รอยเตอร์ – สหรัฐฯเตรียมขอมติยูเอ็นให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันสกัดการขนส่งสินค้าเข้า-ออกจากเกาหลีเหนือ ซึ่งอาจมีวัสดุนิวเคลียร์ซุกซ่อนอยู่ โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสในวอชิงตันแย้มว่า มติดังกล่าวอาจมีผลในทางปฏิบัติเท่ากับการกักกันรัฐดาวแดงบนคาบสมุทรเกาหลี
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ฉบับวันจันทร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช รวมถึงเจ้าหน้าที่เอเชียว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสมาชิกคณะทำงานของรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ เป็นผู้ผลักดันข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งมีจุดประสงค์หลักอยู่ที่การให้ความชอบธรรมทางการเมืองแก่จีนในการตรวจสอบแนวพรมแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งมีผลในทางปฏิบัติเท่ากับการกักกันโสมแดง
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งร่วมอยู่ในการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง จะเห็นด้วยกับแผนการของอเมริกาหรือไม่
วันเดียวกัน บันไคมุน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่าการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ รังแต่จะทำให้โสมแดงถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
ทัศนะดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่คุกรุ่นขึ้นมาใหม่ หลังจากเปียงยางปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นวานนี้ที่โซล และหลังจากสื่ออเมริกันรายงานว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ที่ผ่านมา วอชิงตันยืนกรานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ควรเปิดอภิปรายถึงความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หากประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ยังไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจา 6 ฝ่าย
ขณะเดียวกัน อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นในปี 1995 เพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไขข้อขัดแย้ง โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิ ภาครัฐ และผู้บริจาคจำนวนมาก ได้เปิดเผยรายงานว่าด้วยการปฏิรูปเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว
รายงานแนะว่า ประเทศต่างๆ ควรระงับการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา จนกว่าเกาหลีเหนือจะยุติโครงการนุก แต่ระหว่างรอนี้ นานาชาติควรเริ่มเตรียมการ อาทิ ฝึกอบรมชาวเกาหลีเหนือในต่างประเทศ ประเมินความจำเป็นในระยะยาว และการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในดินแดนดังกล่าว โดยการให้ความช่วยเหลือนี้ควรกระทำผ่านกลุ่มที่ปรึกษา หรือการประชุมโต๊ะกลม ที่มีองค์การทางการเงินระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก และหุ้นส่วนการเจรจา 6 ฝ่าย เข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า เกาหลีเหนือกำลังอยู่ในช่วงการผ่องถ่ายเศรษฐกิจครั้งสำคัญที่สุดนับจากก่อตั้งประเทศเมื่อ 57 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า คิมจองอิล ผู้นำรัฐดาวแดงแห่งนี้ จะอ้าแขนรับเศรษฐกิจระบบตลาดหรือไม่ เนื่องจากหวั่นวิตกกับความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อีกทั้งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจในแดนโสมแดงจะตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ดังนั้น นานาชาติจึงควรให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผล
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ฉบับวันจันทร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช รวมถึงเจ้าหน้าที่เอเชียว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และสมาชิกคณะทำงานของรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์ เป็นผู้ผลักดันข้อเสนอดังกล่าว ซึ่งมีจุดประสงค์หลักอยู่ที่การให้ความชอบธรรมทางการเมืองแก่จีนในการตรวจสอบแนวพรมแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือ ซึ่งมีผลในทางปฏิบัติเท่ากับการกักกันโสมแดง
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งร่วมอยู่ในการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง จะเห็นด้วยกับแผนการของอเมริกาหรือไม่
วันเดียวกัน บันไคมุน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่าการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ รังแต่จะทำให้โสมแดงถูกโดดเดี่ยวมากขึ้น
ทัศนะดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่คุกรุ่นขึ้นมาใหม่ หลังจากเปียงยางปฏิเสธการเข้าร่วมเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งเริ่มต้นขึ้นวานนี้ที่โซล และหลังจากสื่ออเมริกันรายงานว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ที่ผ่านมา วอชิงตันยืนกรานว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ควรเปิดอภิปรายถึงความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ หากประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ยังไม่ยอมเข้าร่วมการเจรจา 6 ฝ่าย
ขณะเดียวกัน อินเตอร์เนชั่นแนล ไครซิส กรุ๊ป (ไอซีจี) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นในปี 1995 เพื่อป้องกัน ควบคุม และแก้ไขข้อขัดแย้ง โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิ ภาครัฐ และผู้บริจาคจำนวนมาก ได้เปิดเผยรายงานว่าด้วยการปฏิรูปเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว
รายงานแนะว่า ประเทศต่างๆ ควรระงับการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา จนกว่าเกาหลีเหนือจะยุติโครงการนุก แต่ระหว่างรอนี้ นานาชาติควรเริ่มเตรียมการ อาทิ ฝึกอบรมชาวเกาหลีเหนือในต่างประเทศ ประเมินความจำเป็นในระยะยาว และการแก้ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานในดินแดนดังกล่าว โดยการให้ความช่วยเหลือนี้ควรกระทำผ่านกลุ่มที่ปรึกษา หรือการประชุมโต๊ะกลม ที่มีองค์การทางการเงินระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก และหุ้นส่วนการเจรจา 6 ฝ่าย เข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า เกาหลีเหนือกำลังอยู่ในช่วงการผ่องถ่ายเศรษฐกิจครั้งสำคัญที่สุดนับจากก่อตั้งประเทศเมื่อ 57 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า คิมจองอิล ผู้นำรัฐดาวแดงแห่งนี้ จะอ้าแขนรับเศรษฐกิจระบบตลาดหรือไม่ เนื่องจากหวั่นวิตกกับความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อีกทั้งยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจในแดนโสมแดงจะตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า ดังนั้น นานาชาติจึงควรให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผล