สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงนำพระโอรส และหม่อมศรีรัศมิ์ฯ กลับวังศุโขทัยแล้ว ท่ามกลางความปลื้มปีติของประชาชนที่รอรับเสด็จนับพัน พร้อมทั้งส่งเสียงชื่นชมพระบารมีเซ็งแซ่ จนทำให้หม่อมศรีรัศมิ์ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ขณะที่คณะแพทย์เผยหม่อมศรีรัศมิ์ฯจะต้องพักฟื้นเป็นเวลา 1-2 เดือน จึงจะปฏิบัติภารกิจได้ โดยมีทีมแพทย์ทั้งสูตินรีเวชและกุมารเวชติดตามเข้าวังเพื่อถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
เวลาประมาณ 16.44 น.วานนี้ (6พ.ค.) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินออกจากห้องรับรองที่ประทับ อาคาร 72 ปี ชั้น 5 โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล ไปยังบริเวณโถงอาคารศิริราช 100 ปี โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเข็นรถที่หม่อมศรีรัศมิ์ฯในชุดคลุมท้องสีฟ้า ขณะอุ้มพระโอรสในผ้าห่อพระองค์สีโอลด์โรส ออกมา ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ประชาชนที่ไปเฝ้ารอรับเสด็จต่างปลื้มปีติยิ่งนัก
ทันทีที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ หม่อมศรีรัศมิ์ฯ พร้อมพระโอรส และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ปรากฏพระวรกาย ประชาชนนับพันที่รอรับเสด็จต่างส่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และทั่วทั้งบริเวณต่างตกอยู่ท่ามกลางเสียงชื่นชมพระบารมีเซ็งแซ่ ยังความปลาบปลื้มให้แก่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ฯ ได้แวะทักทายประชาชนและรับพวงมาลัยที่ประชาชนนำมาถวาย นำความปลาบปลื้มมาสู่ประชาชนที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระโอรส หม่อมศรีรัศมิ์ฯ และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะ และทรงกราบ จากนั้นหม่อมศรีรัศมิ์ฯวางพวงมาลาถวายสักการะและกราบ และพระราชทานให้ช่างภาพฉายพระรูป
ต่อมาได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่โถงอาคารศิริราช 100 ปี อีกครั้ง โดยครั้งนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงอุ้มพระโอรสด้วยพระองค์เอง โดยมีหม่อมศรีรัศมิ์ฯตามเสด็จอยู่เบื้องหลังและทักทายประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์ ซึ่งการเสด็จครั้งนี้สร้างความปีติให้แก่ประชาชนอย่างมาก บางคนถึงกับก้มลงกราบกับพื้น ขณะที่บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความปลาบปลื้ม
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ฯ พระโอรส และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ออกจากศาลาศิริราช 100 ปี เสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับวังศุโขทัย
ด้านน.พ.ศิริพงษ์ สวัสดิ์มงคล รองคณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ถวายรายงานแผนการดูแลหม่อมและพระโอรส ว่า หม่อมศรีรัศมิ์ฯ จะต้องพักฟื้นเป็นเวลา 1-2 เดือน จึงจะปฏิบัติภารกิจได้ โดยมีทีมแพทย์ทั้งสูตินรีเวชและกุมารเวช ติดตามเข้าวังเพื่อถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
สำหรับประชาชนที่มารับเสด็จต่างปลื้มใจ ไม่ย่อท้อต่ออากาศอันร้อนอบอ้าว โดยนางรลา ลาลุน วัย 55 ปี จาก จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีโอกาสถวายพวงมาลัยแด่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ อย่างใกล้ชิด กล่าวว่า วันนี้ได้มารับเสด็จ รู้สึกดีใจอย่างมาก ได้มาเห็นพระโอรสใกล้ๆ และได้ถวายพวงมาลัยด้วย แต่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น ซึ่งการนั่งแถวหน้าทำให้มีโอกาสใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนเองมารอรับเสด็จตั้งแต่บ่ายโมง กลัวจะไม่ได้เห็นพระโอรส และเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มาลงนามถวายพระพรด้วย
ขณะที่ ด.ญ.ชลนิภา แสงทอง หรือ น้องมายด์ เจ้าของเพลงเด็กดอยใจดี หลังจากเลิกเรียนก็ตรงมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อรอรับเสด็จ ซึ่งวันนี้น้องมายด์ได้นำตุ๊กตาไก่ และวีซีดีมาถวายเนื่องในโอกาสมีพระประสูติการ น้องมายด์ บอกว่า “ในปีนี้เป็นปีไก่ เลยนำตุ๊กตาไก่มาถวายพระพร”
ด้านนายชาญชัย เรืองวุฒิชนะพืช นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี อายุ 22 ปี ซาบซึ้งใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความดีใจ พร้อมทั้งได้นำพวงมาลัยมาถวายด้วยเช่นกัน และกล่าวว่า ขอให้พระโอรสมีพระพลามัยแข็งแรงสมบูรณ์
ส่วนบรรยากาศการลงนามถวายพระพรก่อนหน้านี้ ก็ยังมีประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องและมากกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา และก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดการที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ จะเสด็จพระราชดำเนินนำพระโอรสและหม่อมศรีรัศมิ์ฯกลับวังศุโขทัย ได้มีประชาชนจำนวนมากจับจองพื้นที่เพื่อจะได้มีโอกาสเฝ้าส่งเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา และพระโอรสอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นางแทน คันคุปต์ อายุ 79 ปี จากจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ได้มานั่งจองพื้นที่ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เพื่อรอส่งเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หม่อมศรีรัศมิ์ฯ และพระโอรส เพราะต้องการจะชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ นางดวงเดือน โพธิจันทร์ จากจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เดินทางเพื่อมารอเฝ้ารับและส่งเสด็จโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาติดตามข่าวมาตั้งแต่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ มีครรภ์ จนเมื่อทราบข่าวการมีพระประสูติการพระโอรส คนที่บ้านที่รู้ข่าวก็รู้สึกปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างมาก
ส่วนการจัดงานเฉลิมฉลองพระโอรสของกรุงเทพมหานคร(กทม.)นั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอให้มีพระบรมราชานุญาตเสียก่อน เช่นเดียวกับการเตรียมถวายสูติบัตรกรอบทองคำ
เวลาประมาณ 16.44 น.วานนี้ (6พ.ค.) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินออกจากห้องรับรองที่ประทับ อาคาร 72 ปี ชั้น 5 โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล ไปยังบริเวณโถงอาคารศิริราช 100 ปี โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเข็นรถที่หม่อมศรีรัศมิ์ฯในชุดคลุมท้องสีฟ้า ขณะอุ้มพระโอรสในผ้าห่อพระองค์สีโอลด์โรส ออกมา ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ประชาชนที่ไปเฝ้ารอรับเสด็จต่างปลื้มปีติยิ่งนัก
ทันทีที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ หม่อมศรีรัศมิ์ฯ พร้อมพระโอรส และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ปรากฏพระวรกาย ประชาชนนับพันที่รอรับเสด็จต่างส่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย และทั่วทั้งบริเวณต่างตกอยู่ท่ามกลางเสียงชื่นชมพระบารมีเซ็งแซ่ ยังความปลาบปลื้มให้แก่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ฯ ได้แวะทักทายประชาชนและรับพวงมาลัยที่ประชาชนนำมาถวาย นำความปลาบปลื้มมาสู่ประชาชนที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระโอรส หม่อมศรีรัศมิ์ฯ และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงวางพวงมาลาถวายสักการะ และทรงกราบ จากนั้นหม่อมศรีรัศมิ์ฯวางพวงมาลาถวายสักการะและกราบ และพระราชทานให้ช่างภาพฉายพระรูป
ต่อมาได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่โถงอาคารศิริราช 100 ปี อีกครั้ง โดยครั้งนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงอุ้มพระโอรสด้วยพระองค์เอง โดยมีหม่อมศรีรัศมิ์ฯตามเสด็จอยู่เบื้องหลังและทักทายประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์ ซึ่งการเสด็จครั้งนี้สร้างความปีติให้แก่ประชาชนอย่างมาก บางคนถึงกับก้มลงกราบกับพื้น ขณะที่บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความปลาบปลื้ม
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ฯ พระโอรส และหม่อมเจ้าสิริวัณวรี ออกจากศาลาศิริราช 100 ปี เสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับวังศุโขทัย
ด้านน.พ.ศิริพงษ์ สวัสดิ์มงคล รองคณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ถวายรายงานแผนการดูแลหม่อมและพระโอรส ว่า หม่อมศรีรัศมิ์ฯ จะต้องพักฟื้นเป็นเวลา 1-2 เดือน จึงจะปฏิบัติภารกิจได้ โดยมีทีมแพทย์ทั้งสูตินรีเวชและกุมารเวช ติดตามเข้าวังเพื่อถวายการดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
สำหรับประชาชนที่มารับเสด็จต่างปลื้มใจ ไม่ย่อท้อต่ออากาศอันร้อนอบอ้าว โดยนางรลา ลาลุน วัย 55 ปี จาก จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีโอกาสถวายพวงมาลัยแด่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ อย่างใกล้ชิด กล่าวว่า วันนี้ได้มารับเสด็จ รู้สึกดีใจอย่างมาก ได้มาเห็นพระโอรสใกล้ๆ และได้ถวายพวงมาลัยด้วย แต่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น ซึ่งการนั่งแถวหน้าทำให้มีโอกาสใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนเองมารอรับเสด็จตั้งแต่บ่ายโมง กลัวจะไม่ได้เห็นพระโอรส และเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มาลงนามถวายพระพรด้วย
ขณะที่ ด.ญ.ชลนิภา แสงทอง หรือ น้องมายด์ เจ้าของเพลงเด็กดอยใจดี หลังจากเลิกเรียนก็ตรงมายังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อรอรับเสด็จ ซึ่งวันนี้น้องมายด์ได้นำตุ๊กตาไก่ และวีซีดีมาถวายเนื่องในโอกาสมีพระประสูติการ น้องมายด์ บอกว่า “ในปีนี้เป็นปีไก่ เลยนำตุ๊กตาไก่มาถวายพระพร”
ด้านนายชาญชัย เรืองวุฒิชนะพืช นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี อายุ 22 ปี ซาบซึ้งใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ด้วยความดีใจ พร้อมทั้งได้นำพวงมาลัยมาถวายด้วยเช่นกัน และกล่าวว่า ขอให้พระโอรสมีพระพลามัยแข็งแรงสมบูรณ์
ส่วนบรรยากาศการลงนามถวายพระพรก่อนหน้านี้ ก็ยังมีประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องและมากกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา และก่อนหน้าที่จะถึงกำหนดการที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ จะเสด็จพระราชดำเนินนำพระโอรสและหม่อมศรีรัศมิ์ฯกลับวังศุโขทัย ได้มีประชาชนจำนวนมากจับจองพื้นที่เพื่อจะได้มีโอกาสเฝ้าส่งเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา และพระโอรสอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
นางแทน คันคุปต์ อายุ 79 ปี จากจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ได้มานั่งจองพื้นที่ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เพื่อรอส่งเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หม่อมศรีรัศมิ์ฯ และพระโอรส เพราะต้องการจะชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ นางดวงเดือน โพธิจันทร์ จากจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า เดินทางเพื่อมารอเฝ้ารับและส่งเสด็จโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาติดตามข่าวมาตั้งแต่หม่อมศรีรัศมิ์ฯ มีครรภ์ จนเมื่อทราบข่าวการมีพระประสูติการพระโอรส คนที่บ้านที่รู้ข่าวก็รู้สึกปลาบปลื้มปีติเป็นอย่างมาก
ส่วนการจัดงานเฉลิมฉลองพระโอรสของกรุงเทพมหานคร(กทม.)นั้น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอให้มีพระบรมราชานุญาตเสียก่อน เช่นเดียวกับการเตรียมถวายสูติบัตรกรอบทองคำ