นายกสมาคมขายตรงไทยหรือTDSA ออกโรงโต้ฝ่ายTDIA ชี้บอร์ดขายตรงควรมีตัวแทนเอกชนนั่งแท่นจะเป็นคนจากสมาคมใดก็ได้แต่ต้องมีความรู้ขายตรง แจงที่ผ่านมาเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการเอกชนจะไม่ยุ่งเกี่ยว พร้อมชี้ภาพรวมขายตรงปีนี้ยังโตกว่า10% และยอดรายได้รวม 40,000 ล้านบาท
จากกรณีที่สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) ไม่เห็นด้วยกับการที่บอร์ดขายตรงมีตัวแทนเอกชนจากสมาคมTDSA นั่งเป็นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เพราะเห็นว่าบอร์ดเอกชนนั้นมีส่วนได้ส่วนเสียกับการตัดสินใจบางเรื่อง โดยเฉพาะกรณีบริษัทกรีนแพลนเน็ต 108 คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงในเครืออังกฤษตรางู
นายปรีชา ประกอบกิจ นายกสมาคมการขายตรงไทยหรือTDSA และหนึ่งในตัวแทนเอกชนที่เป็นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ต้องการให้ทุกสมาคมช่วยกันทำธุรกิจขายตรงในเชิงสร้างสรรค์มากกว่า ซึ่งในส่วนตัวมองว่าคนที่จะนั่งเป็นคณะกรรมการจะเป็นใครก็ได้ แต่ควรจะมีตัวแทนจากเอกชนที่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงอย่างจริงจังนั่งเป็นบอร์ด เพื่อที่ทางจะเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ทางภาครัฐ ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะสิ้นสุดลงเดือนกันยายนนี้หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมา 3ปี
"ตอนนี้เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเอกชน เราจะไม่ยุ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นและเดินออกจากที่ประชุม และทางสมาคมฯก็เพียงแต่ให้ข้อมูล ไม่มีอำนาจในทางกฎหมายที่จะไปตัดสินใคร" นายปรีชากล่าว
ปัจจุบันสมาคมการขายตรงไทยดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปีและมีจำนวนสมาชิก 33 บริษัทฯ ทั้งธุรกิจขายตรงในประเทศและต่างประเทศ โดยหน้าที่หลัก คือ ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจขายตรงให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้บริโภค และให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับจรรยาบรรณการขายตรง โดยยอดรายได้ของสมาคมฯ คิดเป็น 80% ของตลาดรวม
จากกรณีที่สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) ไม่เห็นด้วยกับการที่บอร์ดขายตรงมีตัวแทนเอกชนจากสมาคมTDSA นั่งเป็นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เพราะเห็นว่าบอร์ดเอกชนนั้นมีส่วนได้ส่วนเสียกับการตัดสินใจบางเรื่อง โดยเฉพาะกรณีบริษัทกรีนแพลนเน็ต 108 คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงในเครืออังกฤษตรางู
นายปรีชา ประกอบกิจ นายกสมาคมการขายตรงไทยหรือTDSA และหนึ่งในตัวแทนเอกชนที่เป็นคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ต้องการให้ทุกสมาคมช่วยกันทำธุรกิจขายตรงในเชิงสร้างสรรค์มากกว่า ซึ่งในส่วนตัวมองว่าคนที่จะนั่งเป็นคณะกรรมการจะเป็นใครก็ได้ แต่ควรจะมีตัวแทนจากเอกชนที่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงอย่างจริงจังนั่งเป็นบอร์ด เพื่อที่ทางจะเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ทางภาครัฐ ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จะสิ้นสุดลงเดือนกันยายนนี้หลังจากที่ดำรงตำแหน่งมา 3ปี
"ตอนนี้เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการเอกชน เราจะไม่ยุ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นและเดินออกจากที่ประชุม และทางสมาคมฯก็เพียงแต่ให้ข้อมูล ไม่มีอำนาจในทางกฎหมายที่จะไปตัดสินใคร" นายปรีชากล่าว
ปัจจุบันสมาคมการขายตรงไทยดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปีและมีจำนวนสมาชิก 33 บริษัทฯ ทั้งธุรกิจขายตรงในประเทศและต่างประเทศ โดยหน้าที่หลัก คือ ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจขายตรงให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้บริโภค และให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับจรรยาบรรณการขายตรง โดยยอดรายได้ของสมาคมฯ คิดเป็น 80% ของตลาดรวม