เฟรชมาร์ทส่ง “เฟรช แอนด์ สลิม” บุกตลาดเสริมความงามรับกระแส เน้นทำเลคอนโดที่พักอาศัย ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 25 แห่ง เล็งดึงเครื่องสำอางในเครือ “พาโวนิก้า” บุกตลาดขายตรงเอ็มแอลเอ็ม ต่อยอดธุรกิจความงาม ปลายปีดึงธุรกิจเสริมสวยจากอเมริกาเข้าไทยเจาะกลุ่มพรีเมี่ยม
นายอากาศ วสิกชาติ รองประธาน บริษัท เฟรช แอนด์ สลิม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือเฟรชมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า กลุ่มเฟรชมาร์ทได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ “เฟรช แอนด์ สลิม” ซึ่งเป็นธุรกิจเสริมความงามตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีโอกาสในการขยายตัวสูงมาก และในแต่ละปีตลาดรวมธุรกิจเสริมความงามในประเทศไทยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
แนวทางการขยายธุรกิจใหม่นี้บริษัทจะใช้รูปแบบการขายแฟรนไชส์เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ท ซึ่งทำให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อแฟรนไชส์จะให้ความเชื่อถือมาก โดยจะเน้นทำเลที่เป็นแหล่งชุมชนที่พักอาศัย หรือตามคอนโดมิเนียมต่างๆ ใกล้ศูนย์การค้ามากกว่าการขยายสาขาในพื้นที่ของศูนย์การค้า เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าสูงมาก ทำให้การคืนทุนต่อสาขาค่อนข้างช้า ขณะที่การเปิดนอกศูนย์การค้าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 ปี จากเม็ดเงินลงทุนครั้งแรก 850,000 บาทต่อสาขา
เป้าหมายการขยายสาขาของเฟรช แอนด์ สลิมปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 25 แห่ง หรือเปิดสาขาใหม่เดือนละ 2-3 แห่ง และภายใน 2-3 ปีจะต้องมีสาขาประมาณ 60 – 70 แห่ง โดยปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการแล้วประมาณ 9 สาขา แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ทยังคงเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวมากกว่า มีสาขาเปิดใหม่ประมาณ 10-20 แห่งต่อเดือน และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงเป็นอันดับ 1 เพราะมีสาขามากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศแล้ว
นอกจากการเปิดตัวธุรกิจใหม่ที่เป็นร้านเสริมความงามเฟรช แอนด์ สลิมแล้ว บริษัทเตรียมต่อยอดธุรกิจนี้ด้วยการนำเครื่องสำอางภายใต้ชื่อ “พาโวนิก้า (Pavonica)” ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่บริษัทจ้างผลิตเพื่อใช้ภายในร้านเฟรช แอนด์ สลิมมาจำหน่ายในรูปแบบขายตรงหลายชั้น หรือเอ็มแอลเอ็ม (MLM) เพื่อเพิ่มไลน์ธุรกิจใหม่และเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งธุรกิจเครื่องสำอางนับเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรได้สูงมาก
นายอากาศกล่าวต่อว่า กลุ่มเฟรชมาร์ทจะมองหากไลน์ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ โดยเน้นรูปแบบการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก เพื่อรองรับธุรกิจในเครือที่มีอยู่ อาทิ โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านหรือร้านต่างๆ และภายในปลายปี 2548 นี้ เตรียมจะทำธุรกิจร้านเสริมสวยในรูปแบบแฟรนไชส์เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับร้านเสริมสวยจากสหรัฐอเมริกา เป็นร้านเสริมสวยระดับพรีเมี่ยม โดยที่ผ่านมาธุรกิจที่กลุ่มเฟรชมาร์ททำอยู่ส่วนใหญ่จะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่างเป็นหลัก ธุรกิจใหม่จะเป็นธุรกิจแรกที่ขยับกลุ่มเป้าหมายไปสู่ระดับบน
ปัจจุบันธุรกิจในเครือกลุ่มเฟรชมาร์ท ประกอบด้วย ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เฟรชมาร์ท, ธุรกิจแฟรนไชส์ด้านอาหารขนมเครปญี่ปุ่น ดีเฟรช, ธุรกิจสิ่งพิมพ์ สำนักพิมพ์เฟรชมาร์ท พับบลิชชิ่ง, ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการนรินทร์ภิรมย์ และธุรกิจร้านเสริมความงาม เฟรช แอนด์ สลิม
นายอากาศ วสิกชาติ รองประธาน บริษัท เฟรช แอนด์ สลิม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือเฟรชมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ว่า กลุ่มเฟรชมาร์ทได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ “เฟรช แอนด์ สลิม” ซึ่งเป็นธุรกิจเสริมความงามตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีโอกาสในการขยายตัวสูงมาก และในแต่ละปีตลาดรวมธุรกิจเสริมความงามในประเทศไทยมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
แนวทางการขยายธุรกิจใหม่นี้บริษัทจะใช้รูปแบบการขายแฟรนไชส์เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ท ซึ่งทำให้กลุ่มลูกค้าที่สนใจซื้อแฟรนไชส์จะให้ความเชื่อถือมาก โดยจะเน้นทำเลที่เป็นแหล่งชุมชนที่พักอาศัย หรือตามคอนโดมิเนียมต่างๆ ใกล้ศูนย์การค้ามากกว่าการขยายสาขาในพื้นที่ของศูนย์การค้า เนื่องจากต้นทุนค่าเช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าสูงมาก ทำให้การคืนทุนต่อสาขาค่อนข้างช้า ขณะที่การเปิดนอกศูนย์การค้าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 ปี จากเม็ดเงินลงทุนครั้งแรก 850,000 บาทต่อสาขา
เป้าหมายการขยายสาขาของเฟรช แอนด์ สลิมปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 25 แห่ง หรือเปิดสาขาใหม่เดือนละ 2-3 แห่ง และภายใน 2-3 ปีจะต้องมีสาขาประมาณ 60 – 70 แห่ง โดยปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการแล้วประมาณ 9 สาขา แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ทยังคงเป็นธุรกิจที่มีการขยายตัวมากกว่า มีสาขาเปิดใหม่ประมาณ 10-20 แห่งต่อเดือน และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงเป็นอันดับ 1 เพราะมีสาขามากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศแล้ว
นอกจากการเปิดตัวธุรกิจใหม่ที่เป็นร้านเสริมความงามเฟรช แอนด์ สลิมแล้ว บริษัทเตรียมต่อยอดธุรกิจนี้ด้วยการนำเครื่องสำอางภายใต้ชื่อ “พาโวนิก้า (Pavonica)” ซึ่งเป็นเครื่องสำอางที่บริษัทจ้างผลิตเพื่อใช้ภายในร้านเฟรช แอนด์ สลิมมาจำหน่ายในรูปแบบขายตรงหลายชั้น หรือเอ็มแอลเอ็ม (MLM) เพื่อเพิ่มไลน์ธุรกิจใหม่และเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท ซึ่งธุรกิจเครื่องสำอางนับเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรได้สูงมาก
นายอากาศกล่าวต่อว่า กลุ่มเฟรชมาร์ทจะมองหากไลน์ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ โดยเน้นรูปแบบการขายแฟรนไชส์เป็นหลัก เพื่อรองรับธุรกิจในเครือที่มีอยู่ อาทิ โรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านหรือร้านต่างๆ และภายในปลายปี 2548 นี้ เตรียมจะทำธุรกิจร้านเสริมสวยในรูปแบบแฟรนไชส์เช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับร้านเสริมสวยจากสหรัฐอเมริกา เป็นร้านเสริมสวยระดับพรีเมี่ยม โดยที่ผ่านมาธุรกิจที่กลุ่มเฟรชมาร์ททำอยู่ส่วนใหญ่จะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงล่างเป็นหลัก ธุรกิจใหม่จะเป็นธุรกิจแรกที่ขยับกลุ่มเป้าหมายไปสู่ระดับบน
ปัจจุบันธุรกิจในเครือกลุ่มเฟรชมาร์ท ประกอบด้วย ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เฟรชมาร์ท, ธุรกิจแฟรนไชส์ด้านอาหารขนมเครปญี่ปุ่น ดีเฟรช, ธุรกิจสิ่งพิมพ์ สำนักพิมพ์เฟรชมาร์ท พับบลิชชิ่ง, ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการนรินทร์ภิรมย์ และธุรกิจร้านเสริมความงาม เฟรช แอนด์ สลิม