ปปง.เปิดยุทธการ"เอลลิคอทท์" ยึดทรัพย์อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมพวกรวม 10 จุด ยึดทรัพย์สิน ที่ได้จากการกระทำความผิดคดีทุจริตซื้อเรือขุดหัวสว่าน หลายรายการ มูลค่าร่วม 30 ล้านบาท
วานนี้(6 พ.ค.) เวลา 13.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.แถลงผลการตรวจยึดทรัพย์สินของ นายจงอาชว์ โพธิสุนทร อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า และอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม และ ของอดีตข้าราชการระดับสูงที่ร่วมกระทำความผิด รวม 7 คน ที่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อเรือขุดหัวสว่าน หลังจากเมื่อช่วงเช้า เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ได้กำลังเจ้าหน้าที่ ปปง. ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร พร้อมหมายศาล จำนวน 10 ฉบับ เข้าปิดล้อม ตรวจค้นสถานที่ต่างๆในเขตพื้นที่ กทม.,จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกันรวม 10 จุด ตามยุทธการเอลลิคอทท์ โดยสามารถยึดทรัพย์สินที่ได้ รวม 4 จุด
แยกเป็น 1 ที่บ้านเลขที่ 64/3 ม.ธรินภรณ์วิลล่า ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ยึดอายัดรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี ทะเบียน วย.7028 กทม. 1 คัน เงินสดในห่อกระดาษสีน้ำตาล ประมาณ 8 ล้านบาท เอกสาร 1 ถุง โฉนดที่ดินกว่า 20 ฉบับ และนายฬิกาข้อมือ 1 ถุง
2. ที่บ้านเลขที่ 6 ถ.เทศบาลนิมิตรใหม่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์สิน 2 รายการ คือ รถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน ษฐ 6015 กทม.และเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการจำนวน 3 กองใหญ่
3.บ้านเลขที่ 984/43 ถ.สุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าน ซีอาร์วี ทะเบียน วท 1897 กทม.และรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้าวิส ทะเบียน ษณ 3417 กทม.และ หลังสุดท้ายเป็นบ้านเลขที่ 80/550 ม.5 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ยึดรถเก๋งยี่ห้อ นิสสันซันนี่ ทะเบียน วฐ 7392 กทม.ใบหุ้นสามัญ ของบริษัทสยามมงคลเดินเรือ จำกัด มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท และโฉนดที่ดิน ในจ.สมุทรปราการ และเพชรบุรี จำนวน 35 ไร่ และกรมธรรมประกันชีวิต อีกหลายฉบับ รวมมูลค่าของกลางที่ยึดได้ ประมาณ 30 ล้านบาท
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กล่าวว่า การยึดทรัพย์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.47 สำนักงาน ปปง.ได้รับการประสานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เกี่ยวกับผลการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีข้าราชการกรมเจ้าท่า กระทำการทุจริตในการจัดซื้อเรือขุดแบบหัวสว่าน ซึ่งมี นายจงอาชว์ กับพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างตามสัญญาซื้อเรือขุดแบบหัวสว่าน จากบริษัท เอลลิคอทท์ แมชชีน คอร์ปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ขาย ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยคณะกรรมการตรวจจ้างดังกล่าว มีหน้าที่ตรวจรับงานให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามสัญญา แต่ได้อนุมัติจ่ายค่างวดที่บริษัทผู้ขาย ส่งมอบเครื่องยนต์ ผิดไปจากข้อสัญญา ซึ่งมีราคาสูงกว่ากันมาก โดยคณะกรรมการตรวจจ้างรู้อยู่แล้วว่า ส่งมอบเครื่องยนต์ผิดไปจากสัญญา และกรรมการบางส่วน ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ทำเอกสารรายงานผลการตรวจรับ ได้ร่วมกันทำการรับรองบันทึกรายงานผลการตรวจรับ เพื่อให้มีการอนุมัติจ่ายเงินค่าจ้างว่า ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งเป็นรับรองหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้นายจงอาชว์ กับพวกอนุมัติจ่ายเงินค่าสัญญา งวดที่ 2 ให้แก่บริษัทผู้ขาย อีกทั้ง ยังมีการตกลง เปลี่ยนแปลงข้อสัญญา ตามที่บริษัทผู้ขาย ขอแก้ไข ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บริษัทดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว
โดยการกระทำดังกล่าว เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมเจ้าท่า และกระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ต้องจ่ายเงินบางส่วนในสัญญางวดที่ 5 ให้แก่บริษัทผู้ขาย ตามสัญญาที่แก้ไขใหม่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,679,187.85 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 267,167,480 บาท
เลขา ปปง.กล่าวว่า คดีดังกล่าวทาง ป.ป.ช.มีมติว่า มีมูลความผิด จึงส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามหมายเลขคดีดำ ที่ 84/2547 และคดีหมายเลขดำ ที่ 274/2547 ซึ่งขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
และหลังจาก ปปง.ได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดมูลฐาน พ.ร.บ.ฟอกเงิน และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สิน เกี่ยวกับการกระทำความผิด มีการโอนหรือรับโอน และเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อน ปกปิดที่มาของทรัพย์สิน จึงได้ทำการเข้ายึดทรัพย์ตามรายการข้างต้นดังกล่าว
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กล่าวว่า ทาง ปปง.จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน ของผู้กระทำผิดทุกคน รวมถึงบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการ ติดตามเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด พร้อมทั้ง จะประสานไปยังพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินกับผู้เกี่ยวข้อง และจะพิจารณาแจ้งข้อมูลกับทางการ สหรัฐฯ ให้ดำเนินการกับบริษัทเอลลิคอทท์ อีกส่วนหนึ่งด้วย
วานนี้(6 พ.ค.) เวลา 13.00 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) พล.ต.ต.พีรพันธุ์ เปรมภูติ เลขาธิการ ปปง.แถลงผลการตรวจยึดทรัพย์สินของ นายจงอาชว์ โพธิสุนทร อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่า และอดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม และ ของอดีตข้าราชการระดับสูงที่ร่วมกระทำความผิด รวม 7 คน ที่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจัดซื้อเรือขุดหัวสว่าน หลังจากเมื่อช่วงเช้า เวลา 08.00 น.วันเดียวกัน ได้กำลังเจ้าหน้าที่ ปปง. ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร พร้อมหมายศาล จำนวน 10 ฉบับ เข้าปิดล้อม ตรวจค้นสถานที่ต่างๆในเขตพื้นที่ กทม.,จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกันรวม 10 จุด ตามยุทธการเอลลิคอทท์ โดยสามารถยึดทรัพย์สินที่ได้ รวม 4 จุด
แยกเป็น 1 ที่บ้านเลขที่ 64/3 ม.ธรินภรณ์วิลล่า ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ยึดอายัดรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี ทะเบียน วย.7028 กทม. 1 คัน เงินสดในห่อกระดาษสีน้ำตาล ประมาณ 8 ล้านบาท เอกสาร 1 ถุง โฉนดที่ดินกว่า 20 ฉบับ และนายฬิกาข้อมือ 1 ถุง
2. ที่บ้านเลขที่ 6 ถ.เทศบาลนิมิตรใหม่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์สิน 2 รายการ คือ รถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน ษฐ 6015 กทม.และเอกสารเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการจำนวน 3 กองใหญ่
3.บ้านเลขที่ 984/43 ถ.สุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ยึดรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าน ซีอาร์วี ทะเบียน วท 1897 กทม.และรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้าวิส ทะเบียน ษณ 3417 กทม.และ หลังสุดท้ายเป็นบ้านเลขที่ 80/550 ม.5 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ยึดรถเก๋งยี่ห้อ นิสสันซันนี่ ทะเบียน วฐ 7392 กทม.ใบหุ้นสามัญ ของบริษัทสยามมงคลเดินเรือ จำกัด มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท และโฉนดที่ดิน ในจ.สมุทรปราการ และเพชรบุรี จำนวน 35 ไร่ และกรมธรรมประกันชีวิต อีกหลายฉบับ รวมมูลค่าของกลางที่ยึดได้ ประมาณ 30 ล้านบาท
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กล่าวว่า การยึดทรัพย์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.47 สำนักงาน ปปง.ได้รับการประสานจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เกี่ยวกับผลการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีข้าราชการกรมเจ้าท่า กระทำการทุจริตในการจัดซื้อเรือขุดแบบหัวสว่าน ซึ่งมี นายจงอาชว์ กับพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างตามสัญญาซื้อเรือขุดแบบหัวสว่าน จากบริษัท เอลลิคอทท์ แมชชีน คอร์ปอเรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ขาย ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยคณะกรรมการตรวจจ้างดังกล่าว มีหน้าที่ตรวจรับงานให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามสัญญา แต่ได้อนุมัติจ่ายค่างวดที่บริษัทผู้ขาย ส่งมอบเครื่องยนต์ ผิดไปจากข้อสัญญา ซึ่งมีราคาสูงกว่ากันมาก โดยคณะกรรมการตรวจจ้างรู้อยู่แล้วว่า ส่งมอบเครื่องยนต์ผิดไปจากสัญญา และกรรมการบางส่วน ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ทำเอกสารรายงานผลการตรวจรับ ได้ร่วมกันทำการรับรองบันทึกรายงานผลการตรวจรับ เพื่อให้มีการอนุมัติจ่ายเงินค่าจ้างว่า ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งเป็นรับรองหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้นายจงอาชว์ กับพวกอนุมัติจ่ายเงินค่าสัญญา งวดที่ 2 ให้แก่บริษัทผู้ขาย อีกทั้ง ยังมีการตกลง เปลี่ยนแปลงข้อสัญญา ตามที่บริษัทผู้ขาย ขอแก้ไข ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บริษัทดังกล่าวแต่ฝ่ายเดียว
โดยการกระทำดังกล่าว เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมเจ้าท่า และกระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ต้องจ่ายเงินบางส่วนในสัญญางวดที่ 5 ให้แก่บริษัทผู้ขาย ตามสัญญาที่แก้ไขใหม่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,679,187.85 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 267,167,480 บาท
เลขา ปปง.กล่าวว่า คดีดังกล่าวทาง ป.ป.ช.มีมติว่า มีมูลความผิด จึงส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามหมายเลขคดีดำ ที่ 84/2547 และคดีหมายเลขดำ ที่ 274/2547 ซึ่งขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
และหลังจาก ปปง.ได้ทำการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้กระทำความผิดมูลฐาน พ.ร.บ.ฟอกเงิน และมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สิน เกี่ยวกับการกระทำความผิด มีการโอนหรือรับโอน และเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อน ปกปิดที่มาของทรัพย์สิน จึงได้ทำการเข้ายึดทรัพย์ตามรายการข้างต้นดังกล่าว
พล.ต.ต.พีรพันธุ์ กล่าวว่า ทาง ปปง.จะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน ของผู้กระทำผิดทุกคน รวมถึงบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการ ติดตามเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำผิด พร้อมทั้ง จะประสานไปยังพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินกับผู้เกี่ยวข้อง และจะพิจารณาแจ้งข้อมูลกับทางการ สหรัฐฯ ให้ดำเนินการกับบริษัทเอลลิคอทท์ อีกส่วนหนึ่งด้วย