เมื่อได้แสดงกสิณวิธีประเภทธาตุ คือดิน น้ำ ลม ไฟ แล้ว ลำดับต่อไปนี้จักได้แสดงกสิณวิธีจำพวกสี ซึ่งมีอยู่สี่ชนิดหรือสี่วิธี คือ นีลกสิณ ปีตกสิณ โลหิตกสิณ และโอทาตกสิณ หรือนัยหนึ่งก็คือกสิณที่ถือเอาสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว เป็นวัตถุแห่งการเพ่ง หรือกำหนดอารมณ์
พระบรมศาสดาทรงบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีก็โดยนัยยะเหตุผลเดียวกันกับการบัญญัติกสิณวิธีจำพวกธาตุ เพราะเวไนยสัตว์มีอัชฌาสัยแตกต่างกัน นอกจากพวกที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบคุ้นเคยดิน น้ำ ลม ไฟ แล้ว ก็ยังมีเวไนยสัตว์จำพวกที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบหรือคุ้นเคยกับสี คือสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว
การบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีจึงเป็นเครื่องแสดงออกซึ่งพระเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และพระปัญญาคุณแห่งพระบรมศาสดาโดยแท้ เพื่อให้เวไนยสัตว์หรือชนหมู่มากได้รับประโยชน์จากการตรัสรู้ของพระองค์ เพราะผู้ที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบสิ่งใดก็จะมีความง่ายต่อการฝึกฝนอบรมและใช้สิ่งนั้นเป็นสื่อในการฝึกฝนอบรมเพื่อให้จิตมีความตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ และมีศักยภาพสูงสุดในการทำหน้าที่ของจิตต่อไป
ในปัจจุบันนี้ถือกันว่าแม่สีมีอยู่ 3 สี คือสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน จากแม่สีทั้งสามสีนี้สามารถปรุงแต่งเป็นสีอื่น ๆ ได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในทางแสงนั้นถือว่ามีแม่สีอยู่สี่สีคือสีเหลือง สีแดง สีเขียว และสีขาว แม่สีทั้งสี่สีนี้เมื่อผ่านกระบวนการสะท้อนของแสงแล้วก็จะสามารถปรุงแต่งเป็นสีได้ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน
เป็นที่น่าประหลาดใจสักปานไหนที่การค้นพบเรื่องแม่สีธรรมดากับแม่สีที่เกิดจากการสะท้อนของแสงในปัจจุบันสมัยโดยนักวิทยาศาสตร์ทางสีไม่ได้แตกต่างออกไปจากความรู้ของคนโบราณ ซึ่งถือเอาสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาวเป็นสีในการกำหนดอารมณ์
ความจริงแล้วการเห็นสีเป็นมายาภาพอย่างหนึ่ง เพราะในทางความเป็นจริงไม่มีสี แต่ที่ตาเห็นเป็นสีได้นั้นเกิดจากการสะท้อนของคลื่นแสงที่กระทบกับพื้นผิวของวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อใดที่ไม่มีแสงเมื่อนั้นก็จะไม่มีสี
มนุษย์ได้กำหนดลักษณะของสีที่เห็นจากมายาภาพดังกล่าวเป็นสีนั้น สีนี้ และเมื่อแม่สีผสมกันตามการสะท้อนของแสงปรากฏเป็นสีต่างๆ หลากหลายสีแล้ว ก็ตั้งสมมติเอาว่าเป็นสีนั้น สีนี้
ในส่วนของแสงที่ทำให้เกิดสีก็เช่นเดียวกัน ความจริงไม่มีสีแต่เพราะความถี่ของคลื่นแสงที่มากระทบกันผสมผสานกันและต้องกับผิวของวัตถุแล้วก็เห็นเป็นสีต่าง ๆ ได้ มนุษย์ก็ได้ตั้งสมมติเอาว่าเป็นสีนั้น สีนี้
พระบรมศาสดาทรงบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีไว้เพียง 4 วิธี ก็เพียงเพื่อเป็นต้นแบบฝึกฝนอบรมของกสิณวิธีจำพวกสี หรือจะเรียกว่าแม่แบบก็ได้ เวไนยสัตว์ใดที่มีอัชฌาสัยชอบพอสีอื่นนอกจากสี่สีที่ทรงบัญญัติเป็นต้นแบบแล้ว ก็ย่อมใช้วิธีฝึกฝนอบรมกสิณวิธีจำพวกสีได้เหมือนกัน เพียงแต่ปรับเปลี่ยนสีตามที่ทรงบัญญัติเป็นแม่แบบไปเป็นสีที่ชอบด้วยอัชฌาสัยเท่านั้น
เพราะเหตุที่วิธีฝึกฝนอบรมและการจัดเตรียมการฝึกฝนอบรมกสิณจำพวกสีนั้นเป็นแบบอย่างเดียวกัน เหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นก็แต่สีอันเป็นที่เพ่งแห่งจิต ดังนั้นในการพรรณนากสิณวิธีจำพวกสีทั้งสี่ชนิดนี้จึงพรรณนารวมกันไป
แต่จะแสดงแยกในส่วนที่เป็นลักษณะพิเศษของกสิณสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว รวมทั้งอานิสงส์เฉพาะของการฝึกฝนอบรมกสิณวิธีแต่ละสี ซึ่งต่างกันไปบ้าง
สำหรับผู้ฝึกฝนอบรมนั้นมีวิธีเตรียมตัวอย่างเดียวกันกับที่ได้พรรณนามาแต่ก่อนแล้ว
สถานที่ฝึกฝน ระยะการตั้งวงกสิณกับการนั่ง ก็เป็นอย่างเดียวกันกับที่ได้พรรณนามาแต่ก่อนแล้ว
ข้อแตกต่างที่เป็นลักษณะเฉพาะก็คือการเตรียมวงกสิณ โดยนีลกสิณนั้นต้องเตรียมวัตถุสีเขียว ปีตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีเหลือง โลหิตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีแดง และโอทาตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีขาว
วัตถุที่เป็นสีเขียวมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีเขียว ผ้าสีเขียว สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีเขียว
วัตถุที่เป็นสีเหลืองมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีเหลือง ผ้าสีเหลือง สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีเหลือง
วัตถุที่เป็นสีแดงมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีแดง ผ้าสีแดง สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีแดง
วัตถุที่เป็นสีขาวมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาว สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีขาว รวมทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และกระจก
สำหรับผู้ฝึกฝนอบรมใหม่ย่อมต้องเตรียมวงกสิณก่อน โดยรักชอบพอและมีอัชฌาสัยต้องด้วยสีอะไรก็ใช้สีนั้นหรือวัตถุที่มีสีนั้นทำเป็นวงกสิณ
วงกสิณจำพวกสีแม้บรรดาตำราต่าง ๆ จะยกตัวอย่างวงกสิณเป็นแบบรูปสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมเท่านั้น แต่ความจริงนอกจากจะทำเป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมแล้ว ยังสามารถทำเป็นรูปวงกลมอันเป็นลักษณะทั่วไปของการทำวงกสิณดังที่ได้พรรณนามาแล้วได้อีกด้วย ขนาดของวงกสิณก็เป็นดังขนาดที่ได้แสดงมาในตอนต้น ๆ แล้ว จักไม่กล่าวซ้ำอีก
เมื่อจัดเตรียมวงกสิณ เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมใจตามวิธีการดังได้แสดงมาแต่ต้นแล้ว การเพ่งวงกสิณก็กระทำอย่างเดียวกันกับการเพ่งปฐวีกสิณ
ความเฉพาะของกสิณวิธีจำพวกสีคือการกำหนดการเพ่งอยู่ที่สี คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีขาวตามแต่อัชฌาสัย ต้องไม่คำนึงถึงวัตถุหรือธาตุอย่างอื่นนอกจากสี ต้องไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากสีเข้ามาเกาะเกี่ยวกุมอารมณ์ซึ่งจะทำให้การฝึกฝนอบรมเบี่ยงเบนไปเป็นอย่างอื่น
รวมทั้งไม่จำที่จะต้องพิจารณาด้วยปัญญาเลยว่าสิ่งที่เรียกว่าสีนั้นมีอยู่ในทางความเป็นจริงหรือว่าเป็นเพียงมายาภาพหรือไม่ และที่เห็นเป็นสีนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีความผันแปรไปอย่างไร ความมุ่งหมายสำคัญของการฝึกฝนอบรมกสิณวิธีจำพวกนี้มุ่งเอาที่สี แม้ว่ามันจะเป็นสมมติก็ตาม
เพราะว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการฝึกฝนอบรมไม่ใช่การรู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องสี แต่มีเป้าหมายที่แท้จริงอยู่ตรงที่อาศัยสีซึ่งต้องด้วยอัชฌาสัยนั้นเป็นสื่อในการกำหนดอารมณ์ เพื่อทำให้จิตตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ มีพลังแกล้วกล้าจนกระทั่งสามารถทำหน้าที่ของจิตได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น
เมื่อกำหนดเอาสีที่ชอบอัชฌาสัยเป็นตัวกำหนดอารมณ์ตามที่เตรียมไว้แล้วนั้น ขั้นตอนแรกก็คือการทำอุคหนิมิตให้ปรากฏภาพสีขึ้นในมโนภาพอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ชัดเจน ดังวิธีการกระทำอุคหนิมิตที่ได้พรรณนามาก่อนหน้าแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่อุคหนิมิตสีปรากฏขึ้นชัดเจนเป็นมโนภาพกับจิตแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการกระทำปฏิภาคนิมิตให้ภาพสีที่เห็นในมโนภาพด้วยจิตนั้นแผ่เป็นปริมณฑลกว้างไกลออกไป หรือหดย่อลงมา หรือเคลื่อนย้ายได้ตามปรารถนา แม้กระทั่งกำหนดให้นิ่งมั่นคงอยู่กับที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ภาวะทั้งหลายที่เกิดกับจิตดังที่ได้พรรณนามาก็จะเกิดขึ้นอย่างครบถ้วนเช่นเดียวกับกสิณวิธีที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อนั้นย่อมได้ชื่อว่าบรรลุถึงการกระทำปฏิภาคนิมิตในกสิณวิธีจำพวกสี
โดยผลรวมก็คือจิตมีความตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ มีความแกล้วกล้า มีพลังและมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น พร้อมที่จะก้าวรุดหน้าต่อไปสู่ปฐมฌาน
เหล่านั้นเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมของผู้ปฏิบัติใหม่ แต่เมื่อมีความชำนาญแล้วก็ไม่ต้องจัดเตรียมวงกสิณอีกต่อไป เพราะสามารถกำหนดอารมณ์ กระทำอุคหนิมิตจากสีที่มีอยู่ตามธรรมชาติได้
นั่นคือเมื่อเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว ก็สามารถกำหนดอารมณ์ทำนิมิตสีนั้นให้ปรากฏในมโนภาพ เป็นอุคหนิมิตของสีนั้น ๆ และเป็นปฏิภาคนิมิตของสีนั้น ๆ ได้ดังปรารถนา
เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นไปอีก แม้จะไม่เห็นสิ่งใดที่มีสี ถึงขนาดหลับตาอยู่ก็สามารถกำหนดอารมณ์สร้างนิมิตที่เป็นสีขึ้นในมโนภาพและเป็นอุคหนิมิตของสีนั้นและกระทำเป็นปฏิภาคนิมิตของสีนั้นได้ดังปรารถนาไม่ยาก ไม่ลำบากอีกด้วย
เมื่อกระทำปฏิภาคนิมิตโดยกสิณวิธีจำพวกสีได้สำเร็จแล้ว การรักษานิมิตนั้นให้มั่นคงแคล่วคล่องว่องไวเป็นเรื่องของการฝึกฝนจนชำนาญ ด้วยความเพียรไม่ย่อหย่อน ยิ่งแคล่วคล่องว่องไวชำนาญเท่าใด กำลังอำนาจของจิตก็จะมีพลังแกล้วกล้ามากขึ้นเท่านั้น ตั้งมั่นและบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้นด้วย องค์แห่งปฐมฌานก็ย่อมก่อตัวชัดขึ้นโดยลำดับ เช่นเดียวกับที่ได้พรรณนามาเกี่ยวกับกสิณวิธีจำพวกธาตุนั้นแล้ว
กสิณวิธีจำพวกสีก็มีอานิสงส์เฉพาะแต่ละสีเช่นเดียวกัน แต่ต้องตระหนักว่าอานิสงส์นั้นจะกระทำได้และปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้บรรลุถึงจตุตถฌานและกระทำในอุปจารสมาธิเท่านั้น
แต่เพื่อส่งเสริมศรัทธาประสาทะและเพื่อได้ตั้งเป็นข้อสังเกตของพัฒนาการของนามกายที่จะเป็นบาทฐานของการกระทำอิทธิ ฤทธิ์ และวิชชาในวันข้างหน้า จักได้กล่าวอานิสงส์เฉพาะของกสิณวิธีจำพวกสีไว้ ณ ที่นี้
กสิณวิธีประเภทนีลกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีเขียว สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีเขียวได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีเขียวได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีเขียวในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทปีตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีเหลือง สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีเหลืองได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีเหลืองได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีเหลืองในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทโลหิตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีแดง สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีแดงได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีแดงได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีแดงในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทโอทาตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะแปดประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีขาว สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีขาวได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีขาวได้ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีขาวในที่ใด ๆ ก็ได้ สามารถขจัดความมืดได้ บันดาลให้เกิดความสว่างได้ และสามารถขจัดความง่วงเหงาหาวนอนได้
พระบรมศาสดาทรงบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีก็โดยนัยยะเหตุผลเดียวกันกับการบัญญัติกสิณวิธีจำพวกธาตุ เพราะเวไนยสัตว์มีอัชฌาสัยแตกต่างกัน นอกจากพวกที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบคุ้นเคยดิน น้ำ ลม ไฟ แล้ว ก็ยังมีเวไนยสัตว์จำพวกที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบหรือคุ้นเคยกับสี คือสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว
การบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีจึงเป็นเครื่องแสดงออกซึ่งพระเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และพระปัญญาคุณแห่งพระบรมศาสดาโดยแท้ เพื่อให้เวไนยสัตว์หรือชนหมู่มากได้รับประโยชน์จากการตรัสรู้ของพระองค์ เพราะผู้ที่มีอัชฌาสัยนิยมชมชอบสิ่งใดก็จะมีความง่ายต่อการฝึกฝนอบรมและใช้สิ่งนั้นเป็นสื่อในการฝึกฝนอบรมเพื่อให้จิตมีความตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ และมีศักยภาพสูงสุดในการทำหน้าที่ของจิตต่อไป
ในปัจจุบันนี้ถือกันว่าแม่สีมีอยู่ 3 สี คือสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงิน จากแม่สีทั้งสามสีนี้สามารถปรุงแต่งเป็นสีอื่น ๆ ได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในทางแสงนั้นถือว่ามีแม่สีอยู่สี่สีคือสีเหลือง สีแดง สีเขียว และสีขาว แม่สีทั้งสี่สีนี้เมื่อผ่านกระบวนการสะท้อนของแสงแล้วก็จะสามารถปรุงแต่งเป็นสีได้ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกัน
เป็นที่น่าประหลาดใจสักปานไหนที่การค้นพบเรื่องแม่สีธรรมดากับแม่สีที่เกิดจากการสะท้อนของแสงในปัจจุบันสมัยโดยนักวิทยาศาสตร์ทางสีไม่ได้แตกต่างออกไปจากความรู้ของคนโบราณ ซึ่งถือเอาสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาวเป็นสีในการกำหนดอารมณ์
ความจริงแล้วการเห็นสีเป็นมายาภาพอย่างหนึ่ง เพราะในทางความเป็นจริงไม่มีสี แต่ที่ตาเห็นเป็นสีได้นั้นเกิดจากการสะท้อนของคลื่นแสงที่กระทบกับพื้นผิวของวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อใดที่ไม่มีแสงเมื่อนั้นก็จะไม่มีสี
มนุษย์ได้กำหนดลักษณะของสีที่เห็นจากมายาภาพดังกล่าวเป็นสีนั้น สีนี้ และเมื่อแม่สีผสมกันตามการสะท้อนของแสงปรากฏเป็นสีต่างๆ หลากหลายสีแล้ว ก็ตั้งสมมติเอาว่าเป็นสีนั้น สีนี้
ในส่วนของแสงที่ทำให้เกิดสีก็เช่นเดียวกัน ความจริงไม่มีสีแต่เพราะความถี่ของคลื่นแสงที่มากระทบกันผสมผสานกันและต้องกับผิวของวัตถุแล้วก็เห็นเป็นสีต่าง ๆ ได้ มนุษย์ก็ได้ตั้งสมมติเอาว่าเป็นสีนั้น สีนี้
พระบรมศาสดาทรงบัญญัติกสิณวิธีจำพวกสีไว้เพียง 4 วิธี ก็เพียงเพื่อเป็นต้นแบบฝึกฝนอบรมของกสิณวิธีจำพวกสี หรือจะเรียกว่าแม่แบบก็ได้ เวไนยสัตว์ใดที่มีอัชฌาสัยชอบพอสีอื่นนอกจากสี่สีที่ทรงบัญญัติเป็นต้นแบบแล้ว ก็ย่อมใช้วิธีฝึกฝนอบรมกสิณวิธีจำพวกสีได้เหมือนกัน เพียงแต่ปรับเปลี่ยนสีตามที่ทรงบัญญัติเป็นแม่แบบไปเป็นสีที่ชอบด้วยอัชฌาสัยเท่านั้น
เพราะเหตุที่วิธีฝึกฝนอบรมและการจัดเตรียมการฝึกฝนอบรมกสิณจำพวกสีนั้นเป็นแบบอย่างเดียวกัน เหมือนกันทั้งหมด ยกเว้นก็แต่สีอันเป็นที่เพ่งแห่งจิต ดังนั้นในการพรรณนากสิณวิธีจำพวกสีทั้งสี่ชนิดนี้จึงพรรณนารวมกันไป
แต่จะแสดงแยกในส่วนที่เป็นลักษณะพิเศษของกสิณสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว รวมทั้งอานิสงส์เฉพาะของการฝึกฝนอบรมกสิณวิธีแต่ละสี ซึ่งต่างกันไปบ้าง
สำหรับผู้ฝึกฝนอบรมนั้นมีวิธีเตรียมตัวอย่างเดียวกันกับที่ได้พรรณนามาแต่ก่อนแล้ว
สถานที่ฝึกฝน ระยะการตั้งวงกสิณกับการนั่ง ก็เป็นอย่างเดียวกันกับที่ได้พรรณนามาแต่ก่อนแล้ว
ข้อแตกต่างที่เป็นลักษณะเฉพาะก็คือการเตรียมวงกสิณ โดยนีลกสิณนั้นต้องเตรียมวัตถุสีเขียว ปีตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีเหลือง โลหิตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีแดง และโอทาตกสิณต้องเตรียมวัตถุสีขาว
วัตถุที่เป็นสีเขียวมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีเขียว ผ้าสีเขียว สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีเขียว
วัตถุที่เป็นสีเหลืองมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีเหลือง ผ้าสีเหลือง สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีเหลือง
วัตถุที่เป็นสีแดงมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีแดง ผ้าสีแดง สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีแดง
วัตถุที่เป็นสีขาวมีตัวอย่างเช่น ดอกไม้สีขาว ผ้าสีขาว สิ่งของใด ๆ ก็ตามที่เป็นสีขาว รวมทั้งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และกระจก
สำหรับผู้ฝึกฝนอบรมใหม่ย่อมต้องเตรียมวงกสิณก่อน โดยรักชอบพอและมีอัชฌาสัยต้องด้วยสีอะไรก็ใช้สีนั้นหรือวัตถุที่มีสีนั้นทำเป็นวงกสิณ
วงกสิณจำพวกสีแม้บรรดาตำราต่าง ๆ จะยกตัวอย่างวงกสิณเป็นแบบรูปสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมเท่านั้น แต่ความจริงนอกจากจะทำเป็นรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมแล้ว ยังสามารถทำเป็นรูปวงกลมอันเป็นลักษณะทั่วไปของการทำวงกสิณดังที่ได้พรรณนามาแล้วได้อีกด้วย ขนาดของวงกสิณก็เป็นดังขนาดที่ได้แสดงมาในตอนต้น ๆ แล้ว จักไม่กล่าวซ้ำอีก
เมื่อจัดเตรียมวงกสิณ เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมใจตามวิธีการดังได้แสดงมาแต่ต้นแล้ว การเพ่งวงกสิณก็กระทำอย่างเดียวกันกับการเพ่งปฐวีกสิณ
ความเฉพาะของกสิณวิธีจำพวกสีคือการกำหนดการเพ่งอยู่ที่สี คือ สีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีขาวตามแต่อัชฌาสัย ต้องไม่คำนึงถึงวัตถุหรือธาตุอย่างอื่นนอกจากสี ต้องไม่ให้สิ่งอื่นใดนอกจากสีเข้ามาเกาะเกี่ยวกุมอารมณ์ซึ่งจะทำให้การฝึกฝนอบรมเบี่ยงเบนไปเป็นอย่างอื่น
รวมทั้งไม่จำที่จะต้องพิจารณาด้วยปัญญาเลยว่าสิ่งที่เรียกว่าสีนั้นมีอยู่ในทางความเป็นจริงหรือว่าเป็นเพียงมายาภาพหรือไม่ และที่เห็นเป็นสีนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีความผันแปรไปอย่างไร ความมุ่งหมายสำคัญของการฝึกฝนอบรมกสิณวิธีจำพวกนี้มุ่งเอาที่สี แม้ว่ามันจะเป็นสมมติก็ตาม
เพราะว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการฝึกฝนอบรมไม่ใช่การรู้แจ้งแทงตลอดในเรื่องสี แต่มีเป้าหมายที่แท้จริงอยู่ตรงที่อาศัยสีซึ่งต้องด้วยอัชฌาสัยนั้นเป็นสื่อในการกำหนดอารมณ์ เพื่อทำให้จิตตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ มีพลังแกล้วกล้าจนกระทั่งสามารถทำหน้าที่ของจิตได้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น
เมื่อกำหนดเอาสีที่ชอบอัชฌาสัยเป็นตัวกำหนดอารมณ์ตามที่เตรียมไว้แล้วนั้น ขั้นตอนแรกก็คือการทำอุคหนิมิตให้ปรากฏภาพสีขึ้นในมโนภาพอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ชัดเจน ดังวิธีการกระทำอุคหนิมิตที่ได้พรรณนามาก่อนหน้าแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่อุคหนิมิตสีปรากฏขึ้นชัดเจนเป็นมโนภาพกับจิตแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการกระทำปฏิภาคนิมิตให้ภาพสีที่เห็นในมโนภาพด้วยจิตนั้นแผ่เป็นปริมณฑลกว้างไกลออกไป หรือหดย่อลงมา หรือเคลื่อนย้ายได้ตามปรารถนา แม้กระทั่งกำหนดให้นิ่งมั่นคงอยู่กับที่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ภาวะทั้งหลายที่เกิดกับจิตดังที่ได้พรรณนามาก็จะเกิดขึ้นอย่างครบถ้วนเช่นเดียวกับกสิณวิธีที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อนั้นย่อมได้ชื่อว่าบรรลุถึงการกระทำปฏิภาคนิมิตในกสิณวิธีจำพวกสี
โดยผลรวมก็คือจิตมีความตั้งมั่น มีความบริสุทธิ์ มีความแกล้วกล้า มีพลังและมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น พร้อมที่จะก้าวรุดหน้าต่อไปสู่ปฐมฌาน
เหล่านั้นเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมของผู้ปฏิบัติใหม่ แต่เมื่อมีความชำนาญแล้วก็ไม่ต้องจัดเตรียมวงกสิณอีกต่อไป เพราะสามารถกำหนดอารมณ์ กระทำอุคหนิมิตจากสีที่มีอยู่ตามธรรมชาติได้
นั่นคือเมื่อเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีขาว ก็สามารถกำหนดอารมณ์ทำนิมิตสีนั้นให้ปรากฏในมโนภาพ เป็นอุคหนิมิตของสีนั้น ๆ และเป็นปฏิภาคนิมิตของสีนั้น ๆ ได้ดังปรารถนา
เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นไปอีก แม้จะไม่เห็นสิ่งใดที่มีสี ถึงขนาดหลับตาอยู่ก็สามารถกำหนดอารมณ์สร้างนิมิตที่เป็นสีขึ้นในมโนภาพและเป็นอุคหนิมิตของสีนั้นและกระทำเป็นปฏิภาคนิมิตของสีนั้นได้ดังปรารถนาไม่ยาก ไม่ลำบากอีกด้วย
เมื่อกระทำปฏิภาคนิมิตโดยกสิณวิธีจำพวกสีได้สำเร็จแล้ว การรักษานิมิตนั้นให้มั่นคงแคล่วคล่องว่องไวเป็นเรื่องของการฝึกฝนจนชำนาญ ด้วยความเพียรไม่ย่อหย่อน ยิ่งแคล่วคล่องว่องไวชำนาญเท่าใด กำลังอำนาจของจิตก็จะมีพลังแกล้วกล้ามากขึ้นเท่านั้น ตั้งมั่นและบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้นด้วย องค์แห่งปฐมฌานก็ย่อมก่อตัวชัดขึ้นโดยลำดับ เช่นเดียวกับที่ได้พรรณนามาเกี่ยวกับกสิณวิธีจำพวกธาตุนั้นแล้ว
กสิณวิธีจำพวกสีก็มีอานิสงส์เฉพาะแต่ละสีเช่นเดียวกัน แต่ต้องตระหนักว่าอานิสงส์นั้นจะกระทำได้และปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้บรรลุถึงจตุตถฌานและกระทำในอุปจารสมาธิเท่านั้น
แต่เพื่อส่งเสริมศรัทธาประสาทะและเพื่อได้ตั้งเป็นข้อสังเกตของพัฒนาการของนามกายที่จะเป็นบาทฐานของการกระทำอิทธิ ฤทธิ์ และวิชชาในวันข้างหน้า จักได้กล่าวอานิสงส์เฉพาะของกสิณวิธีจำพวกสีไว้ ณ ที่นี้
กสิณวิธีประเภทนีลกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีเขียว สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีเขียวได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีเขียวได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีเขียวในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทปีตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีเหลือง สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีเหลืองได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีเหลืองได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีเหลืองในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทโลหิตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะห้าประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีแดง สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีแดงได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีแดงได้และ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีแดงในที่ใด ๆ ก็ได้
กสิณวิธีประเภทโอทาตกสิณมีอานิสงส์เฉพาะแปดประการคือ หลุดพ้นจากความติดยึดในสิ่งสวยงามทั้งปวงหรือที่เรียกว่าสุภวิโมกข์ เป็นผู้ถึงซึ่งความเป็นใหญ่ในสีขาว สามารถทำทุกสิ่งให้เป็นสีขาวได้ สามารถเนรมิตสิ่งทั้งหลายที่เป็นสีขาวได้ สามารถมีตาทิพย์มองเห็นสีขาวในที่ใด ๆ ก็ได้ สามารถขจัดความมืดได้ บันดาลให้เกิดความสว่างได้ และสามารถขจัดความง่วงเหงาหาวนอนได้