิมที่มีชีวิตอยู่หรือเติบโตขึ้นมาก็จะต้องมาฆ่าหรือมาคิดบัญชีกันต่อไป
อเมริกาเป็นชาติที่เจริญสูงสุดทางด้านวิทยาศาสตร์และธุรกิจ ความสำเร็จของอเมริกาดูเหมือนว่าทั้งอเมริกาและคนทั้งโลกเชื่อกันว่าอเมริกาจะต้องครองโลก จะไม่มีประเทศไหนชาติใดที่จะแข่งขันทำลายอเมริกา และอารยธรรมของพวกผิวขาวได้ เฉพาะอย่างยิ่ง ในการทำสงครามเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ อเมริกาหรือกลุ่มประเทศจักรวรรดินิยมผิวขาวที่มีอเมริกาเป็นหัวหน้า จะไม่มีใครกล้าหาญเข้าไปเทียบ
แต่เท่าที่ได้มีคำทำนายทายทักจากนักสังเกตการณ์ก็จะเห็นชัดเจนว่าความยิ่งใหญ่ของอเมริกาจะลดลงทุกด้านทุกมุม เพราะในสงครามอิรัก แม้ว่าจะสามารถจับตัวประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน ได้สำเร็จ และจะเอาประชาธิปไตยคอร์รัปชันของอเมริกาเข้าไปครอบอิรักเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ตะวันออกกลาง แต่ปรากฏว่ามาถึงทุกวันนี้ สถานการณ์ในอิรักที่อเมริกาคุยโวไปทั่วพิภพ มันก็จะยังไม่มีวันสำเร็จได้ แม้ว่าทุกชั่วโมงจะยิงปืนยิงคนทิ้งระเบิดในอิรักเกือบหมดทุกเสี้ยวแผ่นดิน ความหวังของอเมริกาในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยขึ้นในตะวันออกกลางก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะทำได้สำเร็จ แม้แต่จะผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยไปแล้ว อเมริกาก็ทำอะไรไม่ได้
ชาวมุสลิมในอิรักไม่ยอมให้ทำ
ต่อให้มีระเบิดปรมาณู อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยิงข้ามมหาสมุทรไปไหนก็ได้ มันจะไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย เพราะคนมุสลิมที่คิดจะมาต่อสู้กับอเมริกานั้น ไม่มีผู้ก่อการร้ายคนไหนจะสู้กับอเมริกาด้วยอาวุธทันสมัย ด้วยจรวดหรืออาวุธปรมาณูได้
หลักวิชาในการสู้รบที่ได้รับการถ่ายทอดและสั่งสอนโดยพรรค Hizb ut Tahri ที่อเมริกานำมาใช้อยู่ในอิรักขณะนี้ มันบอกให้อเมริกาและสมุนบริวารรู้ว่าคนตะวันออกกลางจะใช้สงครามจรยุทธ์แบบที่ใช้ลอบยิงลอบระเบิดทำลายอย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้นั่นแหละ
เพราะว่าขบวนการก่อการร้าย Hizb Ut Tahri ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพรรคการเมืองตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายล้างคนนอกศาสนาที่กำลังเริ่มต้นเบาะๆ อยู่ในขณะนี้ ยืนยันว่ายุทธศาสตร์ยุทธวิธีในการต่อสู้ของพวกเขาเอามาจากตำราของมาร์กซ์-เลนินทั้งสิ้น
จะเรียกโก้ๆ ว่าพวกคอมมิวนิสต์พันธุ์ใหม่ก็ยังไหว