xs
xsm
sm
md
lg

เหตุแห่งภัยจากราหู : โลภ หลง และเห็นแก่ตัว

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

“ทายยศทายศักดิ์ให้ทายอาทิตย์ ทายจริตให้ทายจันทร์ ทายขยันให้ทายอังคาร ทายอ่อนหวานให้ทายพุธ ทายปัญญาพิสุทธิ์ให้ทายพฤหัสฯ ทายรักทายกำหนัดให้ทายศุกร์ ทายโหรทายทุกข์ให้ทางเสาร์ ทายอายุให้ทายเกตุ และทายอาเพศให้ทายมฤตยู” นี่คือคำพยากรณ์เบื้องต้นที่ผู้ศึกษาโหราศาสตร์ทุกคนจะได้รับการสอนจากครูบาอาจารย์ให้ท่องจำ เพื่อเป็นพื้นฐานแห่งการศึกษาเกี่ยวกับความหมายแห่งดวงดาวแต่ละดวงในแง่ของการนำไปใช้เพื่อการพยากรณ์

โดยนัยแห่งคำพยากรณ์ดังกล่าวข้างต้นหมายถึงว่า ดาวแต่ละดวงหมายถึงอะไร เช่น ดาวอาทิตย์หมายถึง ยศ ตำแหน่ง

ดังนั้น ถ้าจะดูเกี่ยวกับเรื่องยศ ตำแหน่งก็จะต้องดูดาวอาทิตย์ในดวงเดิมว่าให้คุณให้โทษมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เป็นต้น แต่การพยากรณ์โดยอาศัยเพียงความหมายเบื้องต้นเช่นนี้เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น และถ้าต้องการคำพยากรณ์ที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ ก็จะต้องลงลึกไปดูถึงเรือนและความหมายของดาวกับเรือนด้วย

ยิ่งกว่านี้ ถ้าจะดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นอยู่ในปัจจุบัน จะต้องนำดาวจรมาเปรียบเทียบกับดวงดาวที่ปรากฏอยู่ในดวงเดิม แล้วค่อยบวกลบคูณหารว่าโดยรวมแล้วดีหรือร้ายอย่างไร และในเรื่องใดบ้าง จึงจะได้คำพยากรณ์ที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักวิชาการแห่งโหราศาสตร์จริงๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบรรดาโหราศาสตร์ทั้งหลายมิได้คำนึงถึงความเป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ในแง่ของศาสนาเท่าใดนัก เพียงแต่เห็นว่าดาวบาปพระเคราะห์ใหญ่ อันได้แก่ เสาร์ ราหู และมฤตยูโยกย้ายราศี ก็ออกมาทำนายทายทักสิ่งที่จะเกิดขึ้นจนเป็นใหญ่โต และส่วนใหญ่เป็นการทำนายทางลบ เช่น จะมีภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุร้ายแรง มีการตายหมู่ เป็นต้น ดังที่ได้ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า ในวันที่ 12 มีนาคม ดาวราหูจะยกเข้าสู่ราศีมีนอันเป็นเรือน 12 หรือเรือนวินาศของดวงเมือง และเป็นเหตุให้เกิดปัญหาขาดแคลนพลังงานเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ เป็นต้น และสุดท้ายก็มีผู้มาบอกว่าให้มีการบูชาราหูด้วยสิ่งของสีดำ 8 อย่าง เพื่อบรรเทาสิ่งเลวร้ายให้หลุดพ้นไปจากชีวิตของตน

ทำไมโหราจารย์ทั้งหลายจึงมีความเชื่อว่าภัยต่างๆ จะเกิดขึ้นเมื่อราหูย้ายราศีและความเชื่อที่ว่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และการบูชาพระราหูด้วยสิ่งของสีดำ 8 อย่าง ช่วยให้หลุดรอดจากอิทธิพลของราหูจริงหรือไม่?

เกี่ยวกับประเด็นแห่งคำถามนี้ ผู้เขียนใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านที่พอจะมีพื้นฐานแห่งความรู้ความเข้าใจในโหราศาสตร์ หรือไม่มีพื้นฐานแต่เคยไปหาหมอดูก็จะพอเข้าใจว่าราหูคืออะไร ได้ย้อนไปดูเหตุการณ์ในวันที่เกิดจันทรุปราคา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เหตุการณ์ราหูอมจันทร์ หรือราหูกินจันทร์ ก็จะถึงบางอ้อราหูคือเงาของโลกที่ปรากฏบนดวงจันทร์เป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมนั่นเอง

แต่ก็อาจมีคำถามซ้อนขึ้นมาว่า เมื่อราหูเป็นเพียงเงาของโลก เหตุไฉนจึงสามารถให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ผู้ยืนอยู่บนโลกซึ่งเป็นเจ้าของเงาได้อย่างรุนแรงนานัปการดังกล่าวแล้วได้

เกี่ยวกับประเด็นนี้ จะต้องย้อนไปมองที่มาของดาวราหู โดยนัยแห่งความหมายทางโหราศาสตร์อันเป็นที่มาของความเชื่อดังกล่าวข้างต้น ก็จะพบว่าในตำราโหราศาสตร์ถือว่าราหูเป็นดาวบาปพระเคราะห์ที่เป็นคู่ทิศกับดาวเสาร์ และในทักษาพยากรณ์ที่สืบทอดมาจากลังกาได้กำหนดให้ราหูเป็นดาวศรีของคนเกิดวันพุธ และเป็นกาลกิณีของคนเกิดวันศุกร์ ทั้งมีคำพยากรณ์ไว้อย่างละเอียดในแง่ของการเป็นศรีและเป็นกาลกิณี

โดยนัยแห่งทักษาพยากรณ์ ดาวราหูมิได้ให้โทษเพียงอย่างเดียว แต่ให้คุณด้วยคือให้คุณเมื่อเป็นศรี และให้โทษเมื่อเป็นกาลกิณี แต่ทั้งนี้จะต้องดูด้วยว่าในขณะที่เป็นทั้งศรีและเป็นกาลกิณีนั้นได้สถิตในเรือนใด และมีตำแหน่งใดด้วยจึงจะพยากรณ์ได้อย่างถูกต้องว่าให้คุณหรือให้โทษอย่างไร

ดังนั้น ข่าวที่ว่าราหูยกเข้าดวงเมืองจะทำให้เกิดโทษอย่างนั้นเกิดอย่างนี้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหนนั้น จะต้องใช้ความรู้ทางโหราศาสตร์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งมาวิเคราะห์จึงจะบอกได้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร

เริ่มด้วยการดูดวงเมืองว่าในเรือน 12 ของดวงเมืองที่ราหูจะยกเข้าไปนั้นมีดาวอะไรอยู่หรือไม่ และเมื่อยกเข้าเรือนนี้แล้วมีองศาสัมพันธ์กับดาวใดหรือไม่อย่างไร

จากการดูดวงเมืองในลักษณะดังกล่าวข้างต้น พบว่า ในเรือน 12 อันเป็นราศีมีนนั้น มีดาวในพื้นดวงอยู่ 3 ดวง คือ ศุกร์ (6) พุธ (4) และราหู (8) ดังนั้น เมื่อราหูยกเข้าสู่เรือนนี้ แน่นอนก่อนที่จะโคจรจากเรือนนี้ไปก็จะต้องผ่านดาว 3 ดวงนี้ และเมื่อได้ที่ผ่านก็จะเรียกว่า ทับ คือมีองศาเท่ากับดาวแต่ละดวงที่อยู่เดิม เช่น ถ้าทับพุธก็คือองศาเข้าสู่นวางค์ที่พุธ คือครอง 3-20 องศา ก็เรียกว่า ทับพุธ เป็นต้น

ส่วนว่าเมื่อทับแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องย้อนไปดูคำพยากรณ์ที่ยกขึ้นมาในเบื้องต้น ก็จะพบว่า ราหู หมายถึง ความมัวเมาเมื่อความมัวเมามาทับพุธ ในแง่ของอุปนิสัยบุคคลก็จะทำให้การพูดเจรจาพาทีขาดความอ่อนหวาน อะลุ้มอล่วย ไปจนถึงการไม่มีเหตุมีผล และเมื่อดูที่เรือนปรากฏว่า พุธมาจากเรือนที่ 3 ซึ่งหมายถึงเพื่อนด้วย ก็หมายถึงว่า จะมีปัญหากับเพื่อนหรือเพื่อนทำให้มีปัญหาได้

ยิ่งกว่านี้จะต้องนำเอาคู่ศัตรูของดาวแต่ละดวงมาดูประกอบด้วย และคู่ศัตรูของราหูก็คือพุธ เท่าที่ปรากฏสถิติแห่งศาสนพยากรณ์ เมื่อใดก็ตามที่พุธทับราหูและราหูทับพุธ จะต้องมีปัญหาเรื่องหนี้สิน คดีความฟ้องร้องเกือบทุกครั้ง

โดยนัยแห่งสูตรนี้คงพยากรณ์ได้ว่า ประเทศไทยรวมไปถึงผู้บริหารประเทศไทยด้วย จะตกเป็นจำเลยทางสังคม และกฎหมายโดยมีประชาชนเป็นโจทก์ได้ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ และเกิดการทวงสัญญาเกิดขึ้นก่อให้เกิดความยุ่งยากได้

ต่อมา ราหูทับศุกร์ ซึ่งมาจากเรือนที่ 2 อันหมายถึงเรือนเงินหรือเรือนกฎหมาย อันได้แก่ เงินเก็บ หรือในแง่ประเทศอาจหมายถึง เงินสำรองก็ได้ด้วย จะเกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากรายจ่ายเพิ่มขึ้น และรายรับลดลง ทำให้ฐานะการเงินการคลังของประเทศมีปัญหาวิกฤตได้

สุดท้าย ราหูทับราหูเอง จะส่งผลให้กระทบถึงความมัวเมาในบุคคลตัวตน ทำให้ยึดติดในอำนาจและขาดสติสัมปชัญญะ แล้วนำไปสู่การแสดงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจขึ้นได้ในที่สุด โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13 มี.ค.-23 ก.ย. 48 อันเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสฯ อันเป็นดาวแห่งสติปัญญาอยู่ในมุมที่ไม่สามารถถ่วงดุลกับราหูได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นเสมือนเปิดโอกาสให้การมัวเมาในอำนาจของบุคคลในระดับบริหารเป็นไปในทิศทางที่มุ่งผลประโยชน์อันอาจเกิดขึ้นแก่ตนเอง และพวกของตนเองก่อนที่จะมองเห็นภัยของส่วนรวม

แต่อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมานี้เป็นการดูจากดาวราหูกับดวงเมืองเพียงประการเดียว คงจะถือเป็นบรรทัดฐานได้ไม่เกิน 60% แต่ถ้าจะให้มีผลมากกว่านี้คงต้องดูดวงของผู้บริหารประเทศด้วยว่าได้รับผลกระทบจากดาวราหูในทางลบมากน้อยขนาดไหนเพียงไร จึงจะน่าเชื่อถือมากกว่า 60% อาจถึง 80% ด้วยซ้ำ

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการบูชาราหูจะทำให้อิทธิพลราหูลดลงได้หรือไม่นั้น ผู้เขียนขอบอกอย่างตรงไปตรงมาในฐานะคนดูดวงว่า ไม่เคยเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเหตุผลในแง่ตรรกศาสตร์ดังต่อไปนี้

1. ถ้าการสะเดาะเคราะห์ราหูด้วยการบูชาด้วยสิ่งของต่างๆ ดังที่ปรากฏตามข่าวแล้วแก้ปัญหาอันจะเกิดจากราหูได้จริง อิทธิฤทธิ์ของราหูจะยังคงมีมาให้พยากรณ์กันจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร เพราะการจัดหาสิ่งของที่ว่านี้ทำได้ไม่ยาก และใช้เงินเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เชื่อได้ว่าการบูชาด้วยสิ่งของที่ว่านี้เป็นเพียงพิธีกรรมที่มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นเพื่อการทำมาหากินของหมอดูมากกว่าที่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาสตร์ที่เกิดขึ้น และยืนยาวมาจนถึงบัดนี้

2. ถ้าราหูเป็นเทพเจ้าที่ทรงอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ปกติธรรมดาแล้วไยจึงต้องมายินดีกับสิ่งของบูชาเล็กๆ น้อยๆ ที่มนุษย์ผู้ต่ำต้อยกว่าจะมอบให้เล่า

อีกประการหนึ่ง ถ้าราหูผู้เป็นเทพยินดีรับของบูชา และยอมปล่อยให้ผู้บูชาตนเองรอดพ้นจากการลงโทษแล้วไซร้ ก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่าเทพเจ้าคอร์รัปชันเป็นแน่แท้ และเทพเจ้าผู้มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้จะยังนับถือบูชาอยู่อีกหรือ

จากเหตุผล 2 ประการดังกล่าวแล้ว ผู้เขียนจึงไม่เชื่อถือในเรื่องสะเดาะเคราะห์ แต่ถ้าผู้ที่มีชะตาชีวิตได้รับผลกระทบจากราหู เช่น มีลัคนาอยู่ที่ราศีมีนหรือกันย์ ซึ่งราหูเข้าทับและเล็งต้องการไปทำบุญเพื่อเพิ่มพูนความดีให้แก่ตนเอง และในขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่ตนเองด้วยก็ถือว่าทำได้ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการสะเดาะเคราะห์ด้วยการบูชาราหู

เท่าที่ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ สอนต่อๆ กันมา เมื่อราหูให้โทษ คือ ทับหรือเล็งลัคนาหรือแม้กระทั่งเข้าตรีโกณให้ผู้ที่คาดว่าจะได้รับโทษจากราหูไปทำบุญด้วยการสร้่างห้องสุขาให้แก่พระภิกษุสงฆ์ในวัดใดวัดหนึ่งเพื่อบรรเทาอิทธิฤทธิ์ราหูซึ่งฟังดูแล้วก็พอมีเหตุผลมากกว่าการสะเดาะเคราะห์ เพราะการทำบุญกับผู้มีศีลย่อมก่อให้เกิดกุศล และมีผลทำให้จิตใจสบายคลายกังวลลงได้ และยังเป็นการละความโลภ และความเห็นแก่ตัวลงได้ด้วย ซึ่งเท่ากับละเหตุแห่งภัยจากราหูลงได้โดยตรงนั่นเอง

โดยสรุปก็คือ ถ้าท่านคิดว่าท่านจะต้องลดภัยจากราหู ก็ควรที่จะทำดีและละเหตุแห่งภัยจากราหู อันได้แก่ ความโลภและหลงลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แค่นี้ก็จะช่วยให้ท่านหลุดรอดจากราหูได้แล้วในระดับหนึ่ง ถึงจะไม่หมดก็ดีกว่าจะเสียค่าโง่ด้วยการสะเดาะเคราะห์เป็นไหนๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น