อ.อ.ป ฉาว ผู้บริหารระดับผอ.อ.อ.ป ยกกำลังทหารนอกเครื่องแบบบุก ล็อกตัวและ ค้นเอกสารกล่าวร้ายจากลูกน้องตัวเอง อ้างเป็นอำนาจเต็มของผู้บังคับบัญชา ด้านรองผอ.อ.อ.ปแฉเหตุถูกบุกค้นรัง เพราะกำข้อมูลทุจริตขายไม้สักไปอินเดียมูลค่าพันกว่าล้าน ที่เตรียมส่งให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเอาผิด ยันฟ้องกลับแน่ฐานทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์ ด้านปิติพงษ์ เงียบไม่พูดอะไรหวั่นกระทบรูปคดี แจงเป็นเรื่องภายในองค์กร
วานนี้( 18 มี.ค.) ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.) นายชนัตร เลาหะวัฒนะ ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำนายทหารนอกเครื่องแบบจำนวน 3 นาย เข้าไปค้นห้องนายมนูญศักดิ์ ตันติวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการออป.โดยอ้างว่าเพื่อหาเอกสารตามคำสั่งของประธานตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ แต่นายมนูญศักดิ์ปฏิเสธไม่ยอมให้ตรวจค้น ดังนั้นนายชนัตร ผอ.อ.อ.ป. จึงได้สั่งให้ทหารล็อคตัวนายมนูญศักดิ์ รองผอ.อ.อ.ปไว้ที่มุมห้อง จากนั้นนาย ชนัตร ผอ.อ.อ.ป จึงค้นหาเอกสารและนำกลับไปได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลการส่งไม้สักไปขายยังประเทศอินเดีย ของนายชนัตร รองผอ.อ.อ.ป ที่ไม่โปร่งใส เพราะขายไม้ดังกล่าวต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
“ นายชนัตรทำสัญญาขายให้อินเดีย เป็นไม้สักจากสวนป่าอ.อ.ป.จากจ.เชียงใหม่ ลำปางและแพร่ จำนวน126,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งราคาขายจริงๆประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่นายชนัตรขายไปในราคาแค่ 800 ล้านบาท ทำให้ออป.เสียผลประโยชน์มาก การขายไม้ครั้งนี้ชาว จ.แพร่ก็ออกมาคัดค้าน โดยหนังสือร้องเรียนไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ซึ่งนายสุวิทย์ก็มีหนังสือสั่งให้หยุดการซื้อขายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 แต่นายชนัตรก็ไม่หยุดการซื้อขาย ประธานบอร์ดอ.อ.ป.ก็สั่งให้หยุดการซื้อขาย นายชนัตรก็ไม่หยุด” นายมนูญศักดิ์ รองผู้อำนวยการอ.อ.ป.กล่าว
นายมนูญศักดิ์ ยังกล่าวถึงสาเหตุที่นายชนัตรนำกำลังมาค้นห้องของตนก็คงเป็นเพราะกลัวว่าตนจะนำเอกสารการค้าไม้ไม่โปร่งใสไปส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการส่งไม้ไปขายอินเดีย จึงลงมือกระทำการดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก เพราะตนเป็นถึงข้าราชการระดับซี 9 ยังถูกบุกรุกค้นห้องโดยที่ไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด
“เตรียมร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดทส.แล้ว ซึ่งปลัดก็รับปากจะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้” นายมนูญศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะฟ้องนายชนัตรหรือไม่ นายมนูญศักดิ์ กล่าวว่า ต้องปรึกษาหารือกับผู้บริหารหรือผู้ใหญ่ก่อน แต่ถ้าฟ้องจะฟ้องในข้อหาบุกรุก หน่วงเหนี่ยวและปล้นทรัพย์สิน
ผอ.อ.อ.ป โต้โปร่งใสขายไม้สักไปอินเดีย
ด้านนายชนัตร ผอ.อ.อ.ปกล่าวโต้แย้งว่า ที่นายมนูญศักดิ์พาดพิงว่าตนขายไม้ไปประเทศอินเดียไม่โปร่งใสนั้น ไม่จริง เพราะการขายไม้ในครั้งนั้น ไม่ได้เป็นการขายต่ำกว่าราคาจริง คือขายไปลูกบาศก์เมตรละ 8,000 บาท ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการกระตุ้นราคาซื้อขายไม้ภายในประเทศ ที่อยู่ในช่วงตกต่ำ โดยการส่งไม้ไปขายต่างประเทศ
“ไม้ที่ขายได้ไป 600 ล้านบาท ก็เพื่อใช้หนี้ให้กับองค์กร ยืนยันผมทำเพื่อองค์กร นำเงินที่ได้มาช่วยจ่ายดอกเบี้ยถึง 30 ล้านบาทที่อ.อ.ป.เป็นหนี้อยู่” นายชนัตรกล่าว
ผอ.อ.อ.ปกล่าวด้วยว่า การนำกำลังไปค้นห้องนายมนูญศักดิ์ทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือประธานตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ ส่วนเอกสารที่เข้าไปค้นเป็นเอกสารทางราชการขอตนเอง และในฐานะผู้บังคับบัญชามีสิทธิเข้าไปตรวจค้น ไม่ถือว่าเป็นการบุกรุกแต่อย่างใด เพราะห้องทำงานของนายมนูญศักดิ์เป็นสถานที่ราชการไม่ใช่สถานที่ส่วนบุคคล
“เอกสารที่ผมเข้าไปยึดมานั้นเป็นเอกสารกล่าวร้ายถึงโครงการต่างๆของอ.อ.ป.มีประมาณ 20 กว่าแผ่น แต่ไม่มีผู้ลงนาม ซึ่งตนได้มอบเอกสารทั้งหมดให้ ตำรวจนครบาลนางเลิ้งไปตรวจสอบแล้ว” นายมนูญศักดิ์ กล่าว
ด้านปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา กล่าวว่าเท่าที่ทราบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เป็นการบริหารงานภายในองค์กร จึงไม่อยากพูดอะไรมากนัก เพราะจะทำให้เสียรูปคดีในการฟ้องร้องระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย
วานนี้( 18 มี.ค.) ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.) นายชนัตร เลาหะวัฒนะ ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำนายทหารนอกเครื่องแบบจำนวน 3 นาย เข้าไปค้นห้องนายมนูญศักดิ์ ตันติวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการออป.โดยอ้างว่าเพื่อหาเอกสารตามคำสั่งของประธานตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ แต่นายมนูญศักดิ์ปฏิเสธไม่ยอมให้ตรวจค้น ดังนั้นนายชนัตร ผอ.อ.อ.ป. จึงได้สั่งให้ทหารล็อคตัวนายมนูญศักดิ์ รองผอ.อ.อ.ปไว้ที่มุมห้อง จากนั้นนาย ชนัตร ผอ.อ.อ.ป จึงค้นหาเอกสารและนำกลับไปได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลการส่งไม้สักไปขายยังประเทศอินเดีย ของนายชนัตร รองผอ.อ.อ.ป ที่ไม่โปร่งใส เพราะขายไม้ดังกล่าวต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
“ นายชนัตรทำสัญญาขายให้อินเดีย เป็นไม้สักจากสวนป่าอ.อ.ป.จากจ.เชียงใหม่ ลำปางและแพร่ จำนวน126,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งราคาขายจริงๆประมาณ 1,200 ล้านบาท แต่นายชนัตรขายไปในราคาแค่ 800 ล้านบาท ทำให้ออป.เสียผลประโยชน์มาก การขายไม้ครั้งนี้ชาว จ.แพร่ก็ออกมาคัดค้าน โดยหนังสือร้องเรียนไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ซึ่งนายสุวิทย์ก็มีหนังสือสั่งให้หยุดการซื้อขายเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2547 แต่นายชนัตรก็ไม่หยุดการซื้อขาย ประธานบอร์ดอ.อ.ป.ก็สั่งให้หยุดการซื้อขาย นายชนัตรก็ไม่หยุด” นายมนูญศักดิ์ รองผู้อำนวยการอ.อ.ป.กล่าว
นายมนูญศักดิ์ ยังกล่าวถึงสาเหตุที่นายชนัตรนำกำลังมาค้นห้องของตนก็คงเป็นเพราะกลัวว่าตนจะนำเอกสารการค้าไม้ไม่โปร่งใสไปส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการส่งไม้ไปขายอินเดีย จึงลงมือกระทำการดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก เพราะตนเป็นถึงข้าราชการระดับซี 9 ยังถูกบุกรุกค้นห้องโดยที่ไม่มีหมายค้นแต่อย่างใด
“เตรียมร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ปลัดทส.แล้ว ซึ่งปลัดก็รับปากจะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้” นายมนูญศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะฟ้องนายชนัตรหรือไม่ นายมนูญศักดิ์ กล่าวว่า ต้องปรึกษาหารือกับผู้บริหารหรือผู้ใหญ่ก่อน แต่ถ้าฟ้องจะฟ้องในข้อหาบุกรุก หน่วงเหนี่ยวและปล้นทรัพย์สิน
ผอ.อ.อ.ป โต้โปร่งใสขายไม้สักไปอินเดีย
ด้านนายชนัตร ผอ.อ.อ.ปกล่าวโต้แย้งว่า ที่นายมนูญศักดิ์พาดพิงว่าตนขายไม้ไปประเทศอินเดียไม่โปร่งใสนั้น ไม่จริง เพราะการขายไม้ในครั้งนั้น ไม่ได้เป็นการขายต่ำกว่าราคาจริง คือขายไปลูกบาศก์เมตรละ 8,000 บาท ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการกระตุ้นราคาซื้อขายไม้ภายในประเทศ ที่อยู่ในช่วงตกต่ำ โดยการส่งไม้ไปขายต่างประเทศ
“ไม้ที่ขายได้ไป 600 ล้านบาท ก็เพื่อใช้หนี้ให้กับองค์กร ยืนยันผมทำเพื่อองค์กร นำเงินที่ได้มาช่วยจ่ายดอกเบี้ยถึง 30 ล้านบาทที่อ.อ.ป.เป็นหนี้อยู่” นายชนัตรกล่าว
ผอ.อ.อ.ปกล่าวด้วยว่า การนำกำลังไปค้นห้องนายมนูญศักดิ์ทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือประธานตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ ส่วนเอกสารที่เข้าไปค้นเป็นเอกสารทางราชการขอตนเอง และในฐานะผู้บังคับบัญชามีสิทธิเข้าไปตรวจค้น ไม่ถือว่าเป็นการบุกรุกแต่อย่างใด เพราะห้องทำงานของนายมนูญศักดิ์เป็นสถานที่ราชการไม่ใช่สถานที่ส่วนบุคคล
“เอกสารที่ผมเข้าไปยึดมานั้นเป็นเอกสารกล่าวร้ายถึงโครงการต่างๆของอ.อ.ป.มีประมาณ 20 กว่าแผ่น แต่ไม่มีผู้ลงนาม ซึ่งตนได้มอบเอกสารทั้งหมดให้ ตำรวจนครบาลนางเลิ้งไปตรวจสอบแล้ว” นายมนูญศักดิ์ กล่าว
ด้านปิติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา กล่าวว่าเท่าที่ทราบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เป็นการบริหารงานภายในองค์กร จึงไม่อยากพูดอะไรมากนัก เพราะจะทำให้เสียรูปคดีในการฟ้องร้องระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย