xs
xsm
sm
md
lg

" ส่องการเมืองไทยผ่านสำนวนอังกฤษ "

เผยแพร่:   โดย: ม.ร.ว.พฤทธิสาณ ชุมพล

www.thaiwac.ias.chula.ac.th

ระยะนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง จะเขียนอะไรเรื่องการเมืองไทยก็จะเป็นการให้คุณให้โทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคใดพรรคหนึ่ง บังเอิญ เมื่อเร็วๆ นี้มีเพื่อนชาวอังกฤษให้หนังสือภาษาอังกฤษมาเล่มหนึ่ง เป็นการอธิบายสำนวนต่างๆ ในภาษาอังกฤษพร้อมคำอธิบายถึงที่มา อ่านแล้วได้ความรู้และสนุกดี จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อแรกตกลงกันว่าจะทำเว็บไซต์ ผมได้รับมอบหมายให้เขียนเรื่องต่างประเทศที่ไทยควรรู้ จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง(อ่าน) โดยคัดมาแต่เฉพาะสำนวนที่เห็นว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองในความหมายกว้าง ให้ได้อ่านกันสบายๆ สนุกๆ ตามแบบไทยๆ เพราะบทความอื่นๆ คงจะหนักแน่น มีสาระ ชวนคิด ชวนกลุ้มพอแล้ว เว็บนี้น่าจะมีอะไรสนุกๆ เพลินๆ บ้าง (เผื่อจะมีคนอ่านมากขึ้น) ในวาระสำคัญอีกครั้งหนึ่งของการเมืองไทย

สำนวนแรก คือ Pie in the sky หมายถึง สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดที่ดีแต่เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่น่าจะจบได้ดี พูดง่ายๆ ก็คือ ‘ฝันหวานเกินไปจะขมขื่น’ สำนวนนี้มีที่มาจากเนื้อเพลงซึ่งสมาชิกสหภาพแรงงานอังกฤษในยุคเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงต้นคริสตทศวรรษที่ 1930 นิยมร้องกัน เพลงนั้นชื่อว่า ‘The sweet by and by’ มีเนื้อร้องว่า

‘You will eat, bye and bye
In that glorious land above the sky.
Work and pray, live on hay,
You’ll get pie in the sky when you die.’

พอถอดความได้ว่า

‘ท่านจะได้รับประทาน ในเร็วๆ นี้
ที่ดินแดนแจ่มจรัสบนสรวงสวรรค์
จงทำงานและสวดมนต์ภาวนา โดยกินแกลบไปพลางก่อน
ท่านจะได้รับประทานขนมพายบนปุยเมฆในชาติหน้า’

ฟังดูสบายๆ แต่ความหมายขมขื่นและถากถางอีกด้วย เป็นเครื่องเตือนใจให้ระวัง สัญญาลดแลกแจกแถมต่างๆ โดยไม่ได้บอกว่าจะเอาเงินมาจากไหนของนักการเมือง

ตรงกันข้าม คือ วลี In the bag ใช้ในการพรรณนาถึงสิ่งที่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้น (คล้ายกับ ‘หมูในอวย’ ในภาษาไทย) วลีนี้มีที่มาจากรัฐสภาอังกฤษยุคแรกๆ ซึ่งสภาสามัญชน (The House of Commons) หรือสภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องราวร้องทุกข์มาหาทางแก้ไข เมื่อแก้ได้สำเร็จ ก็จะนำคำร้องทุกข์นั้นใส่ในถุงกำมะหยี่ ซึ่งแขวนไว้ที่พนักพิงหลังเก้าอี้ของประธานสภาผู้แทนราษฎร (The Speaker) ดังนั้น เมื่อ ส.ส. หรือผู้สื่อข่าวบอกว่าคำร้องทุกข์ใด ‘ใส่ถุงแล้ว’ ก็หมายความว่าจัดการเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ปัจจุบัน แม้ว่าถุงดังกล่าวยังแขวนอยู่ที่เดิม แต่ก็ทำหน้าที่เป็นเพียงสัญลักษณ์ ผู้เขียนหนังสือที่ผมอ้างถึงเขาว่าอย่างนั้น ผมว่าเห็นทีจะกลายเป็นการเตือนให้ระวังเกี่ยวกับการร้องทุกข์ร้องเรียนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา หรือวุฒิสภา หรืออะไรก็แล้วแต่ ว่าอาจจะไม่ได้ผลตามคาด แต่อาจถูกผันแปรไปเป็น ‘สัญลักษณ์’ ของความสำเร็จของนักการเมืองหรือพรรคการเมือง โดยที่ทุกข์ของผู้ร้องเรียนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง การ ’ผันแปร’ ทำนองนี้ สมัยนี้เขาเรียกว่า ‘spin’ หรือ ‘ปั่นข่าว’ ครับ เป็นสิ่งที่พึงระวังในยุคของการตลาดทางการเมืองในปัจจุบัน ไม่ว่าในประเทศไทยหรือในประเทศอังกฤษ ก็ยุคนี้เป็นยุคของ ‘สัญญะ’ และ ‘virtual reality’ หรือ ‘เหมือนจริง’ นี่ครับ ไม่เชื่อลองถามคนรุ่น ‘หลังสมัยใหม่’ (post modern) ดูก็ได้

ข่าวคราวการแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้กำลังเผ็ดร้อนขึ้นทุกวัน มีคำขวัญและโวหารการหาเสียงกันมากมาย มีข่าวการซื้อเสียงขายเสียง และมีการที่หัวคะแนนถึงแก่กรรมด้วยกระสุนปืนหรือลูกระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้ต้องหยิบวลีที่ว่า By hook or by crook มากล่าวถึง วลีนี้ใช้กล่าวถึงการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จด้วยวิธีการใดก็ได้ สุจริตหรือไม่ก็ได้ (หรืออะไรกึ่งๆ กลางๆ ระหว่างสองอย่างนั้นก็ได้) วลีนี้มีที่มาซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมืองแบบการเลือกตั้งแต่อย่างใด

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า hook นั้น เดิมหมายถึง ตาขอปลายมน และ crook นั้น หมายถึง เครื่องมือรูปร่างโค้งๆ ซึ่งคนเลี้ยงแกะใช้ในการต้อนฝูงแกะ (และ a crook แปลว่าคนคดโกง) วลีนี้มีที่มาจากการที่ในสังคมฟิวดัลของอังกฤษยุคกลาง มีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้เพื่อที่จะเอามาจุดไฟผิงทำอาหารหรือทำความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย แต่กฎหมายนั้นก็อนุญาตให้คนยากคนจนเก็บรวบรวมกิ่งไม้ ต้นไม้ที่ตายแล้วจากป่าโดยใช้เครื่องมือเฉกเช่นสองอย่างที่ว่าแล้วเท่านั้น น่าสนใจนะครับว่ากฎหมายอังกฤษสมัยนั้นห้ามตัดไม้ทำลายป่ากันแล้ว แต่ก็ยังเห็นใจคนจน ให้อาศัยป่าในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ได้ โดยจำกัดเครื่องมือที่ใช้ เพื่อไม่ให้คนรวยที่มีเครื่องมือที่ดีกว่านั้นตัดไม้ น่าจะนำมาปรับใช้ในเมืองไทยนะครับ ของเราพระราชบัญญัติป่าชุมชนยังไม่ออกเลย ติดโน่นติดนี่ สภาโน้นสภานี้ กรมโน้นกรมนี้ ไหนว่า ก้าวทันยุคโลกาภิวัตน์…

ก้าวไกลขนาดนั้น ก็เลยไม่เข้าใจว่าคนจะอยู่กับป่าได้อย่างไร ชวนให้เอ่ยถึงวลีที่ว่า Beyond the pale วลีนี้มักใช้กับผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ ‘สังคม’ ยอมรับไม่ได้หรือผิดศีลธรรม โดยแต่เดิม a pale หมายถึง บริเวณรอบเมืองซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์หรือขุนนางคนใดคนหนึ่งที่ทรงมอบหมาย ดังนั้น บริเวณหรือดินแดน beyond (นอก) the pale จึงนับว่าเป็นดินแดนที่ไร้ขื่อแปและมีคนหยาบช้าสามานย์อาศัยอยู่ บรรดาชาวบ้านที่ไร้สำมะโนครัวในอังกฤษยุคกลาง จึงถูกถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ ‘beyond the pale’ เทียบกับวลีไทยที่ว่า ‘บ้านนอกคอกนา’ ก็คงจะได้ แต่ปัจจุบันคงมีบางคนคิดถึงคนที่อยู่กับป่า กับคนไร้สัญชาติ ว่าเป็นคน ‘beyond the pale’ กระมัง?

เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องเรียนกับท่านผู้อ่านว่า ผมยังเขียนเรื่องการเมืองอยู่นะครับ เพียงแต่ว่าเป็นในความหมายกว้าง ซึ่งครอบคลุมถึง ‘การเมืองภาคประชาชน’ ครับ

กลอนพาไปเกินไปแล้ว(ที่จริงอยากจะไปน่ะครับ) หันกลับมาที่การเมืองในรัฐสภากันอีกที

พอเลือกตั้งเสร็จ ได้ ส.ส. มา 500 คน (‘ท่าน’) ถ้าเราอยู่ที่อังกฤษก็จะได้ยินเสียง ‘Hear hear’ เป็นระยะๆ จากห้องประชุมสภา เสียงร้องนี้ ในวงการเมืองของที่นั่น รู้กันว่าเป็นการแสดงความเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อภิปรายกำลังพูด มีที่มาจากการที่ฝ่ายที่ต้องการแสดงความไม่เห็นด้วยกับผู้อภิปรายทำเสียงดังในลำคอ(hum) เพื่อที่จะให้เสียงนั้นผสมกันเป็นเสียงกลบเสียงพูดของผู้อภิปราย บรรดาสมาชิกที่เห็นด้วยหรืออยู่ข้างผู้อภิปรายก็จะตะโกนบอกผู้ที่กำลังทำเสียงดังในลำคอให้ ‘Hear him, hear him’ คือให้ ‘ฟังเขา ฟังเขา’ วลีนี้ จึงผันแปรผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาเป็น ‘hear hear’ ในปัจจุบัน ซึ่งใช้อ้างถึงผู้อภิปรายที่เป็น him หรือ her ชาย หรือ หญิงก็ได้ (ซึ่งถ้าผมจะ politically correct หรือรักษามารยาททางการเมืองตามยุคหลังสมัยใหม่ก็ต้องบอกว่า her หรือ him… ทำไม her ก่อน him… ผมก็งง)

ส่วนสภาไทย เขาจะทำเสียงอย่างไร ตะโกนว่าอะไร เราท่านคงทราบกันดีแล้วจากการที่มีการถ่ายทอดเสียงและภาพประกอบเสียง

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ มีการบอกให้ Toe the line หรือทำตามกฎข้อบังคับ (เช่น กฎข้อบังคับการประชุมสภาฯ) หรือยอมตามผู้มีอำนาจแล้วแต่กรณี วลีนี้เดิมหมายถึง เส้นที่ขีดไว้หน้าม้านั่งแถวหน้าทั้งสองข้าง(ซึ่งหันหน้าเข้าหากัน)ในห้องประชุมสภาสามัญชนของอังกฤษ เส้นนี้ยังคงมีอยู่ เส้นทั้งสองขีดไว้เพื่อให้มีระยะห่างที่เพียงพอระหว่างสมาชิกสภาฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล(ผมพยายามจะ politically correct อยู่ครับ) มิให้สามารถเข้าถึงตัวกันได้ด้วยกระบี่หรือดาบ หากว่าการอภิปรายมีความเผ็ดร้อนจนต่อสู้กันด้วยคำพูดไม่เพียงพอ หากมีสมาชิกสภาผู้ใดที่เกิดคึกจนลืมตัวก้าวล้ำเส้นดังกล่าว ประธานสภาจะเตือนให้รักษาระเบียบและ ‘Toe the line’ คือ ‘จงวางปลายเท้าอยู่ในเส้น’

ปัจจุบันข้อบังคับสภาสามัญชนยังคงมีข้อกำหนดมิให้ ส.ส. ‘ล้ำเส้น’ (crossing the line) ซึ่งเป็นวลีที่เราใช้กัน แต่ผมเข้าใจว่ามาจากกีฬาฟุตบอลมากกว่าที่จะมาจากสภาสามัญชนของอังกฤษ อย่าเข้าใจผิดนะครับ ปัจจุบัน ส.ส. อังกฤษไม่ได้ขัดกระบี่หรือถือดาบหรืออาวุธอื่นใดแล้ว ส.ส. ไทยก็คงไม่ แม้ว่าสมัยแรกๆ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆ ว่ากันว่ามีที่พกปืนเข้าไปในสภา จนเป็นเหตุหนึ่งให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดาตัดสินใจยุบสภาและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เดี๋ยวนี้เขาพกได้แต่อาวุธที่ติดตัวมาตามธรรมชาติครับ

แต่ว่า การ toe the line ในความหมายใหม่ คือ การทำตามที่ผู้มีอำนาจหรือพรรคสั่ง ก็เห็นจะมีอยู่ต่อไป และอาจจะมากขึ้นทุกวันในบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและ ส.ส. ต้องสังกัดพรรคนี่ครับ ก็ต้องอยู่ในวินัยพรรค ทำตัวเป็นแกะที่เดินตามคนเลี้ยงแกะไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีจะอิ่มหนำสำราญอีกต่างหาก

แล้วเราจะทำอย่างไรในการออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ให้อนาคตการเมืองไทยต้องถูลู่ถูกังไปตามอาการ toe the line เช่นนี้?

ผมบอกไม่ได้หรอกครับ เพราะว่าผมยังเป็นข้าราชการประจำอยู่ บอกไปเดี๋ยวคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เขาจะว่าเอา ผมก็ต้อง toe the line กับเขาเหมือนกัน จนกว่าผมจะเป็นไทแก่ตน คงไม่นานนักหรอกครับ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าไทยไม่เป็นไท

แต่สิ่งที่ผมบอกได้ คือ หนังสือที่ผมอ้างอิง คือ Albert Jack, Red Herrings and White Elephants : the Origins of the Phrases We Use Every Day, London : Metro Publishing, 2004 ครับ บอกมาเอาบุญ ไม่ได้รับค่าโฆษณาหรอกครับ

ส่วนข้อเขียนนี้จะเป็น Red herring (สิ่งที่ชวนให้เขว) หรือ White elephant (สิ่งที่มีค่าแต่ไม่มีราคา แบบช้างเผือก) หรือไม่ หรือทั้งสองอย่าง ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะออกเสียงครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น