“ลลิตา” แถลงผลสอบ “พายัพ ปั้นเกตุ” กดบัตรแทน ส.ส.ทรท. กรรมการ 3-2 ให้พ้นผิด อ้างดูจากเทปบันทึกภาพและพยานแล้วไม่พบผิด ขณะที่ “นิพิฎฐ์” จาก ปชป.โวย ผลสอบระบุชัดมีคนกดบัตรแทน แต่ “ลลิตา” โหวตช่วย ด้าน “รังสิมา” ทำใจ เย้ยขนาดโกงกลางสภายังจับไม่ได้อย่าคิดไปสอบเรื่องใหญ่ ขู่ฟ้อง “โภคิน’ ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่หาคนผิดกดบัตรแทน “อรรคพล” ซัด ‘ตุ่น” ไม่ปรึกษาพรรคโหวตให้ “พายัพ” ด้านเจ้าตัวโต้กลับอย่าสั่งให้อึดอัด
นางลลิตา ฤกษ์สำราญ รองประธานสภาฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหานายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทยวกดบัตรลงคะแนนแทนกันในการประชุมสภา ได้แถลงผลสอบ วานนี้ (28 เม.ย.)ว่า จากการพิจารณาพยานหลักฐานและพยานบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารและเทปบันทึกภาพของทางรัฐสภา ได้ข้อสรุปว่า นายพายัพไม่ได้กดบัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ด้วยมติ 3 ต่อ 2 เสียง ซึ่งเสียงข้างมาก ประกอบด้วย นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ กรรมการในส่วนของพรรคไทยรักไทย นายตุ่น จินตะเวช กรรมการจากพรรคมหาชน และตน ส่วนกรรมการ เสียงข้างน้อยคือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จากพรรคชาติไทย และนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ จากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะสรุปผลมติและคำวินิจฉัยพร้อมเหตุผล ของคณะกรรมการแต่ละคน รายงานต่อนายโภคิน พลกุล ประธานสภาฯ ทราบ
นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เหตุที่กรรมการเสียงข้างน้อยระบุว่านายพายัพมีความผิด เพราะการสอบสวนพบว่านายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคไทยรักไทย ยอมรับว่า ได้เสียบบัตรไว้ในที่นั่ง โดยเจ้าตัวไม่อยู่ แต่กลับมีผลคะแนนขึ้น ทั้งที่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายโสตฯของสภาที่ควบคุมเครื่องยืนยันว่า เครื่องไม่เสีย แสดงว่าต้องมีคนกดบัตรแทนกันแน่นอน
นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงเกิดเหตุ ไม่มีใครอยู่ใกล้เก้าอี้ของนายพงษ์ศักดิ์ นอกจาก นายพายัพเท่านั้น อีกทั้งนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคไทยรักไทย เคยให้ปากคำว่าเมื่อได้ยินเสียงออดให้ลงคะแนนดังขึ้น 1-2 นาที นายพายัพ ก็เดินมานั่งบริเวณที่ของนายสุขุมพงศ์ และตน บ่งชี้ได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าว นายพายัพสามารถกดบัตรของนายพงษ์ศักดิ์ แล้วจึงกลับมานั่งที่นั่งของตัวเอง จึงเชื่อได้ว่า นายพายัพ เป็นคนกดบัตรลงคะแนนแทน เพราะบัตรได้เสียบคาอยู่ก่อนแล้ว
“ประเด็นสำคัญคือ ในเมื่อคณะกรรมการสอบทุกคนต่างยอมรับว่ามีการกดบัตรแทนนายพงษ์ศักดิ์จริง แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถหาคนผิดได้ ทั้งที่เรื่องเกิด กลางสภาผู้แทนฯ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะไปตรวจสอบเรื่องใหญ่ๆอย่างทุจริต สนามบินหนองงูเห่า ที่สหรัฐกล่าวหาได้อย่างไร จึงอยากให้สังคมตามเรื่องนี้ต่อ รวมทั้งประธานควรชี้แจงสาเหตุที่ไม่สามารถเอาผิดใครได้ให้กระจ่างด้วย”
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า การที่นางลลิตาลงคะแนนเพิ่มอีก 1 เสียง หลังจาก เบื้องต้นคณะกรรมการออกเสียงเสมอกัน 2 ต่อ 2 จนทำให้นายพายัพมีคะแนนเพิ่มอีก 1 คะแนน เป็น 3 ต่อ 2 กระทั่งนายพายัพพ้นข้อกล่าวหานั้น ส่วนตัวเห็นว่า การที่ นางลลิตา ทำแบบนี้ โดยอ้างหลักฐานจากวีซีดีที่ปรากฏภาพนายพายัพนั่งอยู่ที่เดิมนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า วีซีดีสามารถตัดต่อได้ ขนาดแผ่นที่ตนไปขอจากเจ้าหน้าที่สภา ยังเป็นวีซีดีเปล่าเลย หรือวีซีดีอาจไปถ่ายหลังจากนายพายัพกลับไปนั่งที่เดิมแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนและนายชูวิทย์ในฐานะกรรมการเสียงข้างน้อย คงไม่ทำหนังสือเสนอข้อแนะนำต่อนายโภคินอีกต่อไปแล้ว
ด้านนางลลิตา กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลและพยานของน.ส.รังสิมา พบว่ายังไม่มากเพียงพอที่จะเชื่อว่าได้นายพายัพกดบัตรแทนกันจริง ส่วนใครเป็นคนทำนั้น เกินอำนาจหน้สที่ของกรรมการชุดนี้ เพราะนายโภคินสั่งให้สืบสวนสอบสวนเพียงแค่นายพายัพกดบัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่นหรือไม่ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของนายโภคิน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะที่น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทำใจได้กับผลสอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องมาเช่นนี้ เสียงข้างน้อยย่อมแพ้เสียงข้างมาก เป็นธรรมดา แต่อยากให้สังคมรับรู้ เพราะกรรมการสอบยังยอมรับเลยว่ามีคนกดบัตรแทนกัน แต่ตัวประธานกลับหาตัวคนผิดไม่ได้ ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นในสภา สังคมจะมองได้ว่าประธานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เอาจริง
อีกทั้งประธานสอบก็เป็นคนของพรรคไทยรักไทย ต้องช่วยคนพรรคเดียวกันอยู่แล้ว และถ้าช่วงนั้นบังเอิญมีสุนัขเข้ามาในห้องประชุม สงสัยคงจะโบ้ยเป็นความผิดของสุนัขไปแล้ว จึงอยากให้สังคมตามเรื่องนี้ต่อ สำหรับตนยืนยันว่าแม้ผลสอบจะออกมาเช่นนี้ แต่จะขอติดตามพฤติกรรมส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ที่ชอบกดบัตรแทนกัน โดยเฉพาะนายพายัพที่ทำเช่นนี้มา 4 ปี
“เรื่องนี้เหมือนคณะกรรมการจับโจรได้แล้ว แต่กลับปล่อยไป เหมือนมีการฆ่าคนตาย และประธานสภาเป็นตำรวจ สงสัยว่านายพายัพเป็นคนฆ่า แต่หลักฐานไม่มี ก็ปล่อยตัวไป แต่คนมันตายไปแล้ว แล้วจะทำอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว นายพายัพฟ้องกลับจะทำอย่างไร น.ส.รังสิมา ตอบว่า ถ้าฟ้องมาก็ยินดีที่จะไปต่อสู้กันในชั้นศาล ทั้งนี้ในส่วนของ ความเห็นของกรรมการ 5 คน เห็นตรงกันว่ามีการกดบัตรแทนกันจริง เพียงแต่หาตัวไม่ได้ ดังนั้นอยากเรียกร้องให้นายโภคิน หาตัวคนกดแทนมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคนที่กดบัตรแทนต้องเป็นคนของพรรคไทยรักไทย แน่นอน เพราะที่นั่งแถวนั้นไม่มีส.ส.จากพรรคอื่นเลย อย่างไรก็ตามจะปรึกษากับทางพรรคอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะฟ้องร้องนายโภคินหรือไม่
นายอรรคพล สรสุชาติ รักษาการณ์หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย กับการที่นายตุ่น จินตะเวช ลงมติโหวตให้นายพายัพ พ้นผิดกรณีกดบัตรแทนกัน เพราะถ้าเป็นการลงมติตามเอกสิทธิ์ของส.ส.ก็เป็นเรื่องหนึ่งแต่การเข้าไปเป็นกรรมการสอบนายพายัพ เป็นการแต่งตั้งในนามตัวแทนของพรรค ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลมา นายตุ่น ต้องหารือกับพรรคบ้าง แต่นายตุ่นไม่เคยมาหารือกับพรรคเลย ทั้งที่พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าสนับสนุนจะสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ใช่เราก็ต้องคัดค้าน แต่การลงคะแนนครั้งนี้ถือเป็นการลงคะแนนในนามส่วนตัวไม่ใช่จุดยืนพรรค
นายตุ่น กล่าวโต้ทันทีว่า ตนดูอย่างรอบคอบแล้วพบว่าไม่มีหลักฐานกล่าวหา นายพายัพ จึงโหวตตามข้อมูลที่ได้ เพราะขนาดพยานของพรรคประชาปัตย์ยังไม่เห็นเลย พรรคไม่เคยเรียกประชุมเลย ตนจะไปหารือได้อย่างไร หรือจะให้ตนเข้าไปนั่งเฝ้าพรรคเพื่อรายงานหรืออย่างไร ตนจะติดต่อทำไม พรรคต้องติดต่อตน เพราะตนเป็นส.ส.ต้องบริการประชาชนไม่ใช่เขาจ้างมาเฝ้าพรรค
“เรื่องขี้ปะติ๋วมาคิดเล็กน้อยอย่างนี้ มาสั่งตนไม่ได้หรอก ทำงานเหมือนกับผู้หญิงมันไม่ได้ ผมพร้อมคุยด้วย แต่ไม่ใช่ว่าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง ต้องคุยเรื่องการเมือง จะมาสั่งให้ด่ารัฐบาลคงไม่ได้ เพราะรัฐบาลนี้เขาสร้างสรรค์แล้ว แค่ไปประชุมพรรคแล้วมาสั่งอย่างนี้มันอึดอัด จะให้โหวตสวนรัฐบาลทุกเรื่องก็จะกลายเป็นฝ่ายแค้นไป ผมไม่กลัวหรอกหากมาเล่นเกมกับผม”
นางลลิตา ฤกษ์สำราญ รองประธานสภาฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหานายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส.สิงห์บุรี พรรคไทยรักไทยวกดบัตรลงคะแนนแทนกันในการประชุมสภา ได้แถลงผลสอบ วานนี้ (28 เม.ย.)ว่า จากการพิจารณาพยานหลักฐานและพยานบุคคล ซึ่งเป็นเอกสารและเทปบันทึกภาพของทางรัฐสภา ได้ข้อสรุปว่า นายพายัพไม่ได้กดบัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ด้วยมติ 3 ต่อ 2 เสียง ซึ่งเสียงข้างมาก ประกอบด้วย นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ กรรมการในส่วนของพรรคไทยรักไทย นายตุ่น จินตะเวช กรรมการจากพรรคมหาชน และตน ส่วนกรรมการ เสียงข้างน้อยคือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จากพรรคชาติไทย และนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ จากพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะสรุปผลมติและคำวินิจฉัยพร้อมเหตุผล ของคณะกรรมการแต่ละคน รายงานต่อนายโภคิน พลกุล ประธานสภาฯ ทราบ
นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เหตุที่กรรมการเสียงข้างน้อยระบุว่านายพายัพมีความผิด เพราะการสอบสวนพบว่านายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคไทยรักไทย ยอมรับว่า ได้เสียบบัตรไว้ในที่นั่ง โดยเจ้าตัวไม่อยู่ แต่กลับมีผลคะแนนขึ้น ทั้งที่เจ้าหน้าที่ ฝ่ายโสตฯของสภาที่ควบคุมเครื่องยืนยันว่า เครื่องไม่เสีย แสดงว่าต้องมีคนกดบัตรแทนกันแน่นอน
นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงเกิดเหตุ ไม่มีใครอยู่ใกล้เก้าอี้ของนายพงษ์ศักดิ์ นอกจาก นายพายัพเท่านั้น อีกทั้งนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคไทยรักไทย เคยให้ปากคำว่าเมื่อได้ยินเสียงออดให้ลงคะแนนดังขึ้น 1-2 นาที นายพายัพ ก็เดินมานั่งบริเวณที่ของนายสุขุมพงศ์ และตน บ่งชี้ได้ว่าช่วงเวลาดังกล่าว นายพายัพสามารถกดบัตรของนายพงษ์ศักดิ์ แล้วจึงกลับมานั่งที่นั่งของตัวเอง จึงเชื่อได้ว่า นายพายัพ เป็นคนกดบัตรลงคะแนนแทน เพราะบัตรได้เสียบคาอยู่ก่อนแล้ว
“ประเด็นสำคัญคือ ในเมื่อคณะกรรมการสอบทุกคนต่างยอมรับว่ามีการกดบัตรแทนนายพงษ์ศักดิ์จริง แล้วเหตุใดจึงไม่สามารถหาคนผิดได้ ทั้งที่เรื่องเกิด กลางสภาผู้แทนฯ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะไปตรวจสอบเรื่องใหญ่ๆอย่างทุจริต สนามบินหนองงูเห่า ที่สหรัฐกล่าวหาได้อย่างไร จึงอยากให้สังคมตามเรื่องนี้ต่อ รวมทั้งประธานควรชี้แจงสาเหตุที่ไม่สามารถเอาผิดใครได้ให้กระจ่างด้วย”
นายนิพิฏฐ์ กล่าวอีกว่า การที่นางลลิตาลงคะแนนเพิ่มอีก 1 เสียง หลังจาก เบื้องต้นคณะกรรมการออกเสียงเสมอกัน 2 ต่อ 2 จนทำให้นายพายัพมีคะแนนเพิ่มอีก 1 คะแนน เป็น 3 ต่อ 2 กระทั่งนายพายัพพ้นข้อกล่าวหานั้น ส่วนตัวเห็นว่า การที่ นางลลิตา ทำแบบนี้ โดยอ้างหลักฐานจากวีซีดีที่ปรากฏภาพนายพายัพนั่งอยู่ที่เดิมนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า วีซีดีสามารถตัดต่อได้ ขนาดแผ่นที่ตนไปขอจากเจ้าหน้าที่สภา ยังเป็นวีซีดีเปล่าเลย หรือวีซีดีอาจไปถ่ายหลังจากนายพายัพกลับไปนั่งที่เดิมแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนและนายชูวิทย์ในฐานะกรรมการเสียงข้างน้อย คงไม่ทำหนังสือเสนอข้อแนะนำต่อนายโภคินอีกต่อไปแล้ว
ด้านนางลลิตา กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลและพยานของน.ส.รังสิมา พบว่ายังไม่มากเพียงพอที่จะเชื่อว่าได้นายพายัพกดบัตรแทนกันจริง ส่วนใครเป็นคนทำนั้น เกินอำนาจหน้สที่ของกรรมการชุดนี้ เพราะนายโภคินสั่งให้สืบสวนสอบสวนเพียงแค่นายพายัพกดบัตรลงคะแนนแทนบุคคลอื่นหรือไม่ หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของนายโภคิน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขณะที่น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทำใจได้กับผลสอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องมาเช่นนี้ เสียงข้างน้อยย่อมแพ้เสียงข้างมาก เป็นธรรมดา แต่อยากให้สังคมรับรู้ เพราะกรรมการสอบยังยอมรับเลยว่ามีคนกดบัตรแทนกัน แต่ตัวประธานกลับหาตัวคนผิดไม่ได้ ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นในสภา สังคมจะมองได้ว่าประธานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เอาจริง
อีกทั้งประธานสอบก็เป็นคนของพรรคไทยรักไทย ต้องช่วยคนพรรคเดียวกันอยู่แล้ว และถ้าช่วงนั้นบังเอิญมีสุนัขเข้ามาในห้องประชุม สงสัยคงจะโบ้ยเป็นความผิดของสุนัขไปแล้ว จึงอยากให้สังคมตามเรื่องนี้ต่อ สำหรับตนยืนยันว่าแม้ผลสอบจะออกมาเช่นนี้ แต่จะขอติดตามพฤติกรรมส.ส.ของพรรคไทยรักไทย ที่ชอบกดบัตรแทนกัน โดยเฉพาะนายพายัพที่ทำเช่นนี้มา 4 ปี
“เรื่องนี้เหมือนคณะกรรมการจับโจรได้แล้ว แต่กลับปล่อยไป เหมือนมีการฆ่าคนตาย และประธานสภาเป็นตำรวจ สงสัยว่านายพายัพเป็นคนฆ่า แต่หลักฐานไม่มี ก็ปล่อยตัวไป แต่คนมันตายไปแล้ว แล้วจะทำอย่างไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้แล้ว นายพายัพฟ้องกลับจะทำอย่างไร น.ส.รังสิมา ตอบว่า ถ้าฟ้องมาก็ยินดีที่จะไปต่อสู้กันในชั้นศาล ทั้งนี้ในส่วนของ ความเห็นของกรรมการ 5 คน เห็นตรงกันว่ามีการกดบัตรแทนกันจริง เพียงแต่หาตัวไม่ได้ ดังนั้นอยากเรียกร้องให้นายโภคิน หาตัวคนกดแทนมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคนที่กดบัตรแทนต้องเป็นคนของพรรคไทยรักไทย แน่นอน เพราะที่นั่งแถวนั้นไม่มีส.ส.จากพรรคอื่นเลย อย่างไรก็ตามจะปรึกษากับทางพรรคอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และจะฟ้องร้องนายโภคินหรือไม่
นายอรรคพล สรสุชาติ รักษาการณ์หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย กับการที่นายตุ่น จินตะเวช ลงมติโหวตให้นายพายัพ พ้นผิดกรณีกดบัตรแทนกัน เพราะถ้าเป็นการลงมติตามเอกสิทธิ์ของส.ส.ก็เป็นเรื่องหนึ่งแต่การเข้าไปเป็นกรรมการสอบนายพายัพ เป็นการแต่งตั้งในนามตัวแทนของพรรค ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลมา นายตุ่น ต้องหารือกับพรรคบ้าง แต่นายตุ่นไม่เคยมาหารือกับพรรคเลย ทั้งที่พรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าสนับสนุนจะสนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่ใช่เราก็ต้องคัดค้าน แต่การลงคะแนนครั้งนี้ถือเป็นการลงคะแนนในนามส่วนตัวไม่ใช่จุดยืนพรรค
นายตุ่น กล่าวโต้ทันทีว่า ตนดูอย่างรอบคอบแล้วพบว่าไม่มีหลักฐานกล่าวหา นายพายัพ จึงโหวตตามข้อมูลที่ได้ เพราะขนาดพยานของพรรคประชาปัตย์ยังไม่เห็นเลย พรรคไม่เคยเรียกประชุมเลย ตนจะไปหารือได้อย่างไร หรือจะให้ตนเข้าไปนั่งเฝ้าพรรคเพื่อรายงานหรืออย่างไร ตนจะติดต่อทำไม พรรคต้องติดต่อตน เพราะตนเป็นส.ส.ต้องบริการประชาชนไม่ใช่เขาจ้างมาเฝ้าพรรค
“เรื่องขี้ปะติ๋วมาคิดเล็กน้อยอย่างนี้ มาสั่งตนไม่ได้หรอก ทำงานเหมือนกับผู้หญิงมันไม่ได้ ผมพร้อมคุยด้วย แต่ไม่ใช่ว่าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง ต้องคุยเรื่องการเมือง จะมาสั่งให้ด่ารัฐบาลคงไม่ได้ เพราะรัฐบาลนี้เขาสร้างสรรค์แล้ว แค่ไปประชุมพรรคแล้วมาสั่งอย่างนี้มันอึดอัด จะให้โหวตสวนรัฐบาลทุกเรื่องก็จะกลายเป็นฝ่ายแค้นไป ผมไม่กลัวหรอกหากมาเล่นเกมกับผม”