วานนี้ (8พ.ค.) แกนนำพรรคชาติไทย นำโดย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรค นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าว
โดย นายประภัตร กล่าว ชี้แจงถึงเรื่องการจัดสรรน้ำของกรมชลประทานหลังจากที่มี ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เก็บกุญแจประตูระบายน้ำไว้ว่า ปัจจุบันเรามีเขื่อน 2 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนต้นทุนน้ำที่ดูแลโดย กฟผ. และร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการผันน้ำส่งให้กับพื้นที่ต่าง ๆ
โดยในปีที่ผ่านมากรมชลประทานส่งน้ำให้ชลประทานได้ 6,500 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้ส่งได้เพียง 5,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากฝนแล้ง ซึ่งการจัดสรรของกรมชลประทานเป็นไปด้วยความถูกต้อง การที่มีนักการเมือง มาพูดว่าหัวหน้าพรรคชาติไทยเก็บกุญแจ ทำให้เสียหาย เพราะการจัดสรรน้ำมีคณะกรรมการดูแล ในส่วนของ ส.ส.นั้นก็ต้องลงไปดูพื้นที่ เมื่อพี่น้องชาวนาเดือดร้อน ก็ต้องมีการพูดกันและทำความเข้าใจ แต่ที่ผ่านมา เป็นการพูดของ ส.ส.ทำให้เกิดความ เข้าใจผิดเป็นการ เอาความดีใส่ตัว ความชั่วใส่คนอื่น จึงอยากให้ยุติ การพูดก้าวร้าวผู้ใหญ่
“เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับชาวนาจ.สุพรรณบุรีที่ได้รับความเดือดร้อนทั้ง 5 อำเภอ ก็ยืนยันได้ว่าไม่มีการเอาปูนไปปิดท่อน้ำตามที่มีการกล่าวหา การออกมาพูดดังกล่าว เป็นการโกหกคำโต การที่มาหาว่าหัวหน้าพรรคชาติไทยเอากุญแจไว้เป็นการสัพยอกโดยไม่ให้เกียรติกัน”
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะมีการใช้สโลแกนของ ส.ส.พรรคไทยรักไทยว่า หลังได้รับการเลือกตั้งจะมีน้ำทำนา เนื่องจากที่ผ่านมาชาวนาภาคกลางจะทำนาปีละ 2 ครั้ง แต่ปัจจุบันทำนาได้ 2 ปี 7 ครั้ง นักการเมืองคนนี้จึงไปหาเสียงว่าถ้าเลือกตนจะได้น้ำทำนาทั้งปี แต่ปีนี้กลับปรากฎว่ามีปัญหาภัยแล้ง แต่ชาวนาได้ทำนำไปแล้ว แต่ไม่มีน้ำ จึงวิ่งไปหา ส.ส.ให้ไปช่วยเจรจากับกรมชบประทาน แต่เนื่องจากน้ำแล้งวิกฤติมากไม่สามารถผันน้ำได้ ส.ส.คนดังกล่าวจึงโยนบาปให้หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งถือว่า เป็นการกล่าวร้ายและกล่าวเท็จ จึงเตรียมดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมกับนายประแสง มงคลศิริ และนายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.พรรคไทยรักไทย
“เรื่องการถือกุญแจนั้นถือเป็นการสัพยอกที่ไร้สัมมาคารวะ ไม่รู้จักเล็กจักโต ขอให้ผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยนำหนังสือสมบัติผู้ดีไปให้อ่าน จะได้รู้ว่าเด็กควรมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญอย่างไร ใครถือกุญแจให้ไปดูได้ที่คัตเอาท์ใหญ่ในจังหวัดที่เขียนว่ามี “พายัพ ต้องมีน้ำทำนา” เพราะประโยคนี้จะบอกได้ว่า ใครเป็นผู้ถือกุญแจตัวจริง”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตน นายบรรหาร และนายประภัตร เป็น ส.ส. มาหลายสมัย และเป็นถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ยังไม่เคยกล้าบอกกับประชาชน ในพื้นที่หรือขึ้นข้อความเช่นนั้น และไม่เคยบังคับให้รัฐมนตรี กรมชลประทานเปิดน้ำได้ แต่นักการเมืองคนที่ออกมาพูดนี้ออกมาพูดเพื่อเป็นการโยนบาปให้คนอื่น ไม่ถือว่า เป็นจรรยาบรรณที่ดีของนักการเมือง แต่เป็นความเหิมเกริม ดังนั้น จึงขอให้ประชาชน ดูว่าใครโกหกคำโต และเราจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยออกมาดำเนินการดังกล่าว คงไม่ได้เกิดจากผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยให้ท้าย แต่เป็นการแก้เกี้ยวของนักการเมืองคนดังกล่าวเองแล้วโยนบาปให้ผู้อื่น
ขณะที่นายเกษม ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคชาติไทย กล่าวว่า จะดำเนินคดี ผู้ที่ใส่ความทำให้หัวหน้าพรรคและพรรคชาติไทยได้รับความเสียหาย ส่วนเรื่อง ที่กล่าวหาว่าพรรคชาติไทยเป็นต้นตำรับในการปลอมวุฒิการศึกษา ถือว่ารุนแรง เกินกว่าที่จะรับได้ และจะฟ้องหมิ่นประมาทด้วย
ส่วนกรณีที่นายประแสง จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รอวหัวหน้าพรรคชาติไทยนั้น พรรคก็พร้อมที่จะดูแลคดีให้กับนายชูวิทย์ ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคด้วย
นายประภัตร กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวคงไม่บานปลาย เพราะขณะนี้ตนได้ประสานเพื่อนำลูกพรรคเข้าพบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในการหารือและทำความเข้าใจเรื่องการจัดน้ำในวันที่ 10 พ.ค.นี้ โดยต้องการให้เรื่องดังกล่าวยุติ ไม่เป็นประเด็นทางการเมือง.
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พรรคชาติไทยจะฟ้องนายประแสง กับนายพายัพว่า นักการเมืองกับการฟ้องร้องเป็นสิ่งคู่กัน หากใคร ที่ไปกล่าวหาคนอื่นและทำให้คนๆ นั้นถูกดูหมื่นก็ฟ้องหมิ่นประมาทได้
“แต่ผมอยากถามแกนนำพรรคชาติไทยด้วยว่าการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ นั้นได้รับการอนุมัติจากแกนนำพรรคแล้วหรือไม่จึงออกมาพูดเรื่องเหล่านี้ หากเป็นจริง แกนนำพรรคชาติไทยควรออกมารับรองการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ให้เป็นทางการ สังคมจะได้รู้ว่านายชูวิทย์กระทำการใดๆเป็นมติพรรคชาติไทยแล้ว”
น.ต.ศิธากล่าวว่า ทางที่ดีพรรคชาติไทยควรแต่งตั้งนายชูวิทย์เป็นโฆกพรรคจะดีกว่า เพราะการพูดของนายชูวิทย์ทุกครั้ง มักอ้างว่าหัวหน้าพรรคอนุญาต นายบรรหาร น่าจะออกมาบอกสังคมว่า นายชูวิทย์ได้รับอนุมัติจากพรรคให้เคลื่อนไหวเรื่องต่างๆจริง
นายภิมุขส สิมะโรจน์ รองโฆกพรรคกล่าวเสริมว่า เรื่องนี้พรรคชาติไทยสามารถ ฟ้องร้องได้ แต่พรรคมองว่าส.ส.ของพรรรคทั้งสองคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้นั้นกระทำไปในฐานะ ส.ส.ที่สามาถตรวจสอบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลได้
โดย นายประภัตร กล่าว ชี้แจงถึงเรื่องการจัดสรรน้ำของกรมชลประทานหลังจากที่มี ส.ส.พรรคไทยรักไทยออกมาระบุว่านายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เก็บกุญแจประตูระบายน้ำไว้ว่า ปัจจุบันเรามีเขื่อน 2 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนต้นทุนน้ำที่ดูแลโดย กฟผ. และร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการผันน้ำส่งให้กับพื้นที่ต่าง ๆ
โดยในปีที่ผ่านมากรมชลประทานส่งน้ำให้ชลประทานได้ 6,500 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้ส่งได้เพียง 5,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากฝนแล้ง ซึ่งการจัดสรรของกรมชลประทานเป็นไปด้วยความถูกต้อง การที่มีนักการเมือง มาพูดว่าหัวหน้าพรรคชาติไทยเก็บกุญแจ ทำให้เสียหาย เพราะการจัดสรรน้ำมีคณะกรรมการดูแล ในส่วนของ ส.ส.นั้นก็ต้องลงไปดูพื้นที่ เมื่อพี่น้องชาวนาเดือดร้อน ก็ต้องมีการพูดกันและทำความเข้าใจ แต่ที่ผ่านมา เป็นการพูดของ ส.ส.ทำให้เกิดความ เข้าใจผิดเป็นการ เอาความดีใส่ตัว ความชั่วใส่คนอื่น จึงอยากให้ยุติ การพูดก้าวร้าวผู้ใหญ่
“เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับชาวนาจ.สุพรรณบุรีที่ได้รับความเดือดร้อนทั้ง 5 อำเภอ ก็ยืนยันได้ว่าไม่มีการเอาปูนไปปิดท่อน้ำตามที่มีการกล่าวหา การออกมาพูดดังกล่าว เป็นการโกหกคำโต การที่มาหาว่าหัวหน้าพรรคชาติไทยเอากุญแจไว้เป็นการสัพยอกโดยไม่ให้เกียรติกัน”
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะมีการใช้สโลแกนของ ส.ส.พรรคไทยรักไทยว่า หลังได้รับการเลือกตั้งจะมีน้ำทำนา เนื่องจากที่ผ่านมาชาวนาภาคกลางจะทำนาปีละ 2 ครั้ง แต่ปัจจุบันทำนาได้ 2 ปี 7 ครั้ง นักการเมืองคนนี้จึงไปหาเสียงว่าถ้าเลือกตนจะได้น้ำทำนาทั้งปี แต่ปีนี้กลับปรากฎว่ามีปัญหาภัยแล้ง แต่ชาวนาได้ทำนำไปแล้ว แต่ไม่มีน้ำ จึงวิ่งไปหา ส.ส.ให้ไปช่วยเจรจากับกรมชบประทาน แต่เนื่องจากน้ำแล้งวิกฤติมากไม่สามารถผันน้ำได้ ส.ส.คนดังกล่าวจึงโยนบาปให้หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งถือว่า เป็นการกล่าวร้ายและกล่าวเท็จ จึงเตรียมดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมกับนายประแสง มงคลศิริ และนายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.พรรคไทยรักไทย
“เรื่องการถือกุญแจนั้นถือเป็นการสัพยอกที่ไร้สัมมาคารวะ ไม่รู้จักเล็กจักโต ขอให้ผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยนำหนังสือสมบัติผู้ดีไปให้อ่าน จะได้รู้ว่าเด็กควรมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญอย่างไร ใครถือกุญแจให้ไปดูได้ที่คัตเอาท์ใหญ่ในจังหวัดที่เขียนว่ามี “พายัพ ต้องมีน้ำทำนา” เพราะประโยคนี้จะบอกได้ว่า ใครเป็นผู้ถือกุญแจตัวจริง”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตน นายบรรหาร และนายประภัตร เป็น ส.ส. มาหลายสมัย และเป็นถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ยังไม่เคยกล้าบอกกับประชาชน ในพื้นที่หรือขึ้นข้อความเช่นนั้น และไม่เคยบังคับให้รัฐมนตรี กรมชลประทานเปิดน้ำได้ แต่นักการเมืองคนที่ออกมาพูดนี้ออกมาพูดเพื่อเป็นการโยนบาปให้คนอื่น ไม่ถือว่า เป็นจรรยาบรรณที่ดีของนักการเมือง แต่เป็นความเหิมเกริม ดังนั้น จึงขอให้ประชาชน ดูว่าใครโกหกคำโต และเราจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการที่ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยออกมาดำเนินการดังกล่าว คงไม่ได้เกิดจากผู้ใหญ่ในพรรคไทยรักไทยให้ท้าย แต่เป็นการแก้เกี้ยวของนักการเมืองคนดังกล่าวเองแล้วโยนบาปให้ผู้อื่น
ขณะที่นายเกษม ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคชาติไทย กล่าวว่า จะดำเนินคดี ผู้ที่ใส่ความทำให้หัวหน้าพรรคและพรรคชาติไทยได้รับความเสียหาย ส่วนเรื่อง ที่กล่าวหาว่าพรรคชาติไทยเป็นต้นตำรับในการปลอมวุฒิการศึกษา ถือว่ารุนแรง เกินกว่าที่จะรับได้ และจะฟ้องหมิ่นประมาทด้วย
ส่วนกรณีที่นายประแสง จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รอวหัวหน้าพรรคชาติไทยนั้น พรรคก็พร้อมที่จะดูแลคดีให้กับนายชูวิทย์ ในฐานะที่เป็นสมาชิกพรรคด้วย
นายประภัตร กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวคงไม่บานปลาย เพราะขณะนี้ตนได้ประสานเพื่อนำลูกพรรคเข้าพบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในการหารือและทำความเข้าใจเรื่องการจัดน้ำในวันที่ 10 พ.ค.นี้ โดยต้องการให้เรื่องดังกล่าวยุติ ไม่เป็นประเด็นทางการเมือง.
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พรรคชาติไทยจะฟ้องนายประแสง กับนายพายัพว่า นักการเมืองกับการฟ้องร้องเป็นสิ่งคู่กัน หากใคร ที่ไปกล่าวหาคนอื่นและทำให้คนๆ นั้นถูกดูหมื่นก็ฟ้องหมิ่นประมาทได้
“แต่ผมอยากถามแกนนำพรรคชาติไทยด้วยว่าการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ นั้นได้รับการอนุมัติจากแกนนำพรรคแล้วหรือไม่จึงออกมาพูดเรื่องเหล่านี้ หากเป็นจริง แกนนำพรรคชาติไทยควรออกมารับรองการเคลื่อนไหวของนายชูวิทย์ให้เป็นทางการ สังคมจะได้รู้ว่านายชูวิทย์กระทำการใดๆเป็นมติพรรคชาติไทยแล้ว”
น.ต.ศิธากล่าวว่า ทางที่ดีพรรคชาติไทยควรแต่งตั้งนายชูวิทย์เป็นโฆกพรรคจะดีกว่า เพราะการพูดของนายชูวิทย์ทุกครั้ง มักอ้างว่าหัวหน้าพรรคอนุญาต นายบรรหาร น่าจะออกมาบอกสังคมว่า นายชูวิทย์ได้รับอนุมัติจากพรรคให้เคลื่อนไหวเรื่องต่างๆจริง
นายภิมุขส สิมะโรจน์ รองโฆกพรรคกล่าวเสริมว่า เรื่องนี้พรรคชาติไทยสามารถ ฟ้องร้องได้ แต่พรรคมองว่าส.ส.ของพรรรคทั้งสองคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้นั้นกระทำไปในฐานะ ส.ส.ที่สามาถตรวจสอบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลได้