ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา พอได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับ "สนามบินหนองงูเห่า" เราทุกคนต้องพุ่งความคิดทั้งหมดไปที่ "ความอื้อฉาว" ของ "การทุจริตคอร์รัปชัน" ว่า "เกิดขึ้นอีกแล้วหรือ?" จนเราทุกคน "เคยชิน-ไม่ยินดียินร้าย!" กับ "ขบวนการโกง" ของสถานที่ก่อสร้างท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งที่ 2 นี้อีกมากมายนัก เนื่องด้วยเป็น "ตำนานโกง" ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา หรือจะเรียกขานอย่างเชิงวิชาการ สามารถเรียกได้ว่าเป็น "มหากาพย์ (Saga)" ของ "ตำนานโกง (Corrupted-Legend)" น่าจะฟังดูแล้ว "ขลัง" ที่สุด!
สารพัด "ความอื้ออึง-อื้อฉาว" ของ "ขบวนโกง" ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายสิบปี หนีไม่พ้นตั้งแต่การกว้านซื้อที่ดินจำนวน 20,000 กว่าไร่ เรื่อยมาจนถึงการออกแบบก่อสร้าง จ้างบริษัทที่ปรึกษา "ถมทราย" นับล้านๆ ตัวที่ "โกง" มากที่สุด จนถึงการว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ขั้นตอนแบ่งงานบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง ขั้นตอนแบ่งงานบริษัทผู้รับเหมาฯ ในแต่ละส่วน จนมาถึงลานบิน ลู่วิ่งสำหรับเครื่องบิน หรือแม้กระทั่ง "งาน" เล็กๆ น้อยๆ ภายในสถานที่ก่อสร้าง ล้วน "ขบวนการโกง!" ทั้งหมด จนล่าสุดข่าว "การรับสินบน" กับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดบนสายพานลำเลียงภายในอาคารผู้โดยสาร ก็สะเทือนเลื่อนลั่น วิพากษ์วิจารณ์กันยังไม่จบสิ้น จนเราทุกคนต่างดีใจอย่างมากว่า "การเปิดเผย" ในครั้งนี้เป็นการเปิดเผยจากหน่วยงานระดับชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
พูดง่ายๆ ก็หมายความว่า การก่อสร้างท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งที่ 2 ตั้งแต่เริ่มวินาทีแรกจวบจนทุกวันนี้ มีแต่ข่าวคราว "โกง-ทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ตลอดศก แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "ไม่มีใบเสร็จ" ที่สามารถ "เช็กบิล" คนโกงได้แม้แต่รายเดียว
"จะเท็จจะจริง!" เพียงใดกับการเปิดเผยในการจัดซื้อจัดสร้างเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในครั้งนี้ เพราะทุกฝ่ายต่างๆ ปฏิเสธ แบบหันหลังกลับ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมา "ยืนยัน-การันตี" ความบริสุทธิ์ของคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ชนิด "กางปีก" ปกป้องสุดลิ่มทิ่มประตู
กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เราต้องยอมรับว่าเป็นหน่วยงานที่ "การันตี" ถึงความเป็น "ธรรมาภิบาล!" ได้อย่างมากที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า "ความโปร่งใส" และแน่นอนที่สุด "ความชัดเจน!" ของข้อมูลนั้นแทบไม่ต้องตั้ง "ข้อกังขา-สงสัย!" แต่ประการใดเลย
ที่สำคัญคือมีการสอบสวนและพิจารณาความเบ็ดเสร็จพร้อมปรับเงินกันไปเรียบร้อยแล้วว่ามี "การติดสินบน" จริง ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยที่ยังไม่มี "การระบุ" ชัดเจนว่ามีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยที่ "ติดสินบาท คาดสินบน" กับเหตุการณ์อื้อฉาวในครั้งนี้!
อย่างไรก็ตาม "ความสับสน" ของเหตุการณ์นี้ยังปกคลุมไปทั่ว เนื่องด้วยยังไม่มีการอธิบายและยอมรับอย่างเป็นตรรกะ (Logic) ว่าสัญญาซื้อขายนั้นเป็นระหว่างบริษัทเอกชนกับบริษัทเอกชนที่ตกลงกันเอง หรือเป็นสัญญาที่ "เซ็นสัญญา" กันไปแล้วระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชน นั่นหนึ่งล่ะ สอง บริษัทอีจีฯ และบริษัทอินวิชั่นฯ ก็ประกาศชัดเจนว่า ไม่มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับนักการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องสินบนแต่อย่างใด แต่คำถามสำคัญว่าทำไมทางการสหรัฐฯ ถึงได้มีการพิจารณาคดีพร้อมปรับเงินกันไปเรียบร้อยแล้ว สาม ทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับกระทรวงยุติธรรมและก.ล.ต.สหรัฐฯ ตลอดจนมีอำนาจหน้าที่หรือไม่ในการรวบรวมข้อมูลพร้อมประกาศว่า ไม่มีผู้ใดจากประเทศไทยเกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาว สี่ กระทรวงยุติธรรมและก.ล.ต.สหรัฐฯ เบื้องต้นประกาศชัดเจนว่ามีนักการเมืองและข้าราชการเจ้าหน้าที่ระดับสูง "เอี่ยว" กับการรับสินบน ในกรณีใดกรณีหนึ่ง แต่อีก 2-3 วันต่อมา ยังไม่แสดงท่าทียืนยันชัดเจนและ ห้า นายกฯ ไทยให้สัมภาษณ์ "สวนทาง" ทันทีว่า "รู้เรื่องนี้มานานแล้ว!" โดยให้ประธานที่ปรึกษานโยบายไปดำเนินการสอบสวนไปแล้วพร้อม "ปกป้อง" รัฐมนตรีคมนาคมว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง!
ทั้งห้า "ความสับสน" ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียงลำดับประกาศ "ความบริสุทธิ์" ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญจำนวนตัวเลขเบื้องต้นนั้นชัดเจนว่าเกินเลยสูงถึง 2,800 ล้านบาทกับความแตกต่างของราคาจริงกับ "ราคาบวก" โดยขณะนี้มีจำนวนตัวเลขเปิดเผยออกมาอย่างมากมายจน "จับต้นชนปลายไม่ถูก!" ว่าตัวเลขไหน "จริง-ปลอม!"
อย่างไรก็ดี ความจริงที่เราต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่า หนึ่งชื่อเสียงประเทศไทย "ฉาวโฉ่!" ไปทั่วโลกแล้ว สอง คนไทยโดยทั่วไป หรือทั่วประเทศต่างปักใจเชื่อแล้วว่ามีการ "ทุจริต-โกง" กันจริงกับกรณีล่าสุด สาม โดยสัจธรรมของนานาเหตุการณ์นั้น อยู่ดีๆ คงไม่ปะทุขึ้นมาเอง หรือต้องมี "ที่มา-ที่ไป!" เข้าทำนอง "ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน-ไม่มีมูลขยะ หมาไม่ขุดคุ้ย!"
มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากปัญหา "การเมือง" ภายในพรรคไทยรักไทย ที่ต้องมีการแทงกันข้างหลังเอง ซึ่ง "แสงแดด" มั่นใจเช่นนั้นเหมือนกัน และขอฟันธงอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า "การแทงหลัง!" กันงวดนี้ ต้องเป็นคนที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คาดไม่ถึงจริง ชนิดที่เรียกว่า "เมื่อรู้จริง!" อาจต้องถึงกับ "ตกเก้าอี้!" ก็แล้วกัน กล่าวคือ "ตกเก้าอี้" เพราะตกใจแทบช็อกว่าคนใกล้ชิดที่สุด รักที่สุด เทิดทูนที่สุด จงรักภักดีที่สุด อาจเป็น "ผู้บงการ-เดินหมาก" เองก็เป็นได้ และ "ตกเก้าอี้" นัยที่สองคือ "หลุด" จากเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงคมนาคมอีกก็เป็นได้ ทั้งนี้ ข้อความข้างต้นทั้งหมดเป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น
ทั้งหลายทั้งปวงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "แสงแดด" มั่นใจมากว่า เป็นเหตุการณ์จริงที่มีการ "ติดสินบน" ดังข้อกล่าวหา และ/หรือ ข้อสงสัย และที่สำคัญที่สุด "ความไร้เอกภาพ!" ของพรรคไทยรักไทยเป็น "ตัวแปร" สำคัญของการเขย่าเก้าอี้คุณสุริยะ ในครั้งนี้ แสดงว่า คุณสุริยะต้องไปสร้างความ "กินแหนงแคลงใจ" และ "ไม่ไว้ใจ!" ให้เกิดขึ้น กอปรกับคุณสุริยะ คงมีศัตรูเยอะ!
จะเรียกว่า "ตำนาน (Legend)" หรือ "มหากาพย์ (Saga)" ก็ได้เพราะ "สนามบินหนองงูเห่า" นั้นมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน โดยเริ่มที่คิดเป็นโครงการที่จะสร้างสนามบินใหม่อีกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งก็มุ่งเล็งไปที่ภาคตะวันออกของกรุงเทพมหานครแถวๆ ลาดกระบัง คลองประเวศ และก็คลองหนองงูเห่า อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องด้วยความต้องการให้ผังเมืองของกรุงเทพฯ เจริญเติบโตบริเวณย่านนี้ โดยเฉพาะความเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม
ช่วงปี พ.ศ. 2506-2516 กรมการบินพาณิชย์ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินส่วนหนึ่ง มีการเวนคืนที่ดินตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่ง และเป็นที่สาธารณะอีกส่วนหนึ่ง รวมเป็นพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ไร่
ตลอดช่วง 2506-2516 เป็นเพียงช่วงการศึกษา พิจารณาร่างสัญญา พร้อมทั้งมีการสำรวจอย่างยาวนาน โดยปักหลักที่จะสร้างแน่นอนที่บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 มีปัญหาทางด้านการเมือง ทอดยาวมาจนถึงปี 2521 ที่ถูกโจมตีจากประชาชนว่า ควรยกเลิกและหาสถานที่แห่งใหม่ก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2
จนในที่สุด วันที่ 21 ตุลาคม 2523 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับหลักการให้มีการสร้างท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งที่ 2 บริเวณหนองงูเห่า โดยเริ่มสร้างอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อราวปี 2533-2534 เพื่อให้ใช้บริการได้ในปี 2543
โครงการก่อสร้าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 155,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าพันล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันนี้เงินลงทุนบานปลายไปอีกจำนวนมาก พร้อมทั้งล่าช้ามานานหลายปี จนมุ่งมั่นว่าต้องสามารถใช้บริการได้ภายในเดือนกันยายน 2548 นี้
"ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "แผ่นดินทอง" โดยในหลวงพระราชทานโปรดเกล้าให้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 และเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตลอดระยะเวลาของโครงการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เริ่มคิดโครงการเมื่อปี 2503 เรื่อยมาจนการเริ่มการก่อสร้าง มีแต่เรื่อง "ฉาวโฉ่" มากที่สุด แต่กรณี "โคตรโกง!" นั้นเริ่มจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ก่อนปี 2543 กรณี "การถมทราย" ทอดยาวมาจนถึง "การก่อสร้าง" ที่ไม่เคยมั่นใจเลยว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด
มีการซุบซิบนินทากันว่า "โครงการสนามบินแห่งใหม่ฯ" นี้มีเม็ดเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองและข้าราชการสูงถึง 30,000 กว่าล้านบาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เรียกว่า "กินยุบ-กินยับ!" แม้กระทั่งหลอดไฟก็มี "ค่านายหน้า-ค่าคอมฯ"
ความจริงที่เราทุกคนต้องยอมรับว่า "ตำนาน-มหากาพย์" ของ "สนามบินสุวรรณภูมิ" นี้มีแต่เรื่อง "การโกงกิน-ทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง" มาให้เราได้ยินได้ฟังตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ "คนโกง!" จะถูกดำเนินการเอาผิดมีแต่ "พุงกาง!" จนไม่มีที่สิ้นสุด ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศ "สงครามกับการทุจริตคอร์รัปชัน" มาตลอดสี่ปีเต็มๆ ว่าจะ "หยุด-ยุติ" กับ "ตำนาน-มหากาพย์ โคตรโกง!" นี้ได้ซะที!
สารพัด "ความอื้ออึง-อื้อฉาว" ของ "ขบวนโกง" ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายสิบปี หนีไม่พ้นตั้งแต่การกว้านซื้อที่ดินจำนวน 20,000 กว่าไร่ เรื่อยมาจนถึงการออกแบบก่อสร้าง จ้างบริษัทที่ปรึกษา "ถมทราย" นับล้านๆ ตัวที่ "โกง" มากที่สุด จนถึงการว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง ขั้นตอนแบ่งงานบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง ขั้นตอนแบ่งงานบริษัทผู้รับเหมาฯ ในแต่ละส่วน จนมาถึงลานบิน ลู่วิ่งสำหรับเครื่องบิน หรือแม้กระทั่ง "งาน" เล็กๆ น้อยๆ ภายในสถานที่ก่อสร้าง ล้วน "ขบวนการโกง!" ทั้งหมด จนล่าสุดข่าว "การรับสินบน" กับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดบนสายพานลำเลียงภายในอาคารผู้โดยสาร ก็สะเทือนเลื่อนลั่น วิพากษ์วิจารณ์กันยังไม่จบสิ้น จนเราทุกคนต่างดีใจอย่างมากว่า "การเปิดเผย" ในครั้งนี้เป็นการเปิดเผยจากหน่วยงานระดับชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
พูดง่ายๆ ก็หมายความว่า การก่อสร้างท่าอากาศยานกรุงเทพแห่งที่ 2 ตั้งแต่เริ่มวินาทีแรกจวบจนทุกวันนี้ มีแต่ข่าวคราว "โกง-ทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ตลอดศก แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "ไม่มีใบเสร็จ" ที่สามารถ "เช็กบิล" คนโกงได้แม้แต่รายเดียว
"จะเท็จจะจริง!" เพียงใดกับการเปิดเผยในการจัดซื้อจัดสร้างเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในครั้งนี้ เพราะทุกฝ่ายต่างๆ ปฏิเสธ แบบหันหลังกลับ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมา "ยืนยัน-การันตี" ความบริสุทธิ์ของคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ชนิด "กางปีก" ปกป้องสุดลิ่มทิ่มประตู
กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เราต้องยอมรับว่าเป็นหน่วยงานที่ "การันตี" ถึงความเป็น "ธรรมาภิบาล!" ได้อย่างมากที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า "ความโปร่งใส" และแน่นอนที่สุด "ความชัดเจน!" ของข้อมูลนั้นแทบไม่ต้องตั้ง "ข้อกังขา-สงสัย!" แต่ประการใดเลย
ที่สำคัญคือมีการสอบสวนและพิจารณาความเบ็ดเสร็จพร้อมปรับเงินกันไปเรียบร้อยแล้วว่ามี "การติดสินบน" จริง ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยที่ยังไม่มี "การระบุ" ชัดเจนว่ามีนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยที่ "ติดสินบาท คาดสินบน" กับเหตุการณ์อื้อฉาวในครั้งนี้!
อย่างไรก็ตาม "ความสับสน" ของเหตุการณ์นี้ยังปกคลุมไปทั่ว เนื่องด้วยยังไม่มีการอธิบายและยอมรับอย่างเป็นตรรกะ (Logic) ว่าสัญญาซื้อขายนั้นเป็นระหว่างบริษัทเอกชนกับบริษัทเอกชนที่ตกลงกันเอง หรือเป็นสัญญาที่ "เซ็นสัญญา" กันไปแล้วระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชน นั่นหนึ่งล่ะ สอง บริษัทอีจีฯ และบริษัทอินวิชั่นฯ ก็ประกาศชัดเจนว่า ไม่มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับนักการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องสินบนแต่อย่างใด แต่คำถามสำคัญว่าทำไมทางการสหรัฐฯ ถึงได้มีการพิจารณาคดีพร้อมปรับเงินกันไปเรียบร้อยแล้ว สาม ทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ประจำประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับกระทรวงยุติธรรมและก.ล.ต.สหรัฐฯ ตลอดจนมีอำนาจหน้าที่หรือไม่ในการรวบรวมข้อมูลพร้อมประกาศว่า ไม่มีผู้ใดจากประเทศไทยเกี่ยวข้องกับกรณีอื้อฉาว สี่ กระทรวงยุติธรรมและก.ล.ต.สหรัฐฯ เบื้องต้นประกาศชัดเจนว่ามีนักการเมืองและข้าราชการเจ้าหน้าที่ระดับสูง "เอี่ยว" กับการรับสินบน ในกรณีใดกรณีหนึ่ง แต่อีก 2-3 วันต่อมา ยังไม่แสดงท่าทียืนยันชัดเจนและ ห้า นายกฯ ไทยให้สัมภาษณ์ "สวนทาง" ทันทีว่า "รู้เรื่องนี้มานานแล้ว!" โดยให้ประธานที่ปรึกษานโยบายไปดำเนินการสอบสวนไปแล้วพร้อม "ปกป้อง" รัฐมนตรีคมนาคมว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง!
ทั้งห้า "ความสับสน" ข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียงลำดับประกาศ "ความบริสุทธิ์" ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญจำนวนตัวเลขเบื้องต้นนั้นชัดเจนว่าเกินเลยสูงถึง 2,800 ล้านบาทกับความแตกต่างของราคาจริงกับ "ราคาบวก" โดยขณะนี้มีจำนวนตัวเลขเปิดเผยออกมาอย่างมากมายจน "จับต้นชนปลายไม่ถูก!" ว่าตัวเลขไหน "จริง-ปลอม!"
อย่างไรก็ดี ความจริงที่เราต้องยอมรับเช่นเดียวกันว่า หนึ่งชื่อเสียงประเทศไทย "ฉาวโฉ่!" ไปทั่วโลกแล้ว สอง คนไทยโดยทั่วไป หรือทั่วประเทศต่างปักใจเชื่อแล้วว่ามีการ "ทุจริต-โกง" กันจริงกับกรณีล่าสุด สาม โดยสัจธรรมของนานาเหตุการณ์นั้น อยู่ดีๆ คงไม่ปะทุขึ้นมาเอง หรือต้องมี "ที่มา-ที่ไป!" เข้าทำนอง "ไม่มีไฟ ก็ไม่มีควัน-ไม่มีมูลขยะ หมาไม่ขุดคุ้ย!"
มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากปัญหา "การเมือง" ภายในพรรคไทยรักไทย ที่ต้องมีการแทงกันข้างหลังเอง ซึ่ง "แสงแดด" มั่นใจเช่นนั้นเหมือนกัน และขอฟันธงอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า "การแทงหลัง!" กันงวดนี้ ต้องเป็นคนที่คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คาดไม่ถึงจริง ชนิดที่เรียกว่า "เมื่อรู้จริง!" อาจต้องถึงกับ "ตกเก้าอี้!" ก็แล้วกัน กล่าวคือ "ตกเก้าอี้" เพราะตกใจแทบช็อกว่าคนใกล้ชิดที่สุด รักที่สุด เทิดทูนที่สุด จงรักภักดีที่สุด อาจเป็น "ผู้บงการ-เดินหมาก" เองก็เป็นได้ และ "ตกเก้าอี้" นัยที่สองคือ "หลุด" จากเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงคมนาคมอีกก็เป็นได้ ทั้งนี้ ข้อความข้างต้นทั้งหมดเป็นเพียงการวิเคราะห์เท่านั้น
ทั้งหลายทั้งปวงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "แสงแดด" มั่นใจมากว่า เป็นเหตุการณ์จริงที่มีการ "ติดสินบน" ดังข้อกล่าวหา และ/หรือ ข้อสงสัย และที่สำคัญที่สุด "ความไร้เอกภาพ!" ของพรรคไทยรักไทยเป็น "ตัวแปร" สำคัญของการเขย่าเก้าอี้คุณสุริยะ ในครั้งนี้ แสดงว่า คุณสุริยะต้องไปสร้างความ "กินแหนงแคลงใจ" และ "ไม่ไว้ใจ!" ให้เกิดขึ้น กอปรกับคุณสุริยะ คงมีศัตรูเยอะ!
จะเรียกว่า "ตำนาน (Legend)" หรือ "มหากาพย์ (Saga)" ก็ได้เพราะ "สนามบินหนองงูเห่า" นั้นมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน โดยเริ่มที่คิดเป็นโครงการที่จะสร้างสนามบินใหม่อีกแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งก็มุ่งเล็งไปที่ภาคตะวันออกของกรุงเทพมหานครแถวๆ ลาดกระบัง คลองประเวศ และก็คลองหนองงูเห่า อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องด้วยความต้องการให้ผังเมืองของกรุงเทพฯ เจริญเติบโตบริเวณย่านนี้ โดยเฉพาะความเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม
ช่วงปี พ.ศ. 2506-2516 กรมการบินพาณิชย์ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินส่วนหนึ่ง มีการเวนคืนที่ดินตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่ง และเป็นที่สาธารณะอีกส่วนหนึ่ง รวมเป็นพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 20,000 ไร่
ตลอดช่วง 2506-2516 เป็นเพียงช่วงการศึกษา พิจารณาร่างสัญญา พร้อมทั้งมีการสำรวจอย่างยาวนาน โดยปักหลักที่จะสร้างแน่นอนที่บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 มีปัญหาทางด้านการเมือง ทอดยาวมาจนถึงปี 2521 ที่ถูกโจมตีจากประชาชนว่า ควรยกเลิกและหาสถานที่แห่งใหม่ก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2
จนในที่สุด วันที่ 21 ตุลาคม 2523 คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับหลักการให้มีการสร้างท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งที่ 2 บริเวณหนองงูเห่า โดยเริ่มสร้างอย่างจริงๆ จังๆ เมื่อราวปี 2533-2534 เพื่อให้ใช้บริการได้ในปี 2543
โครงการก่อสร้าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 155,000 ล้านบาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นห้าพันล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันนี้เงินลงทุนบานปลายไปอีกจำนวนมาก พร้อมทั้งล่าช้ามานานหลายปี จนมุ่งมั่นว่าต้องสามารถใช้บริการได้ภายในเดือนกันยายน 2548 นี้
"ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "แผ่นดินทอง" โดยในหลวงพระราชทานโปรดเกล้าให้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 และเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ตลอดระยะเวลาของโครงการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่เริ่มคิดโครงการเมื่อปี 2503 เรื่อยมาจนการเริ่มการก่อสร้าง มีแต่เรื่อง "ฉาวโฉ่" มากที่สุด แต่กรณี "โคตรโกง!" นั้นเริ่มจริงๆ จังๆ ตั้งแต่ก่อนปี 2543 กรณี "การถมทราย" ทอดยาวมาจนถึง "การก่อสร้าง" ที่ไม่เคยมั่นใจเลยว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด
มีการซุบซิบนินทากันว่า "โครงการสนามบินแห่งใหม่ฯ" นี้มีเม็ดเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองและข้าราชการสูงถึง 30,000 กว่าล้านบาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เรียกว่า "กินยุบ-กินยับ!" แม้กระทั่งหลอดไฟก็มี "ค่านายหน้า-ค่าคอมฯ"
ความจริงที่เราทุกคนต้องยอมรับว่า "ตำนาน-มหากาพย์" ของ "สนามบินสุวรรณภูมิ" นี้มีแต่เรื่อง "การโกงกิน-ทุจริต-ฉ้อราษฎร์บังหลวง" มาให้เราได้ยินได้ฟังตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่ "คนโกง!" จะถูกดำเนินการเอาผิดมีแต่ "พุงกาง!" จนไม่มีที่สิ้นสุด ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศ "สงครามกับการทุจริตคอร์รัปชัน" มาตลอดสี่ปีเต็มๆ ว่าจะ "หยุด-ยุติ" กับ "ตำนาน-มหากาพย์ โคตรโกง!" นี้ได้ซะที!