ลินคอล์น เคยพูดไว้คล้ายดังนี้
“ท่านอาจจะหลอกคนบางคนได้ทุกเวลา ท่านอาจจะหลอกคนทุกคนได้บางเวลา แต่ท่านไม่อาจหลอกคนทุกคนได้ทุกเวลา”
ผมอยากจะมอบวลีข้างต้นนี้เป็นของขวัญให้รัฐบาล
พูดถึงรัฐบาล ก่อนที่ทักษิณจะขึ้นเป็นนายกฯ ผมเคยเขียนถึงพฤติกรรมของฝ่ายบริหารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองระดับสูง ว่าโกหกคนอื่นเสียจนกระทั่งตนเองหลงเชื่อ เช่น เชื่อว่าการเลือกตั้งไม่มีการซื้อเสียง เงินไม่มีความหมายในการเมืองไทย เมืองไทยไม่มีโสเภณี รัฐบาลนี้ไม่มีคอร์รัปชั่น ฯลฯ
ผมเขียนมานานแล้วถึงเรื่อง“โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ว่าเป็นพฤติกรรมหรือศิลปศาสตร์ที่นักการเมืองและรัฐบาลไทยช่ำชอง ผมไม่เคยต่อยอดหรือพาดพิงถึงนายกฯทักษิณหรือรัฐบาลปัจจุบัน ผมไม่เคยเล็งเป้าไปที่ตัวบุคคล ผมไม่ยี่หระว่าใครจะเป็นอะไร แต่ผมสนใจการกระทำว่าอะไรถูก-อะไรผิด และอะไรที่ผมคิดว่าจะเสียหายต่อส่วนรวมบ้านเมืองผมก็ท้วงติง ถึงแม้จะเป็นการเป่าปี่ใส่หูควาย มีแต่ความเชือนเฉย ผมก็ไม่ว่าอะไร
การ “โกหก”ของภาครัฐนั้น บางกรณีก็เป็นการโกหกหน้าด้านๆ แต่ส่วนมากจะเป็นการโกหกแบบมีเทคนิค ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ เคยทำวิจัยส่งมาให้ผมอ่านเล่มหนึ่ง เรื่องการเสนอหรือแสวงหาความจริงในระบบการเมืองไทย ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่อยากจะแนะนำให้ท่านที่สนใจไปหาอ่าน ตัวอย่างเบาๆเรื่องโกหกที่ไม่โกหกที่คนไทยรู้จักดี ก็คือเรื่องตำรวจไล่จับโจรที่วิ่งผ่านหน้าพระสงฆ์ไป เมื่อตำรวจถาม ท่าน ก็ก้าวออกจากที่ไปเสียหนึ่งก้าว แล้วตอบว่า ตั้งแต่อาตมายืนอยู่ตรงนี้ ยังไม่เห็นใครผ่านมาเลย สหภาพโซเวียตรายงานการแข่งรถ ว่ารถของตนเข้าหลักชัยเป็นคันที่ 2 ในขณะที่รถของสหรัฐฯทำได้แค่นำหน้าคันที่โหล่ ปิดบังว่ามีรถแข่งกัน 2 คันเท่านั้นเอง ไม่กี่วันนี้ ผมได้ยินแถลงข่าวทางทีวีว่า บัตรอีลิตยังขายได้ไม่ถึงหนึ่งล้าน จะต้องมีการโปรโมทเป็นการใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่ายังขาดอยู่เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเศษๆใช่หรือไม่ เพราะขายได้เพียง 1 ใบ หรือ 600ใบ แล้วบอกว่ายังไม่ถึงหนึ่งล้านก็ไม่โกหก แต่เป็นการผิดศีลมุสาทางใจ นักการเมืองและลิ่วล้อราชการชอบทำแบบนี้บ่อยๆ บางทีผู้ใหญ่ก็ถูกต้ม โดยฝ่ายประจำจับคำพูดยัดปากวันนี้ แล้วก็มาเปลี่ยนอีกในวันรุ่งขึ้น เช่นกรณีธนาคารชาติไทยกับนายกฯชวลิตเป็นต้น
เมื่อผมเขียนเรื่องผู้นำหน้าด้าน ผมก็รู้แล้วว่าใบไม้ในป่านั้นยังมีมากกว่าใบไม้ในกำมือมากนัก เรื่องคงจะไม่จบลงง่ายๆ และผมคงจะหยุดไม่ได้ที่ตอนเดียว ทั้งๆที่เรื่องยังไม่ได้ลงตีพิมพ์ ก็มีคนโทรมาขอข้อมูลและรายละเอียดกันแล้ว
ผมก็เรียนให้ทราบตรงๆว่าผมมิใช่พนักงานสอบสวน ไม่ใช่นักข่าวเจาะ ไม่ได้รับข้อมูลมาจากเครือข่ายที่ไหน เมื่อมีเรื่องครึกโครมผมก็สนใจเหมือนคนทั่วไป พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องซื้อขายเครื่องตรวจระเบิดเกี่ยวข้องกับ กฎหมายป้องกันคอร์รัปชันนอกประเทศสหรัฐฯหรือ Foreign Corruption Practices Act และบริษัทที่ขายเครื่องให้ไทย คือ InVision Technologies ผมก็แค่เปิดอินเทอร์เน็ตถาม www.google.com ดู ตามที่ผมได้เล่าในฉบับผู้นำหน้าด้านเท่านั้นเอง ข้อมูลสารพัดที่เมืองไทยถกเถียงโต้ตอบกันก็มีอยู่ในนั้นหมด อยากจะรู้ว่าใคร “โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ก็หาดูเอาได้ในนั้น
ผมขอแนะนำให้ผู้อ่าน องค์กรภาคประชาชนที่ต่อต้านคอร์รัปชัน นักศึกษานักวิชาการ หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐ ลองใช้www.google.com นี้เป็นแหล่งข้อมูลเสริมดู หากรู้จักเลือกที่เป็นเนื้อๆ ที่เป็นสำเนาเอกสารมหาชน ได้แก่คำสั่งศาล ข้อตกลงกับสำนักงานควบคุมตลาดหลักทรัพย์และหุ้นของสหรัฐฯ(คล้าย ก.ล.ต.ไทย) ก็จะรู้ข้อเท็จจริงหลายอย่าง ตลอดจนสิ่งที่ถูกปกปิดและขาดหายไป ไม่ทราบว่าใครปิดใคร หรือว่าทั้งเมืองไทยไม่มีใครรู้เรื่องดังกล่าวโดยสุจริตจริงๆ ซื่อ..กันทั้งประเทศ เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เมืองไทยก็จะเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง คือ เสียเวลา เสียเงิน เสียชื่อ และสนามบินสุวรรณภูมิเปิดไม่ทัน
ก่อนจะเขียนบทความนี้ ตอนเช้ามืดวันที่ 2 พฤษภาคม ผมได้อ่านคอลัมน์ “เซี่ยงเส้าหลง” เรื่อง InVision ตอนสอง ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของ “เซี่ยงเส้าหลง” ทุกประการ แต่เสียดายที่ “เซี่ยงเส้าหลง” ยังลอกข้อความที่สำคัญมายังไม่หมด ผมอ่านเนชั่นและฟังทีวีเพิ่มเติมพร้อมๆกัน รู้สึกเป็นห่วงนายกฯทักษิณจับใจ เพราะนายกฯเป็นคนเก่งที่ไม่เคยสงวนความเป็นคนเก่ง และแสดงความเก่งล้ำหน้าใครๆเสมอ การที่นายกฯออกมาปกป้องลูกน้องและรัฐบาลอย่างรวดเร็วรวบรัดและหนักแน่นอย่างนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกำกวมในเรื่องการขายตรงให้รัฐบาล คนฟังที่ไม่มีข้อมูลอาจจะสรุปเอาตามอุปาทานต่างๆนานาว่า นายกฯไม่รู้จริง นายกฯถูกต้ม นายกฯรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ฯลฯ ถ้าคนส่วนมากเข้าใจว่านายกฯปกป้องคนโกงเมื่อไร ก็จะต้องเริ่มนับถอยหลัง การเมืองนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อถือ ความจริงจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง สู้ความเชื่อไม่ได้ ในบางกรณีความเชื่อที่ผิดกลับมีพิษสงยิ่งกว่าความเชื่อที่ถูกก็มี
แต่ความจริงที่ผมจะคัดมาและแปลข้างล่างนี้ ถ้านายกฯไม่รู้ รมว.สุริยะรู้แต่ไม่บอกนายกฯ ใครจะปกปิดใครก็ตาม ย่อมอันตรายและเสียหายแก่บ้านเมือง
นี่เป็นข้อความตอนหนึ่งในคำฟ้องและคำสั่งศาล ในข้อตกลงยอมความของบริษัทกับสำนักงานควบคุมตลาดหลักทรัพย์และหุ้น(กลต.)ของอเมริกัน ข้อความในเอกสารทั้ง 3 เกือบจะตรงกันทุกถ้อยคำ ยกเว้นจะอยู่ในลำดับหัวข้อที่ต่างกัน ทั้งหมดนี้เป็นเอกสารมหาชนเป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ผมก็เอามาจากเว็บไซต์เหมือนกับ "เซี่ยงเส้าหลง" นั่นแหละ
ข้อความวรรคสุดท้ายจากข้อตกลงระหว่าง GE InVision กับ กลต.มีดังนี้ ผมขีดเส้นใต้ตัวเอนข้อความสำคัญเอง
13. In or about April 2004, the airport corporation, through its general contractor, agreed to purchase 26 of InVision's explosive detection machines from the InVision distributor in a sale InVision valued at approximately $35.8 million. Consummation of the transaction was deferred after InVision received notification of possible FCPA violations. InVision has not recognized any revenue from the transaction and has agreed that the transaction will proceed, if at all, only as a sale directly to the airport corporation or another Thai governmental entity
คำแปล 13.ในหรือประมาณเดือนเมษายน 2004(2547) บริษัทท่าอากาศยานไทย ผ่านบริษัทผู้รับเหมาคู่สัญญา ตกลงซื้อเครื่องมือตรวจระเบิดของ InVision จำนวน 26 เครื่อง จากตัวแทนจำหน่ายของ InVision ในราคาประมาณ 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งมอบตามสัญญาได้ถูกเลื่อนออกไป หลังจาก InVision ได้รับแจ้งว่า อาจจะมีการกระทำผิดที่เป็นการฝ่าฝืน FCPA InVision ยังมิได้รับเงินตามสัญญาซื้อขาย InVision ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการซื้อขายต่อไปนอกจากจะเป็นการซื้อขายตรงให้กับการท่าฯหรือหน่วยงานของรัฐบาลไทยเท่านั้น
ผมเห็นว่าข้อความข้างต้นเน้นแจ้งชัด ไม่มีอะไรคลุมเครือ บริษัทผู้ผลิตจะไม่ยอมขายเครื่องให้กับตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทอิตัลไทยแน่ๆ เช่นนี้ เมื่อไรจะมีการซื้อขาย เมื่อไรจะมีการส่งมอบ เมื่อไรจะมีการติดตั้ง ใครจะต้องถูกปรับ ใครจะต้องถูกฟ้อง เป็นเรื่องที่ต้องรีบคิดและหาคำตอบทั้งสิ้น หากเรื่องนี้การท่าฯ รมว.สุริยะ นายกฯทักษิณ ยังไม่รู้ หรือรู้แล้ว ยังไม่รับ หรือยังจะตะแบงไปปรึกษานักกฎหมายก่อนตามที่ให้สัมภาษณ์ ผมว่าพังแน่ๆ นายกฯทักษิณอาจจะไม่พัง แต่บ้านเมืองพัง!
หน้ากระดาษไม่อำนวยให้ผมแปลข้อ 11 – 12 และอื่นๆอีกเยอะแยะ ทุกอย่างที่นายกฯ ฝ่ายค้าน สื่อ หรือชาวบ้าน อยากรู้ ก็อยู่ในนั้นทั้งสิ้น ผมหวังว่า "เซี่ยงเส้าหลง" จะแปลต่อ ท่านผู้อ่าน บุคคล กลุ่มบุคคล และสถาบันที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนของนายกฯและรัฐบาล ก็อาจจะทำอย่างเดียวกัน เริ่มที่ www.google.com นี่แหละง่ายดี รับรองว่าสาวต่อไปได้ทั้งโลก
ขอขอบคุณ google เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องค้นแล้ว ยังเป็นเครื่องมือตรวจระเบิด และจับ “โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ของใครๆได้เสียด้วย
“ท่านอาจจะหลอกคนบางคนได้ทุกเวลา ท่านอาจจะหลอกคนทุกคนได้บางเวลา แต่ท่านไม่อาจหลอกคนทุกคนได้ทุกเวลา”
ผมอยากจะมอบวลีข้างต้นนี้เป็นของขวัญให้รัฐบาล
พูดถึงรัฐบาล ก่อนที่ทักษิณจะขึ้นเป็นนายกฯ ผมเคยเขียนถึงพฤติกรรมของฝ่ายบริหารไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองระดับสูง ว่าโกหกคนอื่นเสียจนกระทั่งตนเองหลงเชื่อ เช่น เชื่อว่าการเลือกตั้งไม่มีการซื้อเสียง เงินไม่มีความหมายในการเมืองไทย เมืองไทยไม่มีโสเภณี รัฐบาลนี้ไม่มีคอร์รัปชั่น ฯลฯ
ผมเขียนมานานแล้วถึงเรื่อง“โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ว่าเป็นพฤติกรรมหรือศิลปศาสตร์ที่นักการเมืองและรัฐบาลไทยช่ำชอง ผมไม่เคยต่อยอดหรือพาดพิงถึงนายกฯทักษิณหรือรัฐบาลปัจจุบัน ผมไม่เคยเล็งเป้าไปที่ตัวบุคคล ผมไม่ยี่หระว่าใครจะเป็นอะไร แต่ผมสนใจการกระทำว่าอะไรถูก-อะไรผิด และอะไรที่ผมคิดว่าจะเสียหายต่อส่วนรวมบ้านเมืองผมก็ท้วงติง ถึงแม้จะเป็นการเป่าปี่ใส่หูควาย มีแต่ความเชือนเฉย ผมก็ไม่ว่าอะไร
การ “โกหก”ของภาครัฐนั้น บางกรณีก็เป็นการโกหกหน้าด้านๆ แต่ส่วนมากจะเป็นการโกหกแบบมีเทคนิค ศ.ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ เคยทำวิจัยส่งมาให้ผมอ่านเล่มหนึ่ง เรื่องการเสนอหรือแสวงหาความจริงในระบบการเมืองไทย ผมจำรายละเอียดไม่ได้แล้ว แต่อยากจะแนะนำให้ท่านที่สนใจไปหาอ่าน ตัวอย่างเบาๆเรื่องโกหกที่ไม่โกหกที่คนไทยรู้จักดี ก็คือเรื่องตำรวจไล่จับโจรที่วิ่งผ่านหน้าพระสงฆ์ไป เมื่อตำรวจถาม ท่าน ก็ก้าวออกจากที่ไปเสียหนึ่งก้าว แล้วตอบว่า ตั้งแต่อาตมายืนอยู่ตรงนี้ ยังไม่เห็นใครผ่านมาเลย สหภาพโซเวียตรายงานการแข่งรถ ว่ารถของตนเข้าหลักชัยเป็นคันที่ 2 ในขณะที่รถของสหรัฐฯทำได้แค่นำหน้าคันที่โหล่ ปิดบังว่ามีรถแข่งกัน 2 คันเท่านั้นเอง ไม่กี่วันนี้ ผมได้ยินแถลงข่าวทางทีวีว่า บัตรอีลิตยังขายได้ไม่ถึงหนึ่งล้าน จะต้องมีการโปรโมทเป็นการใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่ายังขาดอยู่เก้าแสนเก้าหมื่นเก้าพันเศษๆใช่หรือไม่ เพราะขายได้เพียง 1 ใบ หรือ 600ใบ แล้วบอกว่ายังไม่ถึงหนึ่งล้านก็ไม่โกหก แต่เป็นการผิดศีลมุสาทางใจ นักการเมืองและลิ่วล้อราชการชอบทำแบบนี้บ่อยๆ บางทีผู้ใหญ่ก็ถูกต้ม โดยฝ่ายประจำจับคำพูดยัดปากวันนี้ แล้วก็มาเปลี่ยนอีกในวันรุ่งขึ้น เช่นกรณีธนาคารชาติไทยกับนายกฯชวลิตเป็นต้น
เมื่อผมเขียนเรื่องผู้นำหน้าด้าน ผมก็รู้แล้วว่าใบไม้ในป่านั้นยังมีมากกว่าใบไม้ในกำมือมากนัก เรื่องคงจะไม่จบลงง่ายๆ และผมคงจะหยุดไม่ได้ที่ตอนเดียว ทั้งๆที่เรื่องยังไม่ได้ลงตีพิมพ์ ก็มีคนโทรมาขอข้อมูลและรายละเอียดกันแล้ว
ผมก็เรียนให้ทราบตรงๆว่าผมมิใช่พนักงานสอบสวน ไม่ใช่นักข่าวเจาะ ไม่ได้รับข้อมูลมาจากเครือข่ายที่ไหน เมื่อมีเรื่องครึกโครมผมก็สนใจเหมือนคนทั่วไป พอจะรู้ว่าเป็นเรื่องซื้อขายเครื่องตรวจระเบิดเกี่ยวข้องกับ กฎหมายป้องกันคอร์รัปชันนอกประเทศสหรัฐฯหรือ Foreign Corruption Practices Act และบริษัทที่ขายเครื่องให้ไทย คือ InVision Technologies ผมก็แค่เปิดอินเทอร์เน็ตถาม www.google.com ดู ตามที่ผมได้เล่าในฉบับผู้นำหน้าด้านเท่านั้นเอง ข้อมูลสารพัดที่เมืองไทยถกเถียงโต้ตอบกันก็มีอยู่ในนั้นหมด อยากจะรู้ว่าใคร “โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ก็หาดูเอาได้ในนั้น
ผมขอแนะนำให้ผู้อ่าน องค์กรภาคประชาชนที่ต่อต้านคอร์รัปชัน นักศึกษานักวิชาการ หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐ ลองใช้www.google.com นี้เป็นแหล่งข้อมูลเสริมดู หากรู้จักเลือกที่เป็นเนื้อๆ ที่เป็นสำเนาเอกสารมหาชน ได้แก่คำสั่งศาล ข้อตกลงกับสำนักงานควบคุมตลาดหลักทรัพย์และหุ้นของสหรัฐฯ(คล้าย ก.ล.ต.ไทย) ก็จะรู้ข้อเท็จจริงหลายอย่าง ตลอดจนสิ่งที่ถูกปกปิดและขาดหายไป ไม่ทราบว่าใครปิดใคร หรือว่าทั้งเมืองไทยไม่มีใครรู้เรื่องดังกล่าวโดยสุจริตจริงๆ ซื่อ..กันทั้งประเทศ เรื่องจริงจะเป็นอย่างไร เมืองไทยก็จะเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง คือ เสียเวลา เสียเงิน เสียชื่อ และสนามบินสุวรรณภูมิเปิดไม่ทัน
ก่อนจะเขียนบทความนี้ ตอนเช้ามืดวันที่ 2 พฤษภาคม ผมได้อ่านคอลัมน์ “เซี่ยงเส้าหลง” เรื่อง InVision ตอนสอง ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอของ “เซี่ยงเส้าหลง” ทุกประการ แต่เสียดายที่ “เซี่ยงเส้าหลง” ยังลอกข้อความที่สำคัญมายังไม่หมด ผมอ่านเนชั่นและฟังทีวีเพิ่มเติมพร้อมๆกัน รู้สึกเป็นห่วงนายกฯทักษิณจับใจ เพราะนายกฯเป็นคนเก่งที่ไม่เคยสงวนความเป็นคนเก่ง และแสดงความเก่งล้ำหน้าใครๆเสมอ การที่นายกฯออกมาปกป้องลูกน้องและรัฐบาลอย่างรวดเร็วรวบรัดและหนักแน่นอย่างนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกำกวมในเรื่องการขายตรงให้รัฐบาล คนฟังที่ไม่มีข้อมูลอาจจะสรุปเอาตามอุปาทานต่างๆนานาว่า นายกฯไม่รู้จริง นายกฯถูกต้ม นายกฯรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ฯลฯ ถ้าคนส่วนมากเข้าใจว่านายกฯปกป้องคนโกงเมื่อไร ก็จะต้องเริ่มนับถอยหลัง การเมืองนั้นเป็นเรื่องของความเชื่อถือ ความจริงจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง สู้ความเชื่อไม่ได้ ในบางกรณีความเชื่อที่ผิดกลับมีพิษสงยิ่งกว่าความเชื่อที่ถูกก็มี
แต่ความจริงที่ผมจะคัดมาและแปลข้างล่างนี้ ถ้านายกฯไม่รู้ รมว.สุริยะรู้แต่ไม่บอกนายกฯ ใครจะปกปิดใครก็ตาม ย่อมอันตรายและเสียหายแก่บ้านเมือง
นี่เป็นข้อความตอนหนึ่งในคำฟ้องและคำสั่งศาล ในข้อตกลงยอมความของบริษัทกับสำนักงานควบคุมตลาดหลักทรัพย์และหุ้น(กลต.)ของอเมริกัน ข้อความในเอกสารทั้ง 3 เกือบจะตรงกันทุกถ้อยคำ ยกเว้นจะอยู่ในลำดับหัวข้อที่ต่างกัน ทั้งหมดนี้เป็นเอกสารมหาชนเป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยมานานแล้ว ผมก็เอามาจากเว็บไซต์เหมือนกับ "เซี่ยงเส้าหลง" นั่นแหละ
ข้อความวรรคสุดท้ายจากข้อตกลงระหว่าง GE InVision กับ กลต.มีดังนี้ ผมขีดเส้นใต้ตัวเอนข้อความสำคัญเอง
13. In or about April 2004, the airport corporation, through its general contractor, agreed to purchase 26 of InVision's explosive detection machines from the InVision distributor in a sale InVision valued at approximately $35.8 million. Consummation of the transaction was deferred after InVision received notification of possible FCPA violations. InVision has not recognized any revenue from the transaction and has agreed that the transaction will proceed, if at all, only as a sale directly to the airport corporation or another Thai governmental entity
คำแปล 13.ในหรือประมาณเดือนเมษายน 2004(2547) บริษัทท่าอากาศยานไทย ผ่านบริษัทผู้รับเหมาคู่สัญญา ตกลงซื้อเครื่องมือตรวจระเบิดของ InVision จำนวน 26 เครื่อง จากตัวแทนจำหน่ายของ InVision ในราคาประมาณ 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งมอบตามสัญญาได้ถูกเลื่อนออกไป หลังจาก InVision ได้รับแจ้งว่า อาจจะมีการกระทำผิดที่เป็นการฝ่าฝืน FCPA InVision ยังมิได้รับเงินตามสัญญาซื้อขาย InVision ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการซื้อขายต่อไปนอกจากจะเป็นการซื้อขายตรงให้กับการท่าฯหรือหน่วยงานของรัฐบาลไทยเท่านั้น
ผมเห็นว่าข้อความข้างต้นเน้นแจ้งชัด ไม่มีอะไรคลุมเครือ บริษัทผู้ผลิตจะไม่ยอมขายเครื่องให้กับตัวแทนจำหน่ายหรือบริษัทอิตัลไทยแน่ๆ เช่นนี้ เมื่อไรจะมีการซื้อขาย เมื่อไรจะมีการส่งมอบ เมื่อไรจะมีการติดตั้ง ใครจะต้องถูกปรับ ใครจะต้องถูกฟ้อง เป็นเรื่องที่ต้องรีบคิดและหาคำตอบทั้งสิ้น หากเรื่องนี้การท่าฯ รมว.สุริยะ นายกฯทักษิณ ยังไม่รู้ หรือรู้แล้ว ยังไม่รับ หรือยังจะตะแบงไปปรึกษานักกฎหมายก่อนตามที่ให้สัมภาษณ์ ผมว่าพังแน่ๆ นายกฯทักษิณอาจจะไม่พัง แต่บ้านเมืองพัง!
หน้ากระดาษไม่อำนวยให้ผมแปลข้อ 11 – 12 และอื่นๆอีกเยอะแยะ ทุกอย่างที่นายกฯ ฝ่ายค้าน สื่อ หรือชาวบ้าน อยากรู้ ก็อยู่ในนั้นทั้งสิ้น ผมหวังว่า "เซี่ยงเส้าหลง" จะแปลต่อ ท่านผู้อ่าน บุคคล กลุ่มบุคคล และสถาบันที่สนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนของนายกฯและรัฐบาล ก็อาจจะทำอย่างเดียวกัน เริ่มที่ www.google.com นี่แหละง่ายดี รับรองว่าสาวต่อไปได้ทั้งโลก
ขอขอบคุณ google เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องค้นแล้ว ยังเป็นเครื่องมือตรวจระเบิด และจับ “โกหก-ปกปิด-บิดเบือน-เชือนเฉย” ของใครๆได้เสียด้วย