xs
xsm
sm
md
lg

ก.อุตฯหนุนสถาบันไทย-เยอรมันบูมแม่พิมพ์สู่ภูมิภาค-เล็งส่งออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการที่ไทยต้องนำเข้าแม่พิมพ์จากต่างประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในงานภาคอุตสาหกรรมนั้น หากมีการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ภายในประเทศขึ้นมาเอง จะช่วยลดการสูญเสียเงินตราที่ต้องจ่ายในการนำเข้าแต่ละปีได้มหาศาล ไทยจำเป็นต้องมีการสร้างบุคลากรขึ้นมารองรับ เนื่องจากการทำงานในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และระยะเวลาในการฝึกฝน เช่นการทำงานหล่อ กลึง หรือการทำแม่พิมพ์อาจต้องใช้ความชำนาญที่เริ่มตั้งแต่เป็นลูกจ้าง ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา จึงต้องฝึกฝนบุคคลากรให้เข้าใจเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปด้วย ปัจจุบันนอกจากสถาบันไทย-เยอรมันที่มีโครงการฝึกสอนด้านอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ภาคธุรกิจแล้ว ต้องดึงสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีโอกาสที่จะก้าวสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมแม่พิมพ์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ภายใน 5 ปี เพราะมีการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักที่เป็นตัวนำ เช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมปลายน้ำที่ไทยก้าวไปไกลกว่าเพื่อนบ้าน แต่ทั้งนี้ก็ต้องพัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐานมากขึ้น ตรงกับความต้องการของประเทศคู่ค้าด้วย

นายณรงค์ วรงค์เกรียงไกร ผู้อำนวยการ สถาบันไทย-เยอรมัน (ทีจีไอ) กล่าวว่า ทางสถาบันได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทยอย่างเต็มรูปแบบ โดยชูยุทธศาสตร์ 3 ด้าน คือ ด้านการพัฒนาบุคลากร ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และพัฒนาความเชื่อมโยงและการตลาดของอุตสาหกรรม ซึ่งในโครงการจะเน้นไปในเรื่องพัฒนาบุคลากรเป็นหลัก โครงการมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นไป แนวทางการพัฒนาด้ดำเนินการทั้งบุคคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมแล้ว รวมทั้งผู้ที่เข้าสู่งานใหม่ คือกลุ่มที่กำลังจะเข้าสู่อุตสาหกรรม ที่ผ่านมานี้ในส่วนของอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ซึ่งไทยนำเข้าค่อนข้างจะมากนั้น ถือเป็นปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างอื่น
"แม่พิมพ์นั้นเป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนอุตสาหกรรมอื่นๆที่ต้องใช้แม่พิมพ์เกือบจะทุกสาขาอุตสาหกรรม ทั้งยานยนต์ ไฟฟ้าอิเลคทรอนิคส์ พลาสติก แม้แต่แฟชั่นพวกรองเท้า เสื้อผ้า ฉะนั้นอุตสาหกรรมแม่พิมพ์จึงเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่จะเป็นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมสาขาอื่น ถ้าเราพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของเราขึ้นมาได้จะเป็นโอกาสและปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศเข้มแข็งขึ้น " นายณรงค์กล่าว
ขณะเดียวกันการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ขึ้นมา นอกจากที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรม
ภายในประเทศแล้ว ยังจะกลายเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่จะสามารถส่งออกได้ เพราะแม่พิมพ์เป็นการผลิตที่เป็นลักษณะเฉพาะงานต้องอาศัยเทคโนโลยี และทักษะฝีมือค่อนข้างมาก " การแข่งขันตรงนี้ เราไม่ได้แข่งขันด้วยการผลิตในเชิงปริมาณมากๆเหมือนสินค้าในบางประเภทที่ต้องผลิตเป็นแสนเป็นล้านชิ้นจึงจะได้ต้นทุนถูก ซึ่งจะทำให้การแข่งขันในการทำเชิงตลาดทำได้ยาก จากการที่ผลิตสินค้าล้านชิ้นออกมาแล้วต้องออกไปขายทั่วโลก แต่แม่พิมพ์นั้นผลิตตัวเดียวชิ้นเดียว โอกาสที่เราจะแข่งขันมันมีมากกว่าในเชิงที่ว่าคนไทยเรามีทักษะฝีมือ เราปราณีตทำงานละเอียด แต่ยังขาดเรื่องเทคโนโลยี การออกแบบ สิ่งพวกนี้สถาบันจะช่วยสนับสนุนในการพัฒนาต่อไป"นายณรงค์กล่าว
อนาคตหากอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของไทยมีความเข้มแข็งมันจะสามารถช่วยผลักดันอุตสาหกรรมสาขาหลักอื่น ๆ ตามมา เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไทยมุ่งสู่ดีทรอยท์ ออฟ เอเชีย หรืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคส์ ที่ไทยมุ่งผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ส่งไปทั่วโลกก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สถาบันไทย-เยอรมัน เป็นผู้บริหารโครงการอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทยใน 5 ปีให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาสถาบันไทย-เยอรมันเองก็มีศูนย์

เทคโนโลยีแม่พิมพ์ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาบุคลากรให้กับอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในเรื่องของแม่พิมพ์อยู่แล้ว จึงสอดคล้องกับกิจกรรมโครงการนี้รวมถึงความพร้อมของสถาบันไทย-เยอรมันเองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ได้พัฒนาบุคลากร มีเครื่องจักรที่จะรองรับเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ได้ ฉะนั้นสถาบันจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องการพัฒนาบุคลากร และถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคอุตสาหกรรมได้เต็มที่ " โครงการนี้และสถาบันจะช่วยให้อุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของไทย มีขีดความสามารถสูงขึ้น สามารถช่วยอุตสาหกรรมของไทยให้แข็งแกร่งในตลาดได้ดียิ่งขึ้น" นายณรงค์กล่าว
นอกจากนั้นในช่วงวันที่ 7-9 เมษายน 2548 ทางสถาบันไทย-เยอรมันได้จัดงานนิทรรศการและการสัมมนาทางวิชาการสำหรับผู้ประกอบการในด้านที่เกี่ยวข้องกับแม่พิมพ์ได้มีโอกาสพบเห็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้ที่ผ่านประสบการณ์มามาก ได้มีโอกาสบรรยายให้ทุกท่านรับทราบ โดยงานนี้จัดขึ้นที่สถาบันไทย-เยอรมัน จ.ชลบุรี ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น