พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2548 อย่างมั่นใจเอาจริงเอาจังว่าจะจัดการกับกลุ่มอิทธิพลตลาดโบ๊เบ๊ได้อย่างแน่นอน แม้กลุ่มอิทธิพลจะมีคนมีสีอยู่เบื้องหลัง อย่าไปกลัวพวก “เสธ.เกเร” ต้องจัดการเด็ดขาด...
ในฐานะเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมาเคยทำข่าวสายทหารมาแว่บหนึ่ง ผมสะดุดและได้ความรู้สึกกับคำว่า “เสธ.เกเร”
ก็อย่างที่เห็นๆ กันว่าพักหลัง ๆ พอพูดถึงอิทธิพล อันธพาล มาเฟีย ซุ้มมือปืน บ่อนการพนัน แก๊งทวงหนี้ อุ้ม –ฆ่า ก็มักจะมีชื่อของเสธ.โน้นเสธ.นี้โผล่ตามมา
แม้แต่กรณีตลาดโบ๊เบ๊ นสพ.บางฉบับเขาระบุกันว่าเมื่อสืบสาวราวเรื่องลงไปลึกๆ ก็จะพบว่าเป็น “ศึก 2 เสธ.” อยู่กลายๆ ระหว่างเสธ.อ.กับเสธ.ม. ซึ่งทั้งสองท่านไม่ได้อยู่ในกองทัพแล้ว
คำว่า “เสธ.”(อ่านว่าเส) ย่อมาจากคำว่า “เสนาธิการ” เมื่อ 4 – 5 ปีที่ผ่านมา เคยได้ยินผู้ประกาศข่าว –นักจัดรายการรายหนึ่งอ่าน “เสธ.” ว่า “เสด” และบังเอิญเป็นคำว่า “ เสธ.หนั่น “ เสียด้วย ดังนั้นพอได้ยินเธออ่านว่า “เสดหนั่น..” ผมล่ะขนลุกซู่ กลัวเสธ.หนั่นจะให้ลูกน้องนำไวน์ไปกรอกปาก.....
คำว่า “เสธ.” ในช่วงหลังๆ ได้ยินแล้วค่อนข้างจะให้ความรู้สึกลบมากกว่าบวก ให้ความเลวร้ายมากกว่าดีงาม ได้ยินแล้วแทบจะมีกลิ่นเลือดตามมาด้วย ทั้งๆ ที่คำๆ นี้น่าจะเป็นคำเท่ คำเก่ง ..
พจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้นิยามของคำว่าของคำว่า “เสนาธิการ” เอาไว้ว่า..
“ ตำแหน่งนายทหารผู้ทำหน้าที่หาและให้ข่าวสารประมาณการ ให้ข้อเสนอแนะ ทำแผนและคำสั่ง กำกับดูแลทางฝ่ายอำนวยการและติดต่อประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร แต่ไม่มีหน้าที่สั่งการบังคับบัญชาหน่วยทหาร..”
ถ้าพูดตามความหมายแบบเราๆ ท่านๆ แบบสั้นๆ ก็ต้องบอกว่า “เสธ.”คือคนที่ “วางแผนและประสานงาน” บ่อยครั้งที่เราชื่นชมพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ฉลาดหลักแหลม วางแผนเก่งว่าเป็นพวก “หัวเสธ.” อันเป็นความหมายในเชิงบวก..
อันที่จริงคนที่จะถูกเรียกว่าเสธ.ได้ ต้องผ่านโรงเรียนเสนาธิการของแต่ละเหล่าทัพ หลักสูตรปกติก็เรียนกันหนึ่งปี จบโรงเรียนเสธ.ที่เมืองไทยแล้วก็ต่อที่ต่างประเทศได้อีก อย่างเช่นถ้าจบโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมืองไทยแล้ว ถ้าให้เท่และเก่งฉกาจยิ่งขึ้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ฟอร์ท ลีเวนเวินร์ท สหรัฐ เป็นต้น
น่าแปลกที่บรรดาเสธ.ที่ดังๆ ทั้งทางดีทางร้าย เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นศิษย์ เก่าของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ซึ่งมีศิษย์เก่า 80กว่าชุดหรือ 80 กว่ารุ่นแล้ว
เพราะความที่ว่าใครจบโรงเรียนเสนาธิการของเหล่าทัพก็เป็นเสธ.ได้หมด ดังนั้นในความเป็นเสธ.ก็มิได้หมายความว่านายทหารท่านนั้นจะต้องเติบโตมาในสายอำนวยการหรือสายเสนาธิการแต่อย่างใด..
ดูอย่าง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ (จปร.7) เพื่อนพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นั่นไง สื่อมวลชน คนทั่วไปเรียกว่า “เสธ.หมึก” ทั้งๆที่ชีวิตจริงอยู่หน่วยรบ บู๊มาตลอดชีวิตราชการ และแม้แต่ตอนตกงานหลังปฏิวัติแพ้เมื่อเมษาฮาวาย 2524..ก็ยังรบเพื่อ “นายจิ๋ว” ไม่เลิก ...!!
การจะถูกเรียกว่า เสธ.หรือไม่อยู่ที่เหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพื่อนฝูงเรียกขาน, ตั้งเอง –ให้ลูกน้องเรียกขาน, สื่อมวลชนตั้งให้
ผมเห็นบ่อยครั้ง นายทหารยศนายพันตรี พันโท เรียนจบโรงเรียนเสนาธิการของเหล่าทัพใหม่ๆ พยายามให้ลูกน้อง เพื่อนฝูงเรียกตัวเองว่า “เสธ.” เพราะต้องยอมรับว่าคำว่าเสธ.ในด้านหนึ่งของค่านิยมแบบไทยๆ ฟังแล้วเท่ และบางครั้งเป็นเส้นทางลัดในการเสริมสร้างอิทธิพลให้กับตัวเอง...แม้ว่าจะไม่ขลัง ไม่น่าคร้ามเกรงเหมือนในอดีต...
ผมเชื่อว่าปัจจุบันถ้าทำรายงานภาคสนาม สุ่มตรวจไปตามชุมชนต่างๆ ที่มีแหล่งผลประโยชน์ ,ธุรกิจสีเทาต่างๆ , แหล่งอบายมุข , ธุรกิจรักษาความปลอดภัย ฯลฯ จะได้ยินการเอ่ยอ้างคำว่า “เสธ.” กันเป็นว่าเล่น...ประมาณว่าแผ่นดินนี้แทบจะเต็มไปด้วยเหล่า “เสธ.เกเร”
ย่อมแสดงให้เห็นว่า...คำว่า “เสธ.” ยังนำไปทำมาหารับประทานโดยมิชอบได้อีกมาก เพียงแต่นับวันจะต้องลงไปที่ระดับรากหญ้ามากหน่อย...
พูดก็พูดเถอะ ทุกวันนี้หากจะพูดถึงเสธ.รุ่นเก๋า ในความหมายที่เป็นผู้กว้างขวาง มีบารมีเหลือล้นจนชวนให้คิดว่าน่าจะมีผู้นำไปแอบอ้าง สวมรอยทำมาหากิน ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ท่าน..
เสธ.แอ๊ว –พล.อ.อัครเดช ศศิประภา อดีตรองผบ.ทหารสูงสุด พ่อสามีของดาราสาว “หมิว ลลิตา” ท่านเกษียณแล้ว มีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลาน คงไม่มีเวลาตามไปดูว่ามีใครที่ไหนแอบอ้างบารมีของท่านไปทำมิดีมิร้ายบ้าง
เสธ.ม่อย – พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย สว.เชียงใหม่ ประธานกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา แม้เจ้าตัวจะขอให้สื่อเรียกว่า “เสธ.ยอด” เพราะว่า “ม่อย”เวลาออกเสียงมันวาบหวิวเกินไป แต่สื่อมวลชนก็ชอบที่จะเรียกว่าเสธ.ม่อย ... ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เสธ.ม่อยพยายามขยายบทบาทของตัวเอง ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนมาก การดูแลเครือข่ายแขนขาของตัวเองจะทั่วถึงขนาดไหน ผมไม่ทราบ
เสธ.ไอ๊ซ์ - พล.ท.ไตรรงค์ อินทรฑัต หัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม เพื่อนร่วมรุ่นจปร.21 ของนายกรัฐมนตรี เป็นคนกว้างขวางในเวอร์ชันใหม่ และน่าจะอยู่ในสายตาของนายกฯ อยู่แล้ว...
ว่ากันที่จริงผมว่า ด้วยความที่ผ่านโลกมายาวนาน เป็นเสธ.รุ่นเก๋า ถ้านายกรัฐมนตรีขอให้เสธ.แอ๊ว,เสธ.ม่อย รวมทั้งเสธ.ไอซ์รวมพลังผนึกลมปราณหยุดยั้งเสธ.รุ่นลูกรุ่นหลานที่กำลังคิดจะสร้างอิทธิพลในทางที่มิชอบ มันก็อาจจะหายไปครึ่งค่อนกรุงเทพฯ หรือครึ่งค่อนประเทศทีเดียว...
แต่ก็ดีแล้วครับที่ ท่านนายกฯ ไม่ใช้บริการของ 3เสธ. หันไปเลือกใช้บริการอีกเส....”เสรีพิสุทธ์” –พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจ ผู้ถอยหลังไม่เป็น ถอยหลังหกล้ม.. เดินหน้าอย่างเดียว..
จำเพาะฉากนี้ช็อตนี้ พวกเสธ.เกเรที่โบ๊เบ๊และอีกหลายแห่ง เจอกับ เสรีพิศุทธ์ ถือเป็นมวยถูกคู่แล้ว...
ส่วนเรื่องของพวกเสธ.เกเรในภาพรวม ผมว่าว่างๆ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หรือบรรดาเหล่าเสธ.ที่กำลังจะเป็นผู้นำกองทัพอย่าง เสธ.อู้ – พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิชย์ ,เสธ.ใบ้ –พล.อ.สุรพันธ์ พุ่มแก้ว โฆษกกระทรวงกลาโหม,เสธ.จง –พล.ท.จงศักดิ์ พานิชกุล ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. ฯลฯ น่าจะหยิบยกเอามาเป็นวาระปัดฝุ่นเช็ดกระจก ส่องดูหน้าพวกเสธ.ๆ กันบ้างก็น่าจะดี...
ช่วยนายกฯท่านหน่อย แค่ปัญหา 3จังหวัดภาคใต้ ท่านก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว !!
ในฐานะเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมาเคยทำข่าวสายทหารมาแว่บหนึ่ง ผมสะดุดและได้ความรู้สึกกับคำว่า “เสธ.เกเร”
ก็อย่างที่เห็นๆ กันว่าพักหลัง ๆ พอพูดถึงอิทธิพล อันธพาล มาเฟีย ซุ้มมือปืน บ่อนการพนัน แก๊งทวงหนี้ อุ้ม –ฆ่า ก็มักจะมีชื่อของเสธ.โน้นเสธ.นี้โผล่ตามมา
แม้แต่กรณีตลาดโบ๊เบ๊ นสพ.บางฉบับเขาระบุกันว่าเมื่อสืบสาวราวเรื่องลงไปลึกๆ ก็จะพบว่าเป็น “ศึก 2 เสธ.” อยู่กลายๆ ระหว่างเสธ.อ.กับเสธ.ม. ซึ่งทั้งสองท่านไม่ได้อยู่ในกองทัพแล้ว
คำว่า “เสธ.”(อ่านว่าเส) ย่อมาจากคำว่า “เสนาธิการ” เมื่อ 4 – 5 ปีที่ผ่านมา เคยได้ยินผู้ประกาศข่าว –นักจัดรายการรายหนึ่งอ่าน “เสธ.” ว่า “เสด” และบังเอิญเป็นคำว่า “ เสธ.หนั่น “ เสียด้วย ดังนั้นพอได้ยินเธออ่านว่า “เสดหนั่น..” ผมล่ะขนลุกซู่ กลัวเสธ.หนั่นจะให้ลูกน้องนำไวน์ไปกรอกปาก.....
คำว่า “เสธ.” ในช่วงหลังๆ ได้ยินแล้วค่อนข้างจะให้ความรู้สึกลบมากกว่าบวก ให้ความเลวร้ายมากกว่าดีงาม ได้ยินแล้วแทบจะมีกลิ่นเลือดตามมาด้วย ทั้งๆ ที่คำๆ นี้น่าจะเป็นคำเท่ คำเก่ง ..
พจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้นิยามของคำว่าของคำว่า “เสนาธิการ” เอาไว้ว่า..
“ ตำแหน่งนายทหารผู้ทำหน้าที่หาและให้ข่าวสารประมาณการ ให้ข้อเสนอแนะ ทำแผนและคำสั่ง กำกับดูแลทางฝ่ายอำนวยการและติดต่อประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร แต่ไม่มีหน้าที่สั่งการบังคับบัญชาหน่วยทหาร..”
ถ้าพูดตามความหมายแบบเราๆ ท่านๆ แบบสั้นๆ ก็ต้องบอกว่า “เสธ.”คือคนที่ “วางแผนและประสานงาน” บ่อยครั้งที่เราชื่นชมพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ฉลาดหลักแหลม วางแผนเก่งว่าเป็นพวก “หัวเสธ.” อันเป็นความหมายในเชิงบวก..
อันที่จริงคนที่จะถูกเรียกว่าเสธ.ได้ ต้องผ่านโรงเรียนเสนาธิการของแต่ละเหล่าทัพ หลักสูตรปกติก็เรียนกันหนึ่งปี จบโรงเรียนเสธ.ที่เมืองไทยแล้วก็ต่อที่ต่างประเทศได้อีก อย่างเช่นถ้าจบโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เมืองไทยแล้ว ถ้าให้เท่และเก่งฉกาจยิ่งขึ้นก็ไปเรียนต่อที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ฟอร์ท ลีเวนเวินร์ท สหรัฐ เป็นต้น
น่าแปลกที่บรรดาเสธ.ที่ดังๆ ทั้งทางดีทางร้าย เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นศิษย์ เก่าของโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ซึ่งมีศิษย์เก่า 80กว่าชุดหรือ 80 กว่ารุ่นแล้ว
เพราะความที่ว่าใครจบโรงเรียนเสนาธิการของเหล่าทัพก็เป็นเสธ.ได้หมด ดังนั้นในความเป็นเสธ.ก็มิได้หมายความว่านายทหารท่านนั้นจะต้องเติบโตมาในสายอำนวยการหรือสายเสนาธิการแต่อย่างใด..
ดูอย่าง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ (จปร.7) เพื่อนพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นั่นไง สื่อมวลชน คนทั่วไปเรียกว่า “เสธ.หมึก” ทั้งๆที่ชีวิตจริงอยู่หน่วยรบ บู๊มาตลอดชีวิตราชการ และแม้แต่ตอนตกงานหลังปฏิวัติแพ้เมื่อเมษาฮาวาย 2524..ก็ยังรบเพื่อ “นายจิ๋ว” ไม่เลิก ...!!
การจะถูกเรียกว่า เสธ.หรือไม่อยู่ที่เหตุปัจจัยหลายอย่าง เช่น เพื่อนฝูงเรียกขาน, ตั้งเอง –ให้ลูกน้องเรียกขาน, สื่อมวลชนตั้งให้
ผมเห็นบ่อยครั้ง นายทหารยศนายพันตรี พันโท เรียนจบโรงเรียนเสนาธิการของเหล่าทัพใหม่ๆ พยายามให้ลูกน้อง เพื่อนฝูงเรียกตัวเองว่า “เสธ.” เพราะต้องยอมรับว่าคำว่าเสธ.ในด้านหนึ่งของค่านิยมแบบไทยๆ ฟังแล้วเท่ และบางครั้งเป็นเส้นทางลัดในการเสริมสร้างอิทธิพลให้กับตัวเอง...แม้ว่าจะไม่ขลัง ไม่น่าคร้ามเกรงเหมือนในอดีต...
ผมเชื่อว่าปัจจุบันถ้าทำรายงานภาคสนาม สุ่มตรวจไปตามชุมชนต่างๆ ที่มีแหล่งผลประโยชน์ ,ธุรกิจสีเทาต่างๆ , แหล่งอบายมุข , ธุรกิจรักษาความปลอดภัย ฯลฯ จะได้ยินการเอ่ยอ้างคำว่า “เสธ.” กันเป็นว่าเล่น...ประมาณว่าแผ่นดินนี้แทบจะเต็มไปด้วยเหล่า “เสธ.เกเร”
ย่อมแสดงให้เห็นว่า...คำว่า “เสธ.” ยังนำไปทำมาหารับประทานโดยมิชอบได้อีกมาก เพียงแต่นับวันจะต้องลงไปที่ระดับรากหญ้ามากหน่อย...
พูดก็พูดเถอะ ทุกวันนี้หากจะพูดถึงเสธ.รุ่นเก๋า ในความหมายที่เป็นผู้กว้างขวาง มีบารมีเหลือล้นจนชวนให้คิดว่าน่าจะมีผู้นำไปแอบอ้าง สวมรอยทำมาหากิน ก็มีอยู่เพียงไม่กี่ท่าน..
เสธ.แอ๊ว –พล.อ.อัครเดช ศศิประภา อดีตรองผบ.ทหารสูงสุด พ่อสามีของดาราสาว “หมิว ลลิตา” ท่านเกษียณแล้ว มีความสุขอยู่กับการเลี้ยงหลาน คงไม่มีเวลาตามไปดูว่ามีใครที่ไหนแอบอ้างบารมีของท่านไปทำมิดีมิร้ายบ้าง
เสธ.ม่อย – พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย สว.เชียงใหม่ ประธานกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา แม้เจ้าตัวจะขอให้สื่อเรียกว่า “เสธ.ยอด” เพราะว่า “ม่อย”เวลาออกเสียงมันวาบหวิวเกินไป แต่สื่อมวลชนก็ชอบที่จะเรียกว่าเสธ.ม่อย ... ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เสธ.ม่อยพยายามขยายบทบาทของตัวเอง ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนมาก การดูแลเครือข่ายแขนขาของตัวเองจะทั่วถึงขนาดไหน ผมไม่ทราบ
เสธ.ไอ๊ซ์ - พล.ท.ไตรรงค์ อินทรฑัต หัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม เพื่อนร่วมรุ่นจปร.21 ของนายกรัฐมนตรี เป็นคนกว้างขวางในเวอร์ชันใหม่ และน่าจะอยู่ในสายตาของนายกฯ อยู่แล้ว...
ว่ากันที่จริงผมว่า ด้วยความที่ผ่านโลกมายาวนาน เป็นเสธ.รุ่นเก๋า ถ้านายกรัฐมนตรีขอให้เสธ.แอ๊ว,เสธ.ม่อย รวมทั้งเสธ.ไอซ์รวมพลังผนึกลมปราณหยุดยั้งเสธ.รุ่นลูกรุ่นหลานที่กำลังคิดจะสร้างอิทธิพลในทางที่มิชอบ มันก็อาจจะหายไปครึ่งค่อนกรุงเทพฯ หรือครึ่งค่อนประเทศทีเดียว...
แต่ก็ดีแล้วครับที่ ท่านนายกฯ ไม่ใช้บริการของ 3เสธ. หันไปเลือกใช้บริการอีกเส....”เสรีพิสุทธ์” –พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จเรตำรวจ ผู้ถอยหลังไม่เป็น ถอยหลังหกล้ม.. เดินหน้าอย่างเดียว..
จำเพาะฉากนี้ช็อตนี้ พวกเสธ.เกเรที่โบ๊เบ๊และอีกหลายแห่ง เจอกับ เสรีพิศุทธ์ ถือเป็นมวยถูกคู่แล้ว...
ส่วนเรื่องของพวกเสธ.เกเรในภาพรวม ผมว่าว่างๆ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หรือบรรดาเหล่าเสธ.ที่กำลังจะเป็นผู้นำกองทัพอย่าง เสธ.อู้ – พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิชย์ ,เสธ.ใบ้ –พล.อ.สุรพันธ์ พุ่มแก้ว โฆษกกระทรวงกลาโหม,เสธ.จง –พล.ท.จงศักดิ์ พานิชกุล ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. ฯลฯ น่าจะหยิบยกเอามาเป็นวาระปัดฝุ่นเช็ดกระจก ส่องดูหน้าพวกเสธ.ๆ กันบ้างก็น่าจะดี...
ช่วยนายกฯท่านหน่อย แค่ปัญหา 3จังหวัดภาคใต้ ท่านก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว !!