xs
xsm
sm
md
lg

ใครหรือทำไมจึงต้องมาก่อการร้าย (1)

เผยแพร่:   โดย: ยอดธง ทับทิวไม้

tavanron@yahoo.com

ไม่เคยมีใครคิดว่าจะมีผู้ก่อการร้ายมุสลิมจากต่างประเทศมานั่งกินนอนกินอยู่ในภาคอีสานคนหนึ่งชื่อ ฮัมบาลี แต่อยู่มาจนจะเป็นคนอีสานไปแล้ว แต่ไม่นานนักก็ได้ทราบว่า ฮัมบาลีคนนี้ถูกตำรวจจับไปเพราะมีหน้าที่จับ แต่คนที่ต้องการให้จับหรือบอกกล่าวให้จับนั้น เป็นซีไอเอหรือเป็นอเมริกันที่มาหากินกันอยู่ในเมืองไทย

ที่ถูกจับก็เพราะว่า ฮัมบาลีคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นหัวหน้าผู้ก่อการร้ายคน

หนึ่งของอินโดนีเซีย ซึ่งองค์การก่อการร้ายที่มีชื่อเสียงของอินโดนีเซียที่ฮัมบาลีเป็นหัวหน้าอยู่เรียกกันสั้นๆ ว่า "เจไอ" หรือ "เจมา อิสลามิยา" (J.I. Jemaah Islamiya) ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับ บิน ลาดิน แห่งกลุ่มอัลกออิดะห์ก็ได้ ก็เป็นอันว่าผู้ก่อการร้ายที่หยิบฉวยเอาเครื่องบินขนาดใหญ่นั่งไปชนตึกระฟ้านั้น มันไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน แต่เป็นคนในเอเชียเรานี่เอง

และประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ผู้ก่อการร้ายคนไหนจะเข้ามากินมานอนยังไงก็ได้ แต่มันทำให้อเมริกาจะเฉยเมยหรือนั่งดูดายไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายในเอเชียให้เป็นการเป็นงานไปเลย หรืออเมริกาเองก็ต้องมีผลพลอยได้จากความเคลื่อนไหวของชาวมุสลิมกลุ่มนี้ โดยที่คนมุสลิมในเมืองไทยไม่เคยก่อความวุ่นวายใดๆ ในประเทศไทย และคนไทยมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ไทย แต่คราวนี้มันต้องได้ประโยชน์อย่างใดหนึ่งอย่างหนึ่งแน่นอน ตามนโยบายเข้าครองโลกที่ได้กำหนดไว้แล้ว ให้ฮัมบาลีไปนอนอยู่ในคุกอเมริกาก่อน เอเชียยังมีอีกสองสามประเทศที่มีผู้ก่อการร้ายที่อเมริกายังควบคุมไว้ในมือไม่ได้ นั่นคือผู้ก่อการร้ายอีกกลุ่มหนึ่งในฟิลิปปินส์ที่มีชื่อว่า "ขบวนการโมโร" นั่นก็ก่อการร้ายให้ปวดเศียรเวียนเกล้ามานานหลายปีแล้ว จะไปจับตรงไหนดมก็ไม่ได้ฟิลิปปินส์นั้นก็เป็นเอเชียเหมือนกัน

ไม่เพียงเท่านั้น มาเลเซียก็เป็นชาติหนึ่งในเอเชีย แต่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ซึ่งได้มีการตกลงกันอย่างเป็นทางการกับอเมริกัน และประเทศเอเชียหลายประเทศว่าประเทศเหล่านี้จะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างระเบิดปรมาณูใดๆ เด็ดขาด แต่มาเลเซียก็ทำการค้ากับลิเบีย และเป็นผู้จัดส่งอุปกรณ์ทำระเบิดปรมาณูไปให้ลิเบียอีกด้วย ซึ่งมาเลเซียก็บอกว่าไม่รู้ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอะไร บริษัทของเขามีหน้าที่ขนส่ง เขาก็รับส่งไป

อเมริกาก็เต้นเป็นบ้าไป เป็นการขัดคำสั่งอย่างมีเจตนาหรือผิดข้อตกลงที่ต้องพูดกัน เพราะมองไปว่าการที่มาเลเซียทำเช่นนั้น อเมริกาถือว่าเป็นการสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งลิเบียก็เป็นประเทศหนึ่งที่ในความคิดของอเมริกาถือว่าเป็นประเทศผู้ก่อการร้ายเฉพาะการก่อการร้ายกับอเมริกันและเป็นภัยต่อมนุษยชาติ

แต่การออกคำสั่งให้ประเทศมาเลเซียยอมงอตีนงอมืออยู่ภายใต้คำสั่งบ้าๆ นั้น มันเป็นไปไม่ได้ เพราะตราบใดที่มาเลเซียเป็นประเทศเอกราช ก็มีสิทธิที่จะทำมาหากินทุกอย่างทุกเรื่องที่ทำกันอยู่ในโลก แต่สำหรับอเมริกาคิดว่าตนเท่านั้นที่จะต้องครองโลก ทำให้ต้องวางมาตรการต่างๆ และกำหนดนโยบายเอาตามความพอใจ และใครจะทำให้ไม่พอใจแล้วอเมริกายอมไม่ได้ ก็ต้องหาทางแก้กันต่อไป

บรรดาประเทศในเอเชียด้วยกันที่พร้อมต่อการเป็นสมุนบริวารที่ว่านอนสอนง่ายของอเมริกามาทุกยุคทุกสมัยน่าจะมีประเทศไทยเพียงประเทศเดียว ซึ่งจากประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ผ่านมาหลายต่อหลายทศวรรษ ไทยเป็นประเทศเดียวที่อเมริกาจะพูดได้ทุกเรื่อง และทำได้ทุกอย่างในการที่จะให้ประเทศนี้เป็นเครื่องมือ เป็นหัวหอกหรือเป็นสมุนบริวารตามแผนต่างๆ ที่อเมริกาได้กำหนดไว้เพื่อผลประโยชน์ของอเมริกาเองก็ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาประเทศไทยค่อนข้างช้าเกินไปเล็กน้อย

แต่เพราะความว่านอนสอนง่ายของไทย ทำให้การเข้ามาสร้างความยุ่งยาก และแทรกแซงประเทศไทยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างเอะอะโครมครามให้เกิดความรู้สึกแก่คนไทย และคนเอเชียเกินความจำเป็นเกินไป นอกจากส่งเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับและกองทัพ การใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำหรับเข้าไปแทรกแซงประเทศอื่นๆ ในเอเชียได้ตามความพอใจของตน เพื่อรอคอยจังหวะอันเหมาะสมที่จะรณรงค์ต่อไปถึงขั้นเอาเป็นเอาตายกันในวันข้างหน้า ถือว่าการก่อการร้ายในประเทศไทยนั้นมาช้ากว่าที่อื่น แต่ก็ต้องทำกันจริงๆ สักวันหนึ่งตามแผนที่อเมริกันกำหนดไว้

เพราะฉะนั้นเหตุการณ์อย่างการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดภาคใต้จึงได้เกิดขึ้นอย่างที่เห็นกันอยู่อย่างในขณะนี้ ซึ่งมันได้เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ มาก่อนที่จะทำกันอย่างเปิดเผยที่เริ่มขึ้นเมื่อวันปล้นปืนในเดือนมกราคม 2547 ที่ผ่านมา

มันเกิดขึ้นอย่างไรหรือเพราะอะไรนั้น ก็มีแต่การคาดเดาและวิพากษ์วิจารณ์กันไปทุกฝ่าย แต่ไม่ค่อยจะมีใครย้ำลงไปว่าผู้ก่อการร้ายหรือการก่อการร้ายกลุ่มนี้นั้น เป็นชาวมุสลิมที่อเมริกาสร้างขึ้นในอัฟกานิสถาน หรือเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไปเป็นของตนเอาจริงๆ หรือเพราะว่าหัวหน้าใหญ่ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ถูกฆ่าถ่วงน้ำไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่

ข้อเท็จจริงเหล่านี้ ไม่สมควรที่จะนำมาพูดกันในตอนนี้

ยังมีเวลาอีกมากที่คนไทยจะได้เรียนรู้ และติดตามศึกษาสถานการณ์เหล่านี้กันต่อไป

ตอนนี้ก็เอากันแต่เพียงว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด หรือประเทศที่เป็นสมุนบริวารที่สำคัญทุกประเทศของอเมริกา ต่างก็มีความวุ่นวายและมีขบวนการก่อการร้ายภายในประเทศของตนที่ทำให้เดือดร้อนกันอยู่ แต่เมืองไทยไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายอะไรเหมือนฟิลิปปินส์หรือเหมือนอินโดนีเซีย เพราะฉะนั้นการที่อเมริกาจะหาเหตุ และอ้างว่าจะต้องเข้ามาให้ความคุ้มครองและให้การช่วยเหลือนั้น มันจะต้องเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงพอที่จะให้อเมริกาอ้างได้ว่าจะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยที่คนไทย และรัฐบาลไทยอมรับได้อย่างชื่นอกชื่นใจ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้เป็นวิธีการอันสำคัญที่อเมริกาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศทุกแห่งในโลก อย่างในประเทศไทย อเมริกาก็ใช้วิธีการนี้ โดยอ้างว่าอเมริกามีเหตุผลที่จะต้องส่งกำลังทหารเข้ามาคุ้มครองมาใช้สนามบิน การฝึกทหาร และกองพลเฉพาะกิจหรือ ฉก.ของซีไอเอที่มีชื่อกองพล 39 ให้เข้ามาประจำการอยู่ที่เชียงใหม่ซึ่งไทยไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งข้ออ้างก็รวมอยู่ในเรื่องการต่อสู้ปราบปรามผู้ก่อการร้ายที่ถือว่าอเมริกาเป็นศัตรูที่จะต้องทำลายให้เรียบนั่นเอง นั่นเป็นนโยบายหลักหรือจุดประสงค์แท้ๆ ของอเมริกา เฉพาะการร่วมกันฝึกในโครงการ "คอบบรา โกลด์"

เป็นอันว่า การควบคุมประเทศไทย และประเทศสมุนบริวารอื่นๆ ให้ทำตามความต้องการได้ทุกประเทศโดยไม่ต้องลงทุนลงรอนอย่างใด เพียงแต่ผู้นำอเมริกันจะแสดงความเห็นอกเห็นใจในลักษณะตบหัวลูบหลังต่อประเทศสมุนบริวารทุกรายว่าอเมริกาจะไม่ทอดทิ้ง และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือซึ่งบางประเทศที่เปิดเผยกันออกมาอย่างฟิลิปปินส์ซึ่งนอกจากการช่วยเหลืออื่นๆ แล้ว ก็ยังมีเงินก้อนใหญ่ทุ่มให้ด้วย

ในขณะที่ประเทศสมุนบริวารที่ก้มหน้าก้มตายอมรับความเอ็นดูของขบวนการล่าเมืองขึ้นเป็นอยู่ดังนี้ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเองหรือเป็นประเทศสมุนบริวารทั้งหมดที่นั่งก้มหน้าเมตตาคอยรับความเอ็นดูอย่างไม่สิ้นสุดทั้งหมด ก็น่าจะรู้กันอยู่เต็มอกว่า ผู้ก่อการร้ายจะเกิดขึ้น ใครนำมันเข้ามา และใครเป็นคนควบคุมในการปฏิบัติงานของมัน เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสนใจ สำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้ แต่ในระหว่างที่มีการปล้นปืนกันนั้น มีหลักฐานแน่นอนก็คือมีซีไอเอจำนวนหนึ่งอยู่ที่นั่นด้วย และยังช่วยทางการไทยหาปืนที่ปล้นอยู่

นอกนั้นไม่มีใครรู้หรือไม่มีใครยอมรับรู้ นอกจากนั่งสาปแช่งและประณามกันไปวันๆ

คุยโต โกหกมดเท็จไปวันๆ

อย่างใน 3 จังหวัภาคใต้ของไทยซึ่งเคยรู้กันว่ามันเป็นเพียงพวก "โจรกระจอก" หรือจะใช้เวลา 10 วัน 20 วันก็สามารถแก้ไขได้อย่างที่บุคคลสำคัญของชาติเคยกล่าวไว้ แต่ในที่สุดก็ทำไม่ได้ เพราะว่าโจรกระจอกหรือตัวอะไรพวกนั้น เป็นเพียงพวก "คนไม่รักชาติ" และ "ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง" หรือเพื่อ "การก่อกวน" เท่านั้น

แต่มันดูเหมือนไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตลอดเวลาปีเศษๆ ที่มันเกิดขึ้นมา และบ้านเมืองค่อยๆ ฉิบหายไปทั้งด้านกำลังใจของผู้คนในภาคใต้ และการทำมาหากินของประชาชน การท่องเที่ยวแทนที่จะเบาบางลง ปรากฏว่ามีแต่ความรุนแรงเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน

บางวันการวางระเบิด การยิงผู้คนทิ้งกลางวันแสกๆ ก็ยังทำกันอยู่ แต่จับมือใครดมไม่ได้ และเลยมาถึงการลอบทำลายรางรถไฟเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ทำให้คาดหมายได้ว่ายังจะมีเรื่องสนุกๆ กันต่อไปอีก

แต่ความจริงแล้วเรื่องการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นนี้ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังได้มีการนำมาศึกษาพิจารณากันแล้ว ในคณะกรรมการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชาติของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาของคณะอนุกรรมการตะวันออกกลาง (Comittee on Middle East and Central Asia) ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้ ดร. อาเรียล โคเฮน ได้เคยเขียนรายงานไว้ในบทความชื่อว่า "อิสลามหัวรุนแรง สหรัฐอเมริกา และผลประโยชน์ในตะวันออกกลาง" (Radical Islam and U.S. Interests in Central Asia) ชัดเจน ถึงใครจะโง่ขนาดไหนก็ตาม รายงานนี้น่าจะพอช่วยให้หายงุนงงได้พอสมควรทีเดียว

เรื่องจริงและความจริงในรายงานชิ้นนี้มีว่า

"โครงการในการใช้อำนาจเพื่อจะเข้าครองโลกทั้งโลกจากการประกาศสงครามต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทำให้เกิดปัญหาใหม่ๆ ขึ้น เฉพาะปัญหาที่เกิดจากท่าทีของผู้ปกครองบ้านเมือง นักวิชาการ และประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ ต่อการเข้ามาแทรกแซงของอเมริกาในประเทศเหล่านั้น มีการพูดหรือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความกระหายของอเมริกาที่จะใช้อำนาจเข้าไปควบคุมครอบครองโลก การเข้าไปมีอำนาจในประเทศเอเชียกลางในขณะนี้ มันได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปในทางใด และมันเปลี่ยนแปลงอย่างไรในดุลอำนาจของภูมิภาคนั้น และที่สำคัญก็คือ มันจะเกิดอะไรขึ้นแก่เอเชียกลางในอนาคต เหตุการณ์ทางด้านการเมือง และสถานการณ์ต่างๆ มันคืออะไร ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อการเข้าไปเป็นพี่เบิ้มในย่านนี้ และอเมริกามีวิธีการอย่างไรในการที่จะเผชิญหน้ากับมัน เฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในเอเชียกลาง ปัญหาที่อเมริกาจะต้องทำก็คือ จะทำอย่างไรกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่นั่น และการไปทำสงครามอยู่ในอิรักนั้น จะเกิดอะไรขึ้นแก่สหรัฐอเมริกา ทุกปัญหาเหล่านี้กำลังรอคำตอบกันอยู่"

สำหรับผู้อ่านที่ไม่คุ้นกับปัญหาระหว่างประเทศในย่านเอเชียกลางจะต้องสงสัยก็คือคำว่า เอเชียกลาง นั้น มันที่ไหนกันแน่ และมีความสำคัญอย่างไร ก็ขอบอกกล่าวให้เข้าใจกันเสียเลยว่า คำว่าเอเชียกลางนี้หมายถึง ประเทศมุสลิมตั้งแต่ในรัสเซีย เป็นต้นมา จนกระทั่งอัฟกานิสถานซึ่งประเทศเหล่านี้เป็นมุสลิมที่มีชื่อตัวสุดท้ายว่า "สถาน" เช่น อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และอีกหลายประเทศที่จะมีชื่อลงท้ายอย่างเดียวกัน

ประเทศเหล่านี้ว่ากันตามจริงแล้วส่วนมากจะเป็นประเทศที่ล้าหลังยากจน สมัยที่รัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ก็เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหลายประเทศ ประเทศเหล่านี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิดที่ยังไม่ได้มีการขุดค้น ที่มีอยู่มากมายมหาศาลก็คือ น้ำมัน และแก๊ส ดินแดนบริเวณนี้ได้มีการแย่งชิง และทำสงครามกันมาในสมัยก่อนไม่เคยได้หยุด เฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศล่าเมืองขึ้นที่ฉกาจกล้าที่สุด เคยเข้าไปแสดงอำนาจปาฏิหาริย์ถึงสองหน แต่ก็แพ้พวกชาวมุสลิมเจ้าของถิ่น จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัสเซียได้นำลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าไปยื่นให้คอมมิวนิสต์อัฟกานิสถานที่นั่น จนกระทั่งประเทศอัฟกานิสถานกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ และมีรัสเซียเป็นสหายมาหลายปี
กำลังโหลดความคิดเห็น