xs
xsm
sm
md
lg

ขันทีข้างกายท่านผู้นำ

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ท่าทีที่เย็นลงหลังเหตุการณ์วินาศกรรมสงขลาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังประกาศทบทวนนโยบายการแก้ปัญหาภาคใต้ ได้รับความชื่นชมจากหลายฝ่าย และทำให้แนวทางสมานฉันท์เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาที่ต้องใช้ความเยือกเย็นและสันติวิธีมีแนวโน้มที่สดใสขึ้น เพราะไม่มีใครเชื่อว่าความรุนแรงจะยุติลงด้วยความรุนแรง

แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีใครรู้ว่า เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบรายวันใน 3 จังหวัดภาคใต้ และลามมาถึงสงขลานั้นเป็นฝีมือของกลุ่มไหนกันแน่ และใครคือผู้บงการที่แท้จริง แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าทุกภาคส่วนของสังคมผนึกกำลังกันไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีฝ่ายค้าน รัฐบาล วันหนึ่งสันติสุขจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

การปฏิบัติการอันโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมของเหล่าโจรชั่วนี่แหละครับที่จะให้สังคมไทยผนึกกำลังกันเป็นปึกแผ่น เพราะวันนี้ไม่เพียงแต่คนไทยพุทธเท่านั้น คนไทยมุสลิมผู้บริสุทธิ์ก็กลายเป็นเหยื่อของขบวนการชั่วนี้ไปแล้วไม่น้อย

เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงจะตระหนักแล้วว่า ท่าทีต่อปัญหาภาคใต้ที่ผ่านมานั้น มีแต่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของงานข่าวกรอง ไม่เช่นนั้นคงไม่โพล่งวาทะว่า "โจรกระจอก" ออกมา รวมทั้งการเอารูปนักศึกษาออกค่าย เล่นกีฬาสีมาโชว์ แล้วบอกว่า เป็นขบวนการก่อการร้าย การนิ่ง และรับฟังข้อมูลที่มากกว่าการรายงานจากคนรอบข้างนั้นน่าจะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงได้มากขึ้น

ในสถานการณ์แบบนี้ ประเภท "ดีครับท่าน ทันครับผม เหมาะสมครับนาย"นั้น ถ้าให้ห่างตัวไว้ให้มากที่สุดก็ดี โดยเฉพาะคนใกล้ตัวประเภทที่คอยจ้องตานักข่าวเขม็งเวลาถามคำถามนาย ทำตัวเหมือนขันทีที่รู้ใจเจ้านาย

ขนาดคุณเสนาะ เทียนทอง ยังพูดออกมาว่า "ผมเป็นนักรบ ไม่ใช่ขันที" ตีความกันแบบไม่อ้อมค้อมก็คือ คุณเสนาะต้องการสื่อว่าท่านไม่ใช่ขันทีที่ห้อมล้อมสอพลออยู่ข้างกายท่านนายกฯ

เวลาพูดถึงขันทีแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึง หลี่กงกง หรือหลี่เหลียนอิง ขันทีคู่บารมีของพระนางซูสีไทเฮา หลี่เหลียนอิง ได้ชื่อว่า สุดยอดเลียแห่งยุค แม้ว่าขันทีจะเป็นพวกที่ถูกตอนแล้ว แต่คุณสมบัติข้อนี้แหละครับที่ทำให้ซูสีไทเฮาติดใจยิ่งนัก

ตอนอยู่เมืองจีน มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลี่เหลียนอิงมากมาย น่าเสียดายตอนนั้นผมไม่ค่อยจดจำรายละเอียดนัก จำได้ว่าเขาป้อยอจนกระทั่งซูสีไทเฮาคิดว่า ตัวเองเป็นเจ้าแม่กวนอิมกลับชาติมาเกิด

กลับมาเที่ยวนี้ผมจึงขอข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณอดุลย์ รัตนมั่นเกษม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีนคนหนึ่งของบ้านเราเล่าให้ฟังพอสังเขปว่า หลี่กงกง มีชื่อจริงว่า หลี่อิงไท่ แต่มีหลักฐานระบุว่า ก่อนที่จะเข้าวังนั้นเดิมหลี่กงกงมีชื่อดั้งเดิมว่า หลี่จิ้นสี แล้วต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นหลี่อิงไท่ ส่วนชื่อหลี่เหลียนอิงเป็นชื่อที่ซูสีไทเฮาตั้งให้ เขาเป็นคนรูปหล่อ ไหวพริบดี ปากหวาน และมีพรสวรรค์ในการเอาอกเอาใจเจ้านายอย่างเหลือเชื่อ

ก่อนจะเข้าวัง หลี่เหลียนอิง เป็นเด็กเร่ร่อน ต่อมาฝึกฝนการแต่งทรงผมจนเชี่ยวชาญ จนกระทั่งสนิทสนมกับนางสนมอี้กุ้ยเฟย ผู้กำลังหลงใหลแฟชั่นทรงผมแบบใหม่ จนอี้กุ้ยเฟยพอใจและทำให้เขากลายเป็นคนสนิทของนางสนมคนนี้ไป จากนั้นเข้าไปอยู่ในวัง และอี้กุ้ยเฟยรายนี้กลายเป็นซูสีไทเฮาในเวลาต่อมา

ดูภายนอกเขาทำตัวเหมือนนักประสานที่ดีในความขัดแย้งไม่ลงรอยระหว่างเจ้าชายกง อาของฮ่องเต้ที่ถูกซูสีไทเฮาชักใยอยู่หลังม่าน กับซูสีไทเฮา และพระนางฉืออันไทเฮา รวมทั้งฮ่องเต้ จนทำให้เขาเป็นที่พอใจของทุกคน พร้อมกับกำจัดคู่แข่งไปด้วย และทำให้เขาเรียนรู้ว่า อำนาจนั้นไม่เข้าใครออกใคร และเรียนรู้ว่า ต้องเอาตัวรอดอย่างไรเมื่อต้องพัวพันกับผู้ครองอำนาจสูงสุด

หลี่กงกงคอยพูดจาเตือนสติพระนางซูสีไทเฮา แนะนำให้เจ้านายรู้จักหลบเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น เพื่อหวังผลในระยะยาว ช่วยให้ซูสีไทเฮาเอาชนะคู่ปรับได้ และเมื่อบารมีของซูสีไทเฮาแข็งแกร่งขึ้น บารมีของหลี่กงกงก็เพิ่มขึ้นด้วย หลายครั้งเขาจึงใช้อำนาจแทนนาย เพียงเดาใจว่าสิ่งเหล่านั้นอาจรบกวนจิตใจของซูสีไทเฮา

แม้ว่า ซูสีไทเฮา จะเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต แต่ก็เป็นปุถุชนที่มีความอ่อนไหว หลี่กงกงนี่แหละที่เป็นเดียวที่คอยรองรับกับอารมณ์ของซูสีไทเฮาในทุกเรื่อง กล่าวได้ว่า เบื้องหลังอารมณ์ที่ร้อนเย็นของซูสีไทเฮา ก็สุดแต่หลี่เหลียนอิงจะใช้ชิวหาพาไปนั่นเอง และเขาอาจเป็นต้นตำนานของวลีที่ว่า "ดีครับท่าน ทันครับผม เหมาะสมครับนาย"ก็ได้

หลี่กงกง ใช้ลิ้นเป็นบันไดไต่เต้าจนก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจ ว่ากันว่าถ้าเทียบกับปัจจุบัน อำนาจของเขาอาจเทียบเท่ากับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเลยทีเดียว ชนิดที่ไม่มีขันทีคนไหนในประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้มาก่อน เขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 64 ปี และในเวลาต่อมาเขาถูกประชาชนที่เกลียดชังบุกเข้าไปพังทลายหลุมฝังศพของเขา

ครับในประวัติศาสตร์มีบทเรียนให้เราเรียนรู้มากมาย ยังมีเรื่องเล่าของหลี่กงกงที่เป็นมุกตลกแสนคลาสสิก

วันหนึ่งซูสีไทเฮาบอกกับหลี่กงกงว่า อยากให้เขาเล่าเรื่องที่สั้นที่สุดเรื่องหนึ่งให้ฟัง

หลี่กงกงเมื่อได้ยินรับสั่งก็พูดออกมาว่า "ฉัน…" แล้วนิ่งไป

ซูสีไทเฮาคิดว่า หลี่กงกงตื่นเต้นจึงตั้งใจรอฟังอยู่นาน สักครู่หลี่กงกงก็ทูลซูสีไทเฮาว่า "เรื่องที่เล่าจบแล้ว"

ซูสีไทเฮาฟังเช่นนั้นก็ประหลาดใจจึงถามกลับไปว่า

“你刚才只讲了一个‘我’字,那下面 呢?”

หนี่กังฉายจวื่อเจี่ยงเลออิเก้อ "หว่อ" จวื้อ, น่าเซี่ยเมี่ยนเนอ?

"เมื่อสักครู่ ท่านพูดออกมาว่า "ฉัน…"แล้วต่อไปล่ะ"

(ในภาษาจีนคำว่า "ต่อไป" คือคำว่า เซี่ยเมี่ยน(下面) ที่แปลได้ว่า "ด้านล่าง"ด้วย)

หลี่กงกงจึงตอบว่า "ไทเฮาขอรับ "ด้านล่าง"ของข้าพเจ้าไม่มีแล้ว"(报告太后,我的下面没有了!” )

ครับด้วยบรรยากาศของความสมานฉันท์ เพื่อช่วยกันนำสันติสุขกลับคืนมา และท่าทีที่เยือกเย็นสุขุมขึ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ บางทีท่านใช้โอกาสนี้ทบทวนเรื่องคนรอบข้างเสียบ้างก็ดีครับ

มีคนบอกว่า ข้างกายท่านมี "หลี่กงกง"อยู่คนหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น