เรื่องสภาพแวดล้อมที่วิปริตผันแปรไปจนทุกคนสัมผัสได้ว่ามันคือภัยอันตรายที่ร้ายแรงของคนทั้งประเทศ กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมืองและวางอยู่ข้างหน้าท้าทายรัฐบาลทักษิณสอง จัดเป็นหลุมมรณะที่สามที่รัฐบาลทักษิณสองจะต้องฝ่าข้ามไปให้สำเร็จ
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับภาระเป็นผู้บัญชาการอำนวยการทำฝนหลวงในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ด้วยพระองค์เอง น้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณต่อพสกนิกรในครั้งนี้ประดุจดั่งน้ำฝนที่ชโลมหลั่งสู่หัวใจคนไทยทั้งประเทศ ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยแล้งที่หนักหน่วง
แต่ก็ควรเป็นเรื่องที่รัฐบาลและประชาชนจะต้องสำนึกตระหนักว่าปัญหาความวิปริตผันแปรของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยของเรานั้นหนักหน่วงรุนแรงจนไม่อาจปล่อยปละละเลยหรือทำกันแบบชุ่ย ๆ อีกต่อไปแล้ว
และในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องกระทำอย่างจริงจัง ดังที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญและได้แถลงต่อสภาไว้แล้ว เพราะเราได้สูญเสียเวลาในเรื่องนี้ไปมากแล้ว ทั้ง 20 ปีเศษมานี้ประเทศไทยต้องสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้นับล้านล้านบาทแล้ว แต่ปัญหาไม่เพียงจะไม่ได้รับการแก้ไขเท่านั้น กลับทวีความรุนแรงมากขึ้น
ภัยธรรมชาติหนักหน่วงรุนแรงกว่าทุกระยะที่ผ่านมา ต่อเนื่องยาวนานกว่าทุกระยะที่ผ่านมา และปริมณฑลของพื้นที่ประสบภัยก็ขยายตัวออกไปจนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณและเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าเงินงบประมาณกว่าล้านล้านบาทที่สูญเสียไปยังได้รับผลไม่คุ้มกับเงินที่ได้ลงทุนลงรอนไป
สภาพแวดล้อมที่วิปริตผันแปรไปนี้ครอบคลุมทั้งแผ่นดิน แผ่นน้ำ น่านฟ้า และอากาศ รวมตลอดถึงบรรดาพืชพันธุ์ธัญญาหารและสัตว์ด้วย ความครอบคลุมของความวิปริตปานนี้ทำให้ชีวิตของคนไทยอยู่ในความเสี่ยงภัยอย่างใหญ่หลวง
อย่างแรกก็คือการตายแบบผ่อนส่งจากอากาศ มลพิษและอาหารที่เป็นพิษ อย่างที่สองก็คืออุบัติภัยที่มีความถี่ขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น นับเป็นเหตุการณ์หรือความเสี่ยงภัยครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาแต่ก่อนเลย
คนกรุงเทพฯ และคนเมืองใหญ่ควรจะได้ตั้งความสังเกตกันให้ดีว่าทุกวันเวลาบรรยากาศปกคลุมขมุกขมัวราวกับเมฆหมอกในฤดูฝนนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงควันพิษที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์และเกิดจากการเผาผลาญพลังงานของมนุษย์ และทำอันตรายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นแต่ว่ามันเป็นการทำลายแบบผ่อนส่ง
แม้ในห้องทำงานหรือห้องนอนที่เป็นห้องปรับอากาศก็เหมือนกัน อากาศเน่าเสียที่ทุกคนหายใจออกหรือขับถ่ายออกมาก็ถูกหายใจกลับเข้าไป หมุนเวียนกันไปโดยไม่เคยมีอากาศบริสุทธิ์เข้าไปแทนที่จนเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ และโรคอะไรต่อมิอะไรอีกหลายชนิด
ความเป็นพิษนอกจากในอากาศแล้ว ยังเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่าในแม่น้ำ ลำคลอง บนผืนแผ่นดิน หรือการเจือปนสารพิษในอาหาร ซึ่งล้วนเป็นเรื่องร้ายแรงมากขึ้นทุกที และเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนมากขึ้นทุกทีด้วย
ในการแก้ไขปัญหาเพื่อฝ่าข้ามปัญหาสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเป็นภัยดังกล่าวนั้น ขอเพียงแต่เข้าใจให้ถูก คิดให้เป็น ทำให้จริง และร่วมมือร่วมแรงกันอย่างแข็งขัน สารพันปัญหาก็ย่อมแก้ไขได้
ความแห้งแล้ง ภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ทั้งสามเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน มีต้นตอหรือสาเหตุอย่างเดียวกัน แต่เราแยกออกเป็นส่วนๆ ในการแก้ไขปัญหา หน้าแล้งก็แก้ภัยแล้ง ถึงเทศกาลน้ำท่วมก็แก้ไขภัยน้ำท่วม จึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปคราวหนึ่ง ๆ ซึ่งทำให้รากเหง้าของปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ดังนั้นความแห้งแล้ง ภัยแล้ง และน้ำท่วม จึงเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจ ที่เกิดขึ้นทุกปีแต่มีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดความเสียหายมากขึ้น ทั้งๆ ที่ประเทศไทยของเราเคยมีความอุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้น และประชาชนเคยอยู่กินกันมาอย่างผาสุก
ความแห้งแล้ง ภัยแล้ง และน้ำท่วม มีสาเหตุสำคัญจากการสูญเสียแหล่งกักเก็บน้ำ จากการถมหรือทำให้ตื้นเขินของมนุษย์โดยตรงอย่างหนึ่ง และจากการตื้นเขินโดยธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อเกือบร้อยปีมานี้ประเทศไทยเรามีแหล่งกักเก็บน้ำมากมายและอุดมสมบูรณ์ น้ำเหนือและน้ำจากอีสานถูกกักเก็บน้ำทุกระยะที่ไหลผ่าน ปริมาณน้ำจึงไม่ท่วมภาคกลางและกรุงเทพฯ ยกเว้นก็แต่บางปีที่มีน้ำมากเกินปกติจนเรียกได้ว่าเป็นอุทกภัยเท่านั้น
ครั้นหน้าแล้งน้ำที่กักเก็บไว้ก็สามารถนำมาใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ ในน้ำจึงมีปลา ในนาจึงมีข้าว
แต่เพราะเหตุที่แหล่งน้ำสูญเสียไป ปริมาณกักเก็บน้ำในเทศกาลหน้าฝนจึงเหลือน้อย น้ำที่ถูกปล่อยทิ้งจึงเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน พอถึงหน้าน้ำหลากน้ำก็หลากจากเหนือ อีสาน ลงสู่กรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว จึงเกิดเป็นภัยน้ำท่วมขึ้นทุกปี แล้วก็ต้องเสียหายและใช้จ่ายเงินงบประมาณในการแก้ไขและป้องกันน้ำท่วมซ้ำซากจำเจทุกปีด้วย
เพราะแหล่งกักเก็บน้ำสูญเสียไป กักเก็บน้ำไว้ได้น้อย พอเข้าเทศกาลหน้าแล้งน้ำก็ไม่พอใช้ แหล่งน้ำก็ตื้นเขิน แผ่นดินก็แตกระแหง เกิดเป็นภัยแล้งที่คน พืช และสัตว์ต้องเผชิญหน้ากับเภทภัยนั้น ยิ่งนานวันความแห้งแล้งก็ยิ่งลุกลามขยายตัวออกไป ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และหากแก้ไขไม่ทันท่วงที ภัยแล้งก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไปด้วย
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมจึงต้องแก้ที่แหล่งน้ำ คือการทำให้แหล่งน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้สามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้น โดยการขุดลอกให้พ้นจากภาวะตื้นเขิน จากนั้นก็เพิ่มแหล่งน้ำที่ถูกถมหรือหมดสภาพไปให้มีปริมาณที่พอเพียงหรือเกินพอต่อการจัดเก็บน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี หากทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นการป้องกันภัยน้ำท่วมที่ต้นเหตุ และเป็นการสร้างเงื่อนไขหรือต้นเหตุที่ทำให้เราไม่ต้องเผชิญกับภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำอีกต่อไป
มาตรการขุดบ่อบาดาลก็ดี ขุดสระก็ดี แจกโอ่งก็ดี ล้วนเป็นเรื่องผักชีโรยหน้าและเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า เพราะไม่มีส่วนในการแก้ไขต้นตอของปัญหา ไม่เป็นส่วนในการก่อเหตุและปัจจัยที่จะทำให้ภัยน้ำท่วมและภัยแล้งหมดสิ้นไปแต่ประการใดเลย
การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ คือนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มุ่งศึกษาในเรื่องนี้ย่อมเป็นนิมิตหมายที่ดีและได้แต่ตั้งความปรารถนาว่าจะมีความมุ่งมั่นและความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาตรงต้นตอและสร้างเหตุปัจจัยในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างและเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำให้เกินพอ
ส่วนในเรื่องการทำลายป่านั้นก็เป็นเรื่องจำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีมาตรการใดที่เอาจริงเอาจัง เพราะการลักลอบตัดป่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ชาวบ้านกระทำได้ ไม้ที่จะต้องชักลากจากผืนป่าสู่ชนบทออกสู่ท้องถนนหลวงเข้าสู่โรงเลื่อยหรือแหล่งแปรรูปเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ ผู้มีอิทธิพลและทุนรอนขนาดใหญ่ทั้งสิ้น
เราท่องกันแต่เรื่องลักลอบตัดป่าแต่กลับปล่อยให้โรงเลื่อยและการแปรรูปไม้กระทำกันอย่างครึกโครมในหลายพื้นที่ การท่องบ่นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องการผายลมโดยแท้
ท่านนายกทักษิณมีความชำนาญในเรื่องแผนที่ทางอากาศและการดูสภาพจากดาวเทียม ย่อมรู้ได้ว่าพื้นที่ใดมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จึงสามารถที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำลายป่าให้หมดสิ้นไปอย่างถึงรากได้
ป่าไม้เป็นเหตุทำให้ฝนตกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้งหรือน้ำท่วม ถึงกระนั้นก็ยังต้องพิทักษ์ปกป้องและฟื้นผืนป่าให้สำเร็จ ด้วยการกำจัดพวกลักลอบตัดป่าให้ได้ผลอย่างหนึ่ง และการมอบให้ส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศทำการปลูกป่าในพื้นที่ที่เป็นป่าที่ต้องการฟื้นคืนธรรมชาติให้สำเร็จ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะมอบให้ภาคประชาชนหรือองค์กรเอกชนซึ่งเขาทำให้สำเร็จเห็นเป็นแบบอย่างมาแล้วในเรื่องการปลูกสัก
และต้องไม่ปล่อยให้มีการกลบเกลื่อนความจริงของต้นตอปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งดังที่เคยเป็นมา จะต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าต้นเหตุของภัยแล้งและน้ำท่วมคือการมีแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำไม่พอเพียงกับการใช้สอย ส่วนป่าไม้เป็นต้นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ฝนตกมากและน้อย และเป็นความสมบูรณ์ทางนิเวศวิทยาที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์ สัตว์ และพืชกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติดังเดิมได้อีกครั้งหนึ่ง
เราจะต้องคืนธรรมชาติแก่แผ่นดินให้สำเร็จ!
ภัยแผ่นดินไหวและภัยจากคลื่นมฤตยูเป็นภัยชนิดใหม่ที่เพิ่งโผล่หน้ามาเยือนประเทศไทยของเรา โดยภัยสองชนิดนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ยกเว้นก็แต่เรื่องแผ่นดินไหว แม้เคยเผยโฉมหน้าออกมาบ้างในอดีตแต่ก็เป็นการไหวเพียงเล็กน้อย ไม่ถึงกับตึกถล่มแผ่นดินทลายเหมือนกับต่างประเทศ
แต่บัดนี้ภัยทั้งสองชนิดนี้โผล่หน้ามาเยือนแล้ว มันมาเยือนคนไทยด้วยเหตุผลกลใดกันเล่า? บ้างก็ว่านั่นเป็นเหตุอาเพศของแผ่นดิน แต่บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เคลื่อนย้ายผันแปรไป
ภัยแผ่นดินไหวและภัยคลื่นยักษ์ก็เช่นเดียวกัน คือมีต้นเหตุมาจากแผ่นดินไหวเพราะแผ่นดินไหวในทะเลจึงเกิดคลื่นยักษ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่กล่าวหาว่าใครไม่ได้เพราะเป็นภัยธรรมชาติ
แต่ถ้าจะมองในเชิงสถิติก็จะพบว่าการเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้นไม่คงที่ หากมีการเคลื่อนตัวไปจากตะวันออกสู่ตะวันตก ดังที่เคยเกิดขึ้นในฝั่งตะวันตกของอเมริกาแล้วค่อย ๆ เคลื่อนมาตามมหาสมุทรแปซิฟิค ในระยะร้อยปีมานี้เหตุแผ่นดินไหวเกิดมากในญี่ปุ่น และบัดนี้ก็เกิดมากในแถบเกาะสุมาตราและพม่า รวมทั้งโผล่หน้ามาเยือนประเทศไทยของเราด้วย
ภัยแผ่นดินไหวนั้นว่ากันว่าป้องกันไม่ได้ เพราะไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้ได้ก่อน แต่ความจริงก็ปรากฏว่าความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ทำให้โลกสามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้ เป็นแต่ว่าชาติที่คุมความเจริญนั้นได้ถือเอาปัญญาและความสำเร็จของมนุษย์เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตน กระทั่งถือเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายทางการเมืองของบางชาติมหาอำนาจ
การที่รัฐบาลตั้งวงเงินงบประมาณระยะยาวจำนวน 200,000 ล้านบาทสำหรับการจัดหาแหล่งน้ำนั้น เห็นได้ชัดถึงความจริงใจและความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้ตกไป แต่เรื่องน้ำก็เป็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ยังคงมีเรื่องอากาศ ผืนดิน และอาหาร ที่เป็นพิษอยู่อีก 3 เรื่อง ซึ่งควรจะได้กำหนดแผนการดำเนินการไปพร้อมกัน
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับภาระเป็นผู้บัญชาการอำนวยการทำฝนหลวงในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ด้วยพระองค์เอง น้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาคุณต่อพสกนิกรในครั้งนี้ประดุจดั่งน้ำฝนที่ชโลมหลั่งสู่หัวใจคนไทยทั้งประเทศ ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยแล้งที่หนักหน่วง
แต่ก็ควรเป็นเรื่องที่รัฐบาลและประชาชนจะต้องสำนึกตระหนักว่าปัญหาความวิปริตผันแปรของสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยของเรานั้นหนักหน่วงรุนแรงจนไม่อาจปล่อยปละละเลยหรือทำกันแบบชุ่ย ๆ อีกต่อไปแล้ว
และในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องกระทำอย่างจริงจัง ดังที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญและได้แถลงต่อสภาไว้แล้ว เพราะเราได้สูญเสียเวลาในเรื่องนี้ไปมากแล้ว ทั้ง 20 ปีเศษมานี้ประเทศไทยต้องสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้นับล้านล้านบาทแล้ว แต่ปัญหาไม่เพียงจะไม่ได้รับการแก้ไขเท่านั้น กลับทวีความรุนแรงมากขึ้น
ภัยธรรมชาติหนักหน่วงรุนแรงกว่าทุกระยะที่ผ่านมา ต่อเนื่องยาวนานกว่าทุกระยะที่ผ่านมา และปริมณฑลของพื้นที่ประสบภัยก็ขยายตัวออกไปจนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณและเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าเงินงบประมาณกว่าล้านล้านบาทที่สูญเสียไปยังได้รับผลไม่คุ้มกับเงินที่ได้ลงทุนลงรอนไป
สภาพแวดล้อมที่วิปริตผันแปรไปนี้ครอบคลุมทั้งแผ่นดิน แผ่นน้ำ น่านฟ้า และอากาศ รวมตลอดถึงบรรดาพืชพันธุ์ธัญญาหารและสัตว์ด้วย ความครอบคลุมของความวิปริตปานนี้ทำให้ชีวิตของคนไทยอยู่ในความเสี่ยงภัยอย่างใหญ่หลวง
อย่างแรกก็คือการตายแบบผ่อนส่งจากอากาศ มลพิษและอาหารที่เป็นพิษ อย่างที่สองก็คืออุบัติภัยที่มีความถี่ขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น นับเป็นเหตุการณ์หรือความเสี่ยงภัยครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาแต่ก่อนเลย
คนกรุงเทพฯ และคนเมืองใหญ่ควรจะได้ตั้งความสังเกตกันให้ดีว่าทุกวันเวลาบรรยากาศปกคลุมขมุกขมัวราวกับเมฆหมอกในฤดูฝนนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงควันพิษที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์และเกิดจากการเผาผลาญพลังงานของมนุษย์ และทำอันตรายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นแต่ว่ามันเป็นการทำลายแบบผ่อนส่ง
แม้ในห้องทำงานหรือห้องนอนที่เป็นห้องปรับอากาศก็เหมือนกัน อากาศเน่าเสียที่ทุกคนหายใจออกหรือขับถ่ายออกมาก็ถูกหายใจกลับเข้าไป หมุนเวียนกันไปโดยไม่เคยมีอากาศบริสุทธิ์เข้าไปแทนที่จนเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ และโรคอะไรต่อมิอะไรอีกหลายชนิด
ความเป็นพิษนอกจากในอากาศแล้ว ยังเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง ไม่ว่าในแม่น้ำ ลำคลอง บนผืนแผ่นดิน หรือการเจือปนสารพิษในอาหาร ซึ่งล้วนเป็นเรื่องร้ายแรงมากขึ้นทุกที และเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนมากขึ้นทุกทีด้วย
ในการแก้ไขปัญหาเพื่อฝ่าข้ามปัญหาสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษเป็นภัยดังกล่าวนั้น ขอเพียงแต่เข้าใจให้ถูก คิดให้เป็น ทำให้จริง และร่วมมือร่วมแรงกันอย่างแข็งขัน สารพันปัญหาก็ย่อมแก้ไขได้
ความแห้งแล้ง ภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ทั้งสามเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน มีต้นตอหรือสาเหตุอย่างเดียวกัน แต่เราแยกออกเป็นส่วนๆ ในการแก้ไขปัญหา หน้าแล้งก็แก้ภัยแล้ง ถึงเทศกาลน้ำท่วมก็แก้ไขภัยน้ำท่วม จึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปคราวหนึ่ง ๆ ซึ่งทำให้รากเหง้าของปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ดังนั้นความแห้งแล้ง ภัยแล้ง และน้ำท่วม จึงเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจ ที่เกิดขึ้นทุกปีแต่มีความรุนแรงมากขึ้นและเกิดความเสียหายมากขึ้น ทั้งๆ ที่ประเทศไทยของเราเคยมีความอุดมสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้น และประชาชนเคยอยู่กินกันมาอย่างผาสุก
ความแห้งแล้ง ภัยแล้ง และน้ำท่วม มีสาเหตุสำคัญจากการสูญเสียแหล่งกักเก็บน้ำ จากการถมหรือทำให้ตื้นเขินของมนุษย์โดยตรงอย่างหนึ่ง และจากการตื้นเขินโดยธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อเกือบร้อยปีมานี้ประเทศไทยเรามีแหล่งกักเก็บน้ำมากมายและอุดมสมบูรณ์ น้ำเหนือและน้ำจากอีสานถูกกักเก็บน้ำทุกระยะที่ไหลผ่าน ปริมาณน้ำจึงไม่ท่วมภาคกลางและกรุงเทพฯ ยกเว้นก็แต่บางปีที่มีน้ำมากเกินปกติจนเรียกได้ว่าเป็นอุทกภัยเท่านั้น
ครั้นหน้าแล้งน้ำที่กักเก็บไว้ก็สามารถนำมาใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ ในน้ำจึงมีปลา ในนาจึงมีข้าว
แต่เพราะเหตุที่แหล่งน้ำสูญเสียไป ปริมาณกักเก็บน้ำในเทศกาลหน้าฝนจึงเหลือน้อย น้ำที่ถูกปล่อยทิ้งจึงเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน พอถึงหน้าน้ำหลากน้ำก็หลากจากเหนือ อีสาน ลงสู่กรุงเทพฯ อย่างรวดเร็ว จึงเกิดเป็นภัยน้ำท่วมขึ้นทุกปี แล้วก็ต้องเสียหายและใช้จ่ายเงินงบประมาณในการแก้ไขและป้องกันน้ำท่วมซ้ำซากจำเจทุกปีด้วย
เพราะแหล่งกักเก็บน้ำสูญเสียไป กักเก็บน้ำไว้ได้น้อย พอเข้าเทศกาลหน้าแล้งน้ำก็ไม่พอใช้ แหล่งน้ำก็ตื้นเขิน แผ่นดินก็แตกระแหง เกิดเป็นภัยแล้งที่คน พืช และสัตว์ต้องเผชิญหน้ากับเภทภัยนั้น ยิ่งนานวันความแห้งแล้งก็ยิ่งลุกลามขยายตัวออกไป ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และหากแก้ไขไม่ทันท่วงที ภัยแล้งก็จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไปด้วย
ดังนั้นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมจึงต้องแก้ที่แหล่งน้ำ คือการทำให้แหล่งน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้สามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้น โดยการขุดลอกให้พ้นจากภาวะตื้นเขิน จากนั้นก็เพิ่มแหล่งน้ำที่ถูกถมหรือหมดสภาพไปให้มีปริมาณที่พอเพียงหรือเกินพอต่อการจัดเก็บน้ำไว้ใช้ได้ตลอดทั้งปี หากทำได้เช่นนี้ก็จะเป็นการป้องกันภัยน้ำท่วมที่ต้นเหตุ และเป็นการสร้างเงื่อนไขหรือต้นเหตุที่ทำให้เราไม่ต้องเผชิญกับภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำอีกต่อไป
มาตรการขุดบ่อบาดาลก็ดี ขุดสระก็ดี แจกโอ่งก็ดี ล้วนเป็นเรื่องผักชีโรยหน้าและเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า เพราะไม่มีส่วนในการแก้ไขต้นตอของปัญหา ไม่เป็นส่วนในการก่อเหตุและปัจจัยที่จะทำให้ภัยน้ำท่วมและภัยแล้งหมดสิ้นไปแต่ประการใดเลย
การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ คือนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มุ่งศึกษาในเรื่องนี้ย่อมเป็นนิมิตหมายที่ดีและได้แต่ตั้งความปรารถนาว่าจะมีความมุ่งมั่นและความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาตรงต้นตอและสร้างเหตุปัจจัยในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างและเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำให้เกินพอ
ส่วนในเรื่องการทำลายป่านั้นก็เป็นเรื่องจำเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีมาตรการใดที่เอาจริงเอาจัง เพราะการลักลอบตัดป่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ชาวบ้านกระทำได้ ไม้ที่จะต้องชักลากจากผืนป่าสู่ชนบทออกสู่ท้องถนนหลวงเข้าสู่โรงเลื่อยหรือแหล่งแปรรูปเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจ ผู้มีอิทธิพลและทุนรอนขนาดใหญ่ทั้งสิ้น
เราท่องกันแต่เรื่องลักลอบตัดป่าแต่กลับปล่อยให้โรงเลื่อยและการแปรรูปไม้กระทำกันอย่างครึกโครมในหลายพื้นที่ การท่องบ่นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องการผายลมโดยแท้
ท่านนายกทักษิณมีความชำนาญในเรื่องแผนที่ทางอากาศและการดูสภาพจากดาวเทียม ย่อมรู้ได้ว่าพื้นที่ใดมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า จึงสามารถที่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำลายป่าให้หมดสิ้นไปอย่างถึงรากได้
ป่าไม้เป็นเหตุทำให้ฝนตกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ต้นเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้งหรือน้ำท่วม ถึงกระนั้นก็ยังต้องพิทักษ์ปกป้องและฟื้นผืนป่าให้สำเร็จ ด้วยการกำจัดพวกลักลอบตัดป่าให้ได้ผลอย่างหนึ่ง และการมอบให้ส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศทำการปลูกป่าในพื้นที่ที่เป็นป่าที่ต้องการฟื้นคืนธรรมชาติให้สำเร็จ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรจะมอบให้ภาคประชาชนหรือองค์กรเอกชนซึ่งเขาทำให้สำเร็จเห็นเป็นแบบอย่างมาแล้วในเรื่องการปลูกสัก
และต้องไม่ปล่อยให้มีการกลบเกลื่อนความจริงของต้นตอปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งดังที่เคยเป็นมา จะต้องทำความเข้าใจร่วมกันว่าต้นเหตุของภัยแล้งและน้ำท่วมคือการมีแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำไม่พอเพียงกับการใช้สอย ส่วนป่าไม้เป็นต้นเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ฝนตกมากและน้อย และเป็นความสมบูรณ์ทางนิเวศวิทยาที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์ สัตว์ และพืชกลับคืนสู่ความเป็นธรรมชาติดังเดิมได้อีกครั้งหนึ่ง
เราจะต้องคืนธรรมชาติแก่แผ่นดินให้สำเร็จ!
ภัยแผ่นดินไหวและภัยจากคลื่นมฤตยูเป็นภัยชนิดใหม่ที่เพิ่งโผล่หน้ามาเยือนประเทศไทยของเรา โดยภัยสองชนิดนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ยกเว้นก็แต่เรื่องแผ่นดินไหว แม้เคยเผยโฉมหน้าออกมาบ้างในอดีตแต่ก็เป็นการไหวเพียงเล็กน้อย ไม่ถึงกับตึกถล่มแผ่นดินทลายเหมือนกับต่างประเทศ
แต่บัดนี้ภัยทั้งสองชนิดนี้โผล่หน้ามาเยือนแล้ว มันมาเยือนคนไทยด้วยเหตุผลกลใดกันเล่า? บ้างก็ว่านั่นเป็นเหตุอาเพศของแผ่นดิน แต่บ้างก็ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่เคลื่อนย้ายผันแปรไป
ภัยแผ่นดินไหวและภัยคลื่นยักษ์ก็เช่นเดียวกัน คือมีต้นเหตุมาจากแผ่นดินไหวเพราะแผ่นดินไหวในทะเลจึงเกิดคลื่นยักษ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่กล่าวหาว่าใครไม่ได้เพราะเป็นภัยธรรมชาติ
แต่ถ้าจะมองในเชิงสถิติก็จะพบว่าการเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้นไม่คงที่ หากมีการเคลื่อนตัวไปจากตะวันออกสู่ตะวันตก ดังที่เคยเกิดขึ้นในฝั่งตะวันตกของอเมริกาแล้วค่อย ๆ เคลื่อนมาตามมหาสมุทรแปซิฟิค ในระยะร้อยปีมานี้เหตุแผ่นดินไหวเกิดมากในญี่ปุ่น และบัดนี้ก็เกิดมากในแถบเกาะสุมาตราและพม่า รวมทั้งโผล่หน้ามาเยือนประเทศไทยของเราด้วย
ภัยแผ่นดินไหวนั้นว่ากันว่าป้องกันไม่ได้ เพราะไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้ได้ก่อน แต่ความจริงก็ปรากฏว่าความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ทำให้โลกสามารถล่วงรู้ล่วงหน้าได้ เป็นแต่ว่าชาติที่คุมความเจริญนั้นได้ถือเอาปัญญาและความสำเร็จของมนุษย์เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตน กระทั่งถือเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายทางการเมืองของบางชาติมหาอำนาจ
การที่รัฐบาลตั้งวงเงินงบประมาณระยะยาวจำนวน 200,000 ล้านบาทสำหรับการจัดหาแหล่งน้ำนั้น เห็นได้ชัดถึงความจริงใจและความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้ตกไป แต่เรื่องน้ำก็เป็นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ยังคงมีเรื่องอากาศ ผืนดิน และอาหาร ที่เป็นพิษอยู่อีก 3 เรื่อง ซึ่งควรจะได้กำหนดแผนการดำเนินการไปพร้อมกัน