ลำปาง - แกนนำเครือข่ายสิทธิมนุษยชน เผยตรวจสอบ มติ ครม.21 ธันวาคม 2547 ที่ กฟผ.ใช้เป็นข้ออ้างลดพื้นที่อนุรักษ์สุสานหอย แล้วกลับไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการอนุรักษ์หอย เชื่อเกิดเหตุไม่ชอบมาพากลแน่ ให้เวลาอีก 10 วันดูท่าที กฟผ.ก่อนเคลื่อนไหวต่อ
จากกรณีปัญหาแนวคิดในการอนุรักษ์ซากฟอสซิลหอย 13 ล้านปี ที่ขุดพบในเขตประทานบัตรเหมืองถ่านหิน ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง ซึ่งกลุ่มแนวร่วมเพื่อการอนุรักษ์สุสานหอย ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2548 เพื่อขอให้ยับยั้งการขุดทำลายซากหอยขมดึกดำบรรพ์ และได้มอบอำนาจให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ดำเนินการฟ้องร้องให้แล้วนั้น
นายสุรพล ตันสุวรรณ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง เครือข่ายสิทธิมนุษยชน จังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ตามที่ กฟผ.นำมาอ้างว่า ครม.ได้อนุมัติให้กฟผ.อนุรักษ์ในพื้นที่ 52 ไร่ (ในเขตเหมือง 18 ไร่ และนอกเหมือง 34 ไร่ ) โดยเปลี่ยนจากมติเดิมที่ให้อนุรักษ์ในพื้นที่เขตสัมปทานบัตร 43 ไร่นั้น ปรากฏว่า เมื่อตรวจสอบมติ ครม.ในวันที่ 21 ธันวาคม 2547 ไม่ได้มีวาระที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ หรือเรื่องการอนุรักษ์แต่อย่างใด
ประกอบกับเมื่อพิจารณาข้อมูล ที่กฟผ.นำมาแสดง ก็มีเพียงหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าแจ้งครม.เพื่อทราบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นมติครม.ให้ทบทวนแผนการอนุรักษ์เดิม จึงต้องขอตรวจสอบเรื่องอีกครั้งหนึ่งแต่คิดว่าไม่ชอบมาพากลแน่ หลังจากนี้จะให้เวลา กฟผ.และดูท่าทีของผู้บริหารอีก 10 วันก่อนที่จะทำการเคลื่อนไหวต่อตามสิทธิของประชาชนต่อไป
นายสุรพล ยังกล่าวด้วยว่า การเสนอขอให้ชะลอการขุดเหมืองในครั้งนี้ ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินงานของกฟผ.แม่เมาะ แต่เห็นว่า ทุกวันนี้กฟผ.เป็นจำเลยสังคมอยู่มาก ถ้าปรับบทบาทใหม่ มาเป็นแกนนำในการอนุรักษ์และนำด้านการศึกษา การส่งเสริมอนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อม กฟผ.ก็จะสามารถเปลี่ยนบทบาทมาเป็นพระเอกของสังคมได้ จึงอยากให้กฟผ.เห็นความสำคัญและร่วมกันอนุรักษ์กับประชาชนจะดีกว่า
เขาบอกว่า การเคลื่อนไหวคัดค้านการขุดสุสานหอยครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ที่ภาคเอกชนทุกฝ่ายในลำปาง แสดงจุดยืนเพื่อขอให้กฟผ.ชะลอการขุดลิกไนต์ บริเวณสุสานหอยในเขตประทานบัตรที่กฟผ.ได้ดำเนินการไปแล้ว 25 ไร่ ว่า น่าจะมีการศึกษาให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งกฟผ.ควรรับฟัง
ด้านนายลือชาย ยารังสี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่เมาะ กล่าวว่า หากไม่มีใครเอาผิด กฟผ.ได้ ตนอยากเป็นโจทก์ ยื่นเรื่องแจ้งความฟ้องกฟผ.เอง ตามสิทธิของประชาชน แต่หลายฝ่ายเกรงว่าจะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงได้ร่วมลงชื่อมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ในเหมืองและแร่เป็นผู้ดำเนินการแทน
นอกจากนี้ ตนขอฝากถึงนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ประชาชนได้ให้ความไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก และนายกฯ เคยบอกว่า เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจ โดยเทคะแนนเสียงให้อย่างท้วมท้น ก็จะให้ความสำคัญกับประชาชนด้วยเช่นกัน จึงหวังว่านายกรัฐมนตรี จะให้ความสำคัญกับเสียงของเครือข่ายประชาชน ที่ร่วมกันเข้าชื่อยื่นหนังสือในครั้งนี้