นายบรรจง แซ่อึ้ง เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ.นครปฐม เปิดเผยถึงสถานการณ์การเลี้ยงไก่ไข่หลังวิกฤติการณ์โรคไข้หวัดนกว่า ปัญหาราคาไข่แพงในปัจจุบันเกิดจากขณะนี้สถานการณ์การเลี้ยงไก่ไข่ อยู่ในมือของนายทุนผู้เลี้ยงรายใหญ่เกือบทั้งหมด ทำให้สามารถควบคุมปริมาณการเลี้ยงตามปริมาณการบริโภคได้
จากสถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้ควบคุมกลไกการขึ้น-ลงของไข่ไก่ได้ด้วย
"ตอนนี้ผู้เลี้ยงรายใหญ่สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้หมด เพราะมีผู้เลี้ยงอยู่ไม่กี่ราย เข้าข่ายผูกขาด
สามารถควบคุมปริมาณไข่ได้พอดีกับการบริโภค ขณะเดียวกันก็มีการทำกิจกรรมกันอยู่เรื่อยๆ เพื่อทำให้ไข่ไก่มีราคา
เช่นที่ผ่านมาพอราคาไข่ไก่ตกก็นำไปฝังทิ้งเพื่อดึงราคา" นายบรรจง กล่าว
นายบรรจง กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาราคาไข่ไก่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากมีผู้เลี้ยงรายย่อยคอยถ่วงดุลไว้ ราคาเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ไม่มีใครสามารถควบคุมกลไกของราคาได้ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาคือผู้เลี้ยงรายย่อย
ในแถบจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ส่งไข่ไก่เข้ากรุงเทพฯ ยังไม่สามารถนำเข้าไก่ไข่เพื่อเลี้ยงรอบใหม่ได้และยังไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ได้ด้วย
สำหรับปัญหาหลักๆ ที่เกษตรกรไม่สามารถกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ได้นั้น เป็นผลมาจากกลไกของกรมปศุสัตว์เป็นสำคัญ ที่ผ่านมาทางกรมมักใช้ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นตัวสกัดกั้นการเลี้ยงของเกษตรกรรายย่อย ถ้าเกษตรกรรายย่อยจะเลี้ยง ต้องทำเป็นฟาร์มระบบปิดเท่านั้น
ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก เมื่อสถาบันการเงินเห็นเป็นรายย่อยก็ไม่กล้าให้สินเชื่อ
"ก่อนหน้านี้ภาครัฐมีโครงการที่จะปล่อยกู้ให้เกษตรกรเลี้ยงไก่รอบใหม่ เป็นเงินทุนส่วนกลางกว่าหมื่นล้านไว้ให้กู้ แต่ข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยกู้ให้เลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เขียนโครงการให้เกษตรกรกู้เงินด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้กลับไม่ปล่อยกู้ให้เลย"
นายบรรจง กล่าว
สำหรับสถานการณ์ด้านราคาไข่ไก่ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้นอีก 10 สตางค์ เป็น 2.40 บาท/ฟอง ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่เท่าเดิมที่ 1.90-2.00 บาท/ฟองเท่านั้น
จากการเพิ่มขึ้นของราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ทำให้ราคาค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบการค้าขายไข่ไก่นั้น ก่อนถึงมือพ่อค้าขายปลีกจะต้องบวกเพิ่มอีก 10-20%
โดยขณะนี้ราคาไข่ไก่เบอร์สามประมาณ 2.60 บาท/ฟอง ไข่ไก่เบอร์สองประมาณ 2.70-2.80 บาท/ฟอง ไข่ไก่เบอร์หนึ่งประมาณ 2.90-3.00 บาท/ฟอง และราคาไข่ไก่เบอร์ศูนย์ ซึ่งเป็นไข่ไก่เบอร์ใหญ่สุด ราคาตั้งแต่ 3 บาทขึ้นไป ส่วนราคาตามตลาดนัดทั่วไปมักใช้ไข่ไก่เบอร์สอง ขายกันแบบเหมา 10 ฟอง 30 บาท ขณะที่ราคาที่ขายกันตามร้านสะดวกซื้อ ก็จะบวกเพิ่มจากราคาทั่วไปอีกระดับหนึ่ง
นายบรรจง กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ราคาไข่ไก่มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปจากนี้อีกแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการเกษตร วุฒิสภา ซึ่งทาง กมธ.การเกษตรฯ
เตรียมเรียกอธิบดีกรมปศุสัตว์เข้าพบเพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้
ยุคลค้านไข่ไก่มีสิทธิลง
ขณะที่ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไข่ไก่ราคายังสูงอยู่จริง เพราะปริมาณการเลี้ยงไก่รอบใหม่ยังน้อยอยู่ แต่คาดว่าตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ราคาไข่ไก่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงช่วงต้นปีนี้ มีผู้เลี้ยงรายใหญ่หันมาเลี้ยงไก่ไข่มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มครบกำหนดให้ผลผลิตในช่วงเดือนมิ.ย.นี้พอดี
ส่วนกรณีที่กลุ่มเกษตรกรรายย่อยร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาราคาไข่แพงนั้น อันเป็นผลมาจากกรมปศุสัตว์จำกัดการเลี้ยงนั้น นายยุคล กล่าวว่า ในวันนี้(6 พ.ค.) ตนเองจะไปให้ข้อมูลแก่กรรมาธิการการเกษตรฯ วุฒิสภาต่อปัญหาดังกล่าว
จากสถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้ควบคุมกลไกการขึ้น-ลงของไข่ไก่ได้ด้วย
"ตอนนี้ผู้เลี้ยงรายใหญ่สามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้หมด เพราะมีผู้เลี้ยงอยู่ไม่กี่ราย เข้าข่ายผูกขาด
สามารถควบคุมปริมาณไข่ได้พอดีกับการบริโภค ขณะเดียวกันก็มีการทำกิจกรรมกันอยู่เรื่อยๆ เพื่อทำให้ไข่ไก่มีราคา
เช่นที่ผ่านมาพอราคาไข่ไก่ตกก็นำไปฝังทิ้งเพื่อดึงราคา" นายบรรจง กล่าว
นายบรรจง กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาราคาไข่ไก่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากมีผู้เลี้ยงรายย่อยคอยถ่วงดุลไว้ ราคาเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ไม่มีใครสามารถควบคุมกลไกของราคาได้ แต่ขณะนี้เกิดปัญหาคือผู้เลี้ยงรายย่อย
ในแถบจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ส่งไข่ไก่เข้ากรุงเทพฯ ยังไม่สามารถนำเข้าไก่ไข่เพื่อเลี้ยงรอบใหม่ได้และยังไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ได้ด้วย
สำหรับปัญหาหลักๆ ที่เกษตรกรไม่สามารถกลับมาเลี้ยงรอบใหม่ได้นั้น เป็นผลมาจากกลไกของกรมปศุสัตว์เป็นสำคัญ ที่ผ่านมาทางกรมมักใช้ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดนกเป็นตัวสกัดกั้นการเลี้ยงของเกษตรกรรายย่อย ถ้าเกษตรกรรายย่อยจะเลี้ยง ต้องทำเป็นฟาร์มระบบปิดเท่านั้น
ทำให้ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก เมื่อสถาบันการเงินเห็นเป็นรายย่อยก็ไม่กล้าให้สินเชื่อ
"ก่อนหน้านี้ภาครัฐมีโครงการที่จะปล่อยกู้ให้เกษตรกรเลี้ยงไก่รอบใหม่ เป็นเงินทุนส่วนกลางกว่าหมื่นล้านไว้ให้กู้ แต่ข้อเท็จจริงกลับตรงกันข้าม สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยกู้ให้เลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เขียนโครงการให้เกษตรกรกู้เงินด้วยซ้ำไป แต่ตอนนี้กลับไม่ปล่อยกู้ให้เลย"
นายบรรจง กล่าว
สำหรับสถานการณ์ด้านราคาไข่ไก่ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 2 พ.ค. ที่ผ่านมา ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้นอีก 10 สตางค์ เป็น 2.40 บาท/ฟอง ขณะที่ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่เท่าเดิมที่ 1.90-2.00 บาท/ฟองเท่านั้น
จากการเพิ่มขึ้นของราคาไข่คละหน้าฟาร์ม ทำให้ราคาค้าปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากระบบการค้าขายไข่ไก่นั้น ก่อนถึงมือพ่อค้าขายปลีกจะต้องบวกเพิ่มอีก 10-20%
โดยขณะนี้ราคาไข่ไก่เบอร์สามประมาณ 2.60 บาท/ฟอง ไข่ไก่เบอร์สองประมาณ 2.70-2.80 บาท/ฟอง ไข่ไก่เบอร์หนึ่งประมาณ 2.90-3.00 บาท/ฟอง และราคาไข่ไก่เบอร์ศูนย์ ซึ่งเป็นไข่ไก่เบอร์ใหญ่สุด ราคาตั้งแต่ 3 บาทขึ้นไป ส่วนราคาตามตลาดนัดทั่วไปมักใช้ไข่ไก่เบอร์สอง ขายกันแบบเหมา 10 ฟอง 30 บาท ขณะที่ราคาที่ขายกันตามร้านสะดวกซื้อ ก็จะบวกเพิ่มจากราคาทั่วไปอีกระดับหนึ่ง
นายบรรจง กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ราคาไข่ไก่มีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นไปจากนี้อีกแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาได้นำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการเกษตร วุฒิสภา ซึ่งทาง กมธ.การเกษตรฯ
เตรียมเรียกอธิบดีกรมปศุสัตว์เข้าพบเพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้
ยุคลค้านไข่ไก่มีสิทธิลง
ขณะที่ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไข่ไก่ราคายังสูงอยู่จริง เพราะปริมาณการเลี้ยงไก่รอบใหม่ยังน้อยอยู่ แต่คาดว่าตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ราคาไข่ไก่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงช่วงต้นปีนี้ มีผู้เลี้ยงรายใหญ่หันมาเลี้ยงไก่ไข่มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มครบกำหนดให้ผลผลิตในช่วงเดือนมิ.ย.นี้พอดี
ส่วนกรณีที่กลุ่มเกษตรกรรายย่อยร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาราคาไข่แพงนั้น อันเป็นผลมาจากกรมปศุสัตว์จำกัดการเลี้ยงนั้น นายยุคล กล่าวว่า ในวันนี้(6 พ.ค.) ตนเองจะไปให้ข้อมูลแก่กรรมาธิการการเกษตรฯ วุฒิสภาต่อปัญหาดังกล่าว