สัปดาห์นี้ผมมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวกับจานผีมาเล่าสู่กันฟังครับ แต่ไม่ใช่ว่าผมบังเอิญได้พบจานผีหรือมีประสบการณ์ได้พูดคุยกับมนุษย์ต่างดาวนะครับ
เพียงแต่เวลานี้มีหนังสือเล่มใหม่ตีพิมพ์โดยนักข่าวที่มีชื่อเสียงเคยได้รับรางวัลประเภทเจาะข่าวด้านวิทยาศาสตร์กับสังคมมาแล้วเสียด้วย
นักข่าวผู้เขียนเรื่องนี้ชื่อว่านายไบรอัน แอปเปิลยาร์ด ส่วนหนังสือที่แกเขียนนั้นชื่อว่ามนุษย์ต่างดาว : ทำไมพวกเขามาที่นี่หรือในภาคภาษาอังกฤษก็คือ Alien : Why They Are Here จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สคิมเนอร์ ราคา 15.99 ปอนด์ 336 หน้า ครับ
หนังสือของนายไบรอันนี้มันน่าสนใจครับ เพราะว่าแกเป็นนักข่าวนักเขียนมีชื่อ จนนักวิจารณ์เห็นว่าแกไม่น่ามาเสี่ยงเขียนเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้
แต่ประเด็นของนายไบรอันก็น่าสนใจนะครับ เพราะกว่า 50 ปีที่ผ่านมานั้น มีคนจำนวนมากต่างก็อ้างว่าเคยเห็นจานบินหรือจานผีแถมจำนวนไม่น้อยก็บอกว่าเคยพบกับมนุษย์ต่างดาวมาแล้วด้วย
การให้ปากคำของพวกมีประสบการณ์พบกับพวกต่างดาวส่วนใหญ่นั้นผ่านวิธีการสะกดจิตเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ
สำหรับตัวผู้เขียนเองนั้นก็เคยเห็นจานผีเหมือนกันในตำบลนอร์โฟล์ก ประเทศอังกฤษ และตัวเขาเองก็ได้รับความช่วยเหลือให้ ดร.เดวิด โอคลีย์ จากมหาวิทยาลัยลอนดอนช่วยฟื้นความจำด้วยการสะกดจิตเหมือนกรณีรายผู้พบเห็นอื่นๆ
หนังสือเรื่องมนุษย์ต่างดาวนี้เขาเขียนแบบจริงจังครับและก็พยายามสืบค้นหาคำตอบให้ได้ ขณะที่ศาสตราจารย์คนนึงที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ผ่านประสบการณ์มามากก็วิตกมากว่าอาชีพนักเขียนนักข่าวของเขาอาจเบี่ยงเบนไปได้ ก็เพราะเรื่องจานบินที่เขานำมาเขียนนี้แหละ
ตัวผู้เขียนคือนายไบรอันนั้น บอกว่า ผู้คนที่ใกล้ชิดมักจะตีตัวออกห่างจากเขาในวงสนทนาบ่อยๆ ในเวลาที่เขายกเรื่องหนังสือที่เขาเขียนเกี่ยวกับจานบินนี้ขึ้นมาพูดด้วย
แต่ทำไมล่ะครับ เขาจึงสนใจหันมาเขียนเรื่องที่เขาอาจถูกมองเป็นตัวตลกมากกว่าได้ชื่อเสียง
ก็เพราะโดยหลักใหญ่ๆ แล้ว เขาเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมันเป็นเรื่องจริงและมาจริงๆ แต่มันไม่ได้เป็นรูปธรรมแต่มันเป็นนามธรรมอยู่กับจิตสำนึกของมนุษย์เราและก็เกิดอยู่ในสังคมตะวันตกเป็นหลัก
ไบรอันเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นอกไปจากค่านิยมของพวกตะวันตก วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม คนส่วนใหญ่อาจไม่ตื่นเต้น หากมีคนมาบอกว่าสื่อสารกับพวกภูตผีปีศาจได้ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติครับ
เพราะมนุษย์เรานั้นมีภาวะด้านความคิดว่ามีอีกโลกหนึ่งที่ใกล้ชิดกับโลกของเราและก็ติดต่อสัมพันธ์กับเราอยู่
แต่พวกเราชาวตะวันตกมักคิดว่า ฉลาด ทันสมัย และเต็มไปด้วยเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เราก็มีจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับพวกมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก และเกี่ยวกับจานบินค้างอยู่ เพื่อต้านกับความหวาดวิตกว่า เราจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพังในจักรวาล
ความคิดนี้ก็ไม่ใช่ของใหม่นักครับ เพราะว่าเมื่อปี 1958 นักจิตวิทยา คาร์ล จุง เคยเขียนเรื่อง จานบิน : ตำนานสมัยใหม่โดยชี้ว่าเรื่องจานบินนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 1947 ซึ่งเกิดหลังเกิดระเบิดนิวเคลียร์ได้เพียง 2 ปี และเมื่อมีความตึงเครียดระหว่างประเทศอเมริกากับรัสเซีย
คาร์ล จุง ใช้คำว่า ตำนาน เพราะให้มีความหมายว่ามันเป็นเรื่องของความลึกลับที่สะท้อนออกมาจากแรงขับเคลื่อนของความต้องการภายในตัวตนมนุษย์ครับ และมันก็เหมือนกับในยุคก่อนๆ ที่คนเรามีความนึกคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าหรือพวกเทวดาทั้งหลายเป็นประทีปส่องทางให้เราพึ่งพิงทางจิตใจ
ก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ เราจึงจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งที่มีความเฉลียวล้ำหน้าหรือมีเทคโนโลยีที่จะยับยั้งให้เราพ้นภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ที่อาจจะล้างโลกได้
ไบรอันจึงเริ่มลงมือเขียนโดยใช้พื้นฐานมาจากคาร์ล จุง และใช้ปี 1947 เป็นจุดแรกที่เริ่มต้น
หลังจากนี้คนก็เริ่มเห็นจานบินและก็เริ่มมีคนพบกับมนุษย์ต่างดาว ตลอดจนมีการลักพาตัวไปกับจานบินด้วย โดยคนลักพาตัวจะถูกทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ บ้างก็มีการร่วมเพศกับมนุษย์ต่างดาวเสียอีก
แม้ว่าเรื่องจานบินจะดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ก็เป็นเรื่องที่ทางการต้องเข้ามาสืบสวน และหาข้อมูลทำรายงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ผลของการสืบสวนก็พบว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกันหรือประมาณ 5 ล้านคน มีความเชื่อว่าพวกเขาเคยถูกลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว และถูกพาไปบินเหนือประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนพลอยสนุกสนานไปด้วยเมื่อเขาเขียนถึงประเด็นนี้ครับ
แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่ามันยังไม่ปรากฏหลักฐานเลยว่าเคยมีจานบินได้มาลงจอดบนโลก แม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนั้นการสืบสวนที่เป็นของทางการก็ล้วนแต่พบว่าไม่มีเหตุผลที่อธิบายว่า การพบเห็นจานบินจะอธิบายได้
นอกจากนั้น กล้องดูดาวที่ถือว่าดีที่สุดของโลกที่ส่องดูในอวกาศนั้น ก็ไม่เคยพบว่ามีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่ที่อื่นใดในจักรวาลของเรา แม้ว่าข้อนี้จะไม่ปฏิเสธว่า คนที่อ้างว่าเคยพบมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายจะโกหกหรือเป็นพวกสติแตก
ประเด็นมันมีอยู่ว่า เราอาจไม่เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของสภาพจิตใต้สำนึกของคนเหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขารับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์มนุษย์ต่างดาว
ว่าไปแล้วผู้เขียนหนังสือเล่มนี้น่าจะพึงพอใจ และก็สนุกกับการเขียนงานชนิดนี้ไม่น้อยนะครับ และเขาใช้เอกสารจากนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์เกี่ยวกับจาบินหลายเรื่อง รวมทั้งรายงานการพบเห็นจานบินจำนวนมาก
ตัวไบรอันให้ความสนใจและเขาชอบภาพยนตร์ชุด The X-Files มากเป็นพิเศษ เพราะตัวนำเรื่องมีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว
หนังสือเรื่องจานบินของไบรอันนั้น ได้รับคำชมว่า เป็นหนังสือที่เขียนดี อ่านสนุกครับ
ผมไม่แน่ใจว่า ตลาดหนังสือบ้านเราจะหาหนังสือเล่มนี้ได้หรือยัง ไม่นานนักก็คงมาขายแน่ ผู้อ่านที่สนใจลองหาดูนะครับ ตามร้านหนังสือที่สั่งหนังสือต่างประเทศมาขายนั่นแหละครับ
เพียงแต่เวลานี้มีหนังสือเล่มใหม่ตีพิมพ์โดยนักข่าวที่มีชื่อเสียงเคยได้รับรางวัลประเภทเจาะข่าวด้านวิทยาศาสตร์กับสังคมมาแล้วเสียด้วย
นักข่าวผู้เขียนเรื่องนี้ชื่อว่านายไบรอัน แอปเปิลยาร์ด ส่วนหนังสือที่แกเขียนนั้นชื่อว่ามนุษย์ต่างดาว : ทำไมพวกเขามาที่นี่หรือในภาคภาษาอังกฤษก็คือ Alien : Why They Are Here จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สคิมเนอร์ ราคา 15.99 ปอนด์ 336 หน้า ครับ
หนังสือของนายไบรอันนี้มันน่าสนใจครับ เพราะว่าแกเป็นนักข่าวนักเขียนมีชื่อ จนนักวิจารณ์เห็นว่าแกไม่น่ามาเสี่ยงเขียนเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้
แต่ประเด็นของนายไบรอันก็น่าสนใจนะครับ เพราะกว่า 50 ปีที่ผ่านมานั้น มีคนจำนวนมากต่างก็อ้างว่าเคยเห็นจานบินหรือจานผีแถมจำนวนไม่น้อยก็บอกว่าเคยพบกับมนุษย์ต่างดาวมาแล้วด้วย
การให้ปากคำของพวกมีประสบการณ์พบกับพวกต่างดาวส่วนใหญ่นั้นผ่านวิธีการสะกดจิตเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ
สำหรับตัวผู้เขียนเองนั้นก็เคยเห็นจานผีเหมือนกันในตำบลนอร์โฟล์ก ประเทศอังกฤษ และตัวเขาเองก็ได้รับความช่วยเหลือให้ ดร.เดวิด โอคลีย์ จากมหาวิทยาลัยลอนดอนช่วยฟื้นความจำด้วยการสะกดจิตเหมือนกรณีรายผู้พบเห็นอื่นๆ
หนังสือเรื่องมนุษย์ต่างดาวนี้เขาเขียนแบบจริงจังครับและก็พยายามสืบค้นหาคำตอบให้ได้ ขณะที่ศาสตราจารย์คนนึงที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ผ่านประสบการณ์มามากก็วิตกมากว่าอาชีพนักเขียนนักข่าวของเขาอาจเบี่ยงเบนไปได้ ก็เพราะเรื่องจานบินที่เขานำมาเขียนนี้แหละ
ตัวผู้เขียนคือนายไบรอันนั้น บอกว่า ผู้คนที่ใกล้ชิดมักจะตีตัวออกห่างจากเขาในวงสนทนาบ่อยๆ ในเวลาที่เขายกเรื่องหนังสือที่เขาเขียนเกี่ยวกับจานบินนี้ขึ้นมาพูดด้วย
แต่ทำไมล่ะครับ เขาจึงสนใจหันมาเขียนเรื่องที่เขาอาจถูกมองเป็นตัวตลกมากกว่าได้ชื่อเสียง
ก็เพราะโดยหลักใหญ่ๆ แล้ว เขาเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมันเป็นเรื่องจริงและมาจริงๆ แต่มันไม่ได้เป็นรูปธรรมแต่มันเป็นนามธรรมอยู่กับจิตสำนึกของมนุษย์เราและก็เกิดอยู่ในสังคมตะวันตกเป็นหลัก
ไบรอันเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นอกไปจากค่านิยมของพวกตะวันตก วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม คนส่วนใหญ่อาจไม่ตื่นเต้น หากมีคนมาบอกว่าสื่อสารกับพวกภูตผีปีศาจได้ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติครับ
เพราะมนุษย์เรานั้นมีภาวะด้านความคิดว่ามีอีกโลกหนึ่งที่ใกล้ชิดกับโลกของเราและก็ติดต่อสัมพันธ์กับเราอยู่
แต่พวกเราชาวตะวันตกมักคิดว่า ฉลาด ทันสมัย และเต็มไปด้วยเหตุผลเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เราก็มีจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับพวกมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก และเกี่ยวกับจานบินค้างอยู่ เพื่อต้านกับความหวาดวิตกว่า เราจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตามลำพังในจักรวาล
ความคิดนี้ก็ไม่ใช่ของใหม่นักครับ เพราะว่าเมื่อปี 1958 นักจิตวิทยา คาร์ล จุง เคยเขียนเรื่อง จานบิน : ตำนานสมัยใหม่โดยชี้ว่าเรื่องจานบินนั้นเริ่มมาตั้งแต่ปี 1947 ซึ่งเกิดหลังเกิดระเบิดนิวเคลียร์ได้เพียง 2 ปี และเมื่อมีความตึงเครียดระหว่างประเทศอเมริกากับรัสเซีย
คาร์ล จุง ใช้คำว่า ตำนาน เพราะให้มีความหมายว่ามันเป็นเรื่องของความลึกลับที่สะท้อนออกมาจากแรงขับเคลื่อนของความต้องการภายในตัวตนมนุษย์ครับ และมันก็เหมือนกับในยุคก่อนๆ ที่คนเรามีความนึกคิดเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าหรือพวกเทวดาทั้งหลายเป็นประทีปส่องทางให้เราพึ่งพิงทางจิตใจ
ก็ด้วยเหตุนี้แหละครับ เราจึงจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งที่มีความเฉลียวล้ำหน้าหรือมีเทคโนโลยีที่จะยับยั้งให้เราพ้นภัยจากอาวุธนิวเคลียร์ที่อาจจะล้างโลกได้
ไบรอันจึงเริ่มลงมือเขียนโดยใช้พื้นฐานมาจากคาร์ล จุง และใช้ปี 1947 เป็นจุดแรกที่เริ่มต้น
หลังจากนี้คนก็เริ่มเห็นจานบินและก็เริ่มมีคนพบกับมนุษย์ต่างดาว ตลอดจนมีการลักพาตัวไปกับจานบินด้วย โดยคนลักพาตัวจะถูกทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ บ้างก็มีการร่วมเพศกับมนุษย์ต่างดาวเสียอีก
แม้ว่าเรื่องจานบินจะดูเป็นเรื่องเหลวไหล แต่ก็เป็นเรื่องที่ทางการต้องเข้ามาสืบสวน และหาข้อมูลทำรายงานอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ผลของการสืบสวนก็พบว่า 2 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกันหรือประมาณ 5 ล้านคน มีความเชื่อว่าพวกเขาเคยถูกลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว และถูกพาไปบินเหนือประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนพลอยสนุกสนานไปด้วยเมื่อเขาเขียนถึงประเด็นนี้ครับ
แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่ามันยังไม่ปรากฏหลักฐานเลยว่าเคยมีจานบินได้มาลงจอดบนโลก แม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนั้นการสืบสวนที่เป็นของทางการก็ล้วนแต่พบว่าไม่มีเหตุผลที่อธิบายว่า การพบเห็นจานบินจะอธิบายได้
นอกจากนั้น กล้องดูดาวที่ถือว่าดีที่สุดของโลกที่ส่องดูในอวกาศนั้น ก็ไม่เคยพบว่ามีสิ่งมีชีวิตปรากฏอยู่ที่อื่นใดในจักรวาลของเรา แม้ว่าข้อนี้จะไม่ปฏิเสธว่า คนที่อ้างว่าเคยพบมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายจะโกหกหรือเป็นพวกสติแตก
ประเด็นมันมีอยู่ว่า เราอาจไม่เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของสภาพจิตใต้สำนึกของคนเหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขารับรู้เกี่ยวกับประสบการณ์มนุษย์ต่างดาว
ว่าไปแล้วผู้เขียนหนังสือเล่มนี้น่าจะพึงพอใจ และก็สนุกกับการเขียนงานชนิดนี้ไม่น้อยนะครับ และเขาใช้เอกสารจากนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์เกี่ยวกับจาบินหลายเรื่อง รวมทั้งรายงานการพบเห็นจานบินจำนวนมาก
ตัวไบรอันให้ความสนใจและเขาชอบภาพยนตร์ชุด The X-Files มากเป็นพิเศษ เพราะตัวนำเรื่องมีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว
หนังสือเรื่องจานบินของไบรอันนั้น ได้รับคำชมว่า เป็นหนังสือที่เขียนดี อ่านสนุกครับ
ผมไม่แน่ใจว่า ตลาดหนังสือบ้านเราจะหาหนังสือเล่มนี้ได้หรือยัง ไม่นานนักก็คงมาขายแน่ ผู้อ่านที่สนใจลองหาดูนะครับ ตามร้านหนังสือที่สั่งหนังสือต่างประเทศมาขายนั่นแหละครับ